The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 574
ซือหยูเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เขาเคลือบแคลงสงสัย
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมตระกูลกุยถึงต้องจู่โจมหลิงเสี่ยวเทียน?”
เจ้าตระกูลกุยถาม
ซือหยูจำได้ว่าเมื่อหลิงเสี่ยวเทียนถูกตระกูลกุยจู่โจม เขาถูกราชาแห่งความมืดช่วยชีวิตเอาไว้ นี่จึงเป็นเหตุให้เขาได้กลายเป็นเจ้าตำหนักรองของอาณาจักรทมิฬในภายหลัง ส่วนเรื่องที่เขาถูกทำร้าย…ไม่มีใครเลยที่รู้สาเหตุ
“นั่นก็เพราะสายเลือดของมัน นั่นไม่ใช่สายโลหิตปีศาจ…”
เจ้าตระกูลกุยพูดด้วยเสียงอันลึกล้ำ
ราชาปีศาจที่ยืนข้างๆตกใจ
“เป็นเรื่องจริงรึ?”
เจ้าตระกูลกุยตอบกลับอย่างนับถือ
“ท่านผู้อาวุโส มีบางคนที่มีสายโลหิตแตกต่างไปจากคนในตระกูลเรา เขาอันตรายมาก เขาเคยดูดกลืนเลือดเนื้อของคนตระกูลเราไปหลายคน เขายังข่มขืนสตรีในตระกูลอีก ท้ายสุด เราตัดสินประหารเขากับความชั่วร้ายนั่น!”
ราชาปีศาจขมวดคิ้วขึ้นมา
“สายโลหิตที่ต่างออกไปรึ?”
“ใช่กล้ว สายโลหิตของหลิงเสี่ยวเทียนชั่วร้ายแต่กำเนิด นั่นทำให้เขาชั่วร้ายไร้เหตุผล ดังนั้นเราต้องตัดสินใจ ข้าหวังว่าท่านจะอภัยเรา เราไม่ได้ตั้งใจสังหารคนในตระกูล แต่เราถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น…”
เจ้าตระกูลกุยตอบ
“มันมีความชั่วร้ายรึ?”
ราชาปีศาจสีหน้าหม่นหมอง
“อืม…นั่นมันแปลกจริงๆ”
เขาจึงหันไปหาซือหยู
“มีอีกสายเลือดอยู่ในเลือดเจ้า มันมีเจตจำนงค์ที่ชั่วร้ายอย่างเข้มข้น…”
“ท่านผู้อาวุโส เราจะจัดการกับเด็กนี่ยังไง?”
เจ้าตระกูลกุยจ้องมองซือหยู อารมณ์อันซับซ้อนแฝงอยู่ในดวงตา
“สายเลือดของเด็กนี่มีต้นกำเนิดมาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ยิ่งใหญ่กว่าพวกเรา แต่มันก็เป็นสายเลือดที่ข้าไม่รู้จัก เราไม่ควรให้มันแพร่กระจายออกไป!”
ซือหยูเริ่มกังวล เขาไม่นับว่าเป็นคนใกล้ชิดกับราชาปีศาจ และข้อตกลงของทั้งคู่กำลังจะจบลงแล้ว ราชาปีศาจหรี่ตามองและกำลังใช้ความคิด ความลังเลปรากฏบนใบหน้า
ซือหยูมีสมบัติวิเศษมากมายที่ราชาปีศาจต้องการ และยังมีสมบัติกึ่งวิญญาณอีกหลายชิ้นในครอบครอง ราชาปีศาจคิดว่าถ้าหากสังหารซือหยู เขาจะได้สมบัติมามากมาย!
แต่เมื่อเขาคิดต่อไปอีก สายตาของราชาปีศาจกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง
“ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน สายเลือดของมันไม่ใช่ปีศาจตนใด มันไม่มีความสัมพันธ์กับเรา”
เพราะอย่างไร้เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องฆ่าซือหยู และซือหยูเองก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วๆไปอย่างมาก เขาเองก็กำลังจะได้กลับจิวโจวในอีกไม่นาน เขาไม่อยากจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นก่อนการเดินทางครั้งนี้
เจ้าตระกูลกุยดูไม่เต็มใจที่จะยอมรับการตัดสินใจนี้
“ท่านผู้อาวุโส ด้วยพลังขอบเขตภูติของเรา เราอาจจะจับเด็กนี่ได้ถ้าร่วมมือกัน”
เขาพูดถูก ถ้าทั้งสองร่วมมือกันก็ยากที่ซือหยูจะรับมือแม้ว่าเขาจะใช้ลำดับห้าธาตุด้วยก็ตาม
“ข้าตัดสินใจไปแล้ว”
ราชาปีศาจถอนหายใจแรง เขาแอบส่งข้อความลับไปหาเจ้าตระกูลกุย
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมแพ้ง่ายๆรึถ้ามีโอกาสชนะมากกว่า? ไอ้เด็กนี่ยังมีเกราะราชาศิลานิรันดร์ของข้าอยู่นะ!”
เจ้าตระกูลกุยตกตะลึง เขาส่งคำพูดกลับ
“อะไรนะ? ท่านผู้อาวุโส ท่านคิดว่าเรามีโอกาสน้อยกว่าที่จะชนะไอ้เด็กนี่รึ?”
ใบหน้าของราชาปีศาจดูเป็นกังวล
“มันคงจะมีโอกาสครึ่งหนึ่งที่จะชนะถ้าเจ้าร่วมมือกับข้าน แต่ถ้าข้าสู้คนเดียว ข้าอาจจะไม่มีโอกาสชนะอยู่เลย ข้าอาจจะตายด้วยมือมันก็ได้”
เจ้าตระกูลกุยไม่เคยเห็นซือหยูต่อสู้ด้วยตาตัวเอง เขาได้รู้สถานการณ์จริงเมื่อได้ยินคำพูดจากราชาปีศาจ เจ้าตระกูลกุยมองซือหยูด้วยความระวังตัวมากขึ้น
“ข้าทำตามคำสัญญาแล้ว ลากันตรงนี้เถอะ”
ราชาปีศาจหยิบเอาม้วนคัมภีร์สีเหลืองออกมา คัมภีร์นั้นติดไฟลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน
ม้วนคัมภีร์นี้คือปฏิญาณสัตย์ดวงใจ ซือหยูกับราชาปีศาจได้ให้คำสาบานผ่านมัน ตอนนี้พวกเขาทำตามคำสาบานแล้ว มันจึงเผาตัวเองจนไม่เหลือสิ่งใด
ซือหยูสบายใจขึ้นมาเพราะเขาไม่ถูกพันธะฉุดรั้งไว้อีกแล้ว เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาสบายขึ้น
ราชาปีศาจประสานหมัดให้เขาและจากไป เขาพูดกลับมาโดยไม่หันมอง
“เจ้าอย่าใช้สายเลือดนั่นสุ่มสี่สุ่มห้าจะดีกว่า ที่ข้าเคยเจอ เจตจำนงค์ชั่วร้ายนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้ แต่ละครั้งที่เจ้าจะใช้ มันจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นจนในท้ายสุด…มันจะครอบครองร่างกายของเจ้าและควบคุมเอาไว้เอง ถึงตอนนั้นเจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดของสายโลหิต!”
ซือหยูใจสั่นเมื่อได้ยินคำเตือน ถ้าหากแม้แต่ราชาปีศาจก็กังวลถึงสายเลือดนี้ เขาเองจะประมาทไม่ได้!
“ขอบคุณที่เตือนข้า…”
ราชาปีศาจพยักหน้าและพาเจ้าตระกูลกุยกลับสู่มิติในท้อง เขาเตรียมจะบินทิ้งระยะ เขาพูดออกมาอีกครั้ง
“แยกทางกันตรงนี้เถอะ เจ้าต้องรีบไปโดยเร็ว ลำดับที่แบ่งแยกที่นี่จากโลกภายนอกพังทลายไปแล้ว หุ่นเชิดสีเงินอาจจะรู้ที่อยู่ของเจ้าแล้วก็ได้”
ราชาปีศาจนิ่งไปอีกก่อนจะทำหน้าจริงจัง
“เจ้าควรออกจากทวีปเฉินหลงซะ เจ้าอาจจะเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อีกมากถ้าหากยังชักช้า”
ซือหยูสับสนกับคำแนะนำนั้น แต่เมื่อเขามองเจ้าตระกูลกุยก็ได้สีหน้าที่ไม่ต่างกัน ซือหยูรีบบินหนีไปหลังจากที่ราชาปีศาจออกบิน
ราชาปีศาจไปทางตะวันออก ซือหยูไปทางตะวันตก แต่ทันทีที่บินออกท้องฟ้าก็หม่นหมอง บรรยากาศในกระโจมเทพสวรรค์มืดหม่นลง
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จู่ๆก็เกิดแรงกดดันที่ทำให้อากาศเริ่มแปรปรวน ท้องนภาสีครึ้มเหนือพวกเขาถล่มลงมา ฟ้าถล่มลงมาพร้อมกับเหล่าเมฆา แรงกดดันมหาศาลทำให้ซากเมืองเบื้องล่างกลายเป็นฝุ่นผง
ราชาปีศาจกับซือหยูที่กำลังบินถูกแรงกดดันมหาศาลนี้กดจนตกจากฟ้า พวกเขาไม่มีพลังพอจะต้านทานแรงกดดันนี้เลย ซือหยูสีหน้าหม่นหมองไปมาก
เมื่อซือหยูร่วงลงกับพื้น ลำแสงหลากสีเปล่งประกายรอบตัว นั่นคือลำดับห้าธาตุที่ปรากฏขึ้นมาปกป้องเขา
ปั้ง!
ลำดับห้าธาตุกระแทกกับพื้น มันสร้างรอยแยกลึกบนพื้น ลำแสงหลากสีอ่อนแสงลง โลหิตซึมออกมาจากมุมปากของซือหยู ดูเหมือนว่าเขากำลังเจ็บหนัก
เขาหันไปมองราชาปีศาจและพบว่าราชาปีศาจอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเขา โลหิตไหลออกมาจากมุมปากแม้เขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เขาร่วงลงสู่ฟื้นด้วยความเร็วสูง
ทั้งสองต้องรีบหันหนีจากแรงกดดัน พวกเขาพยายามหนีดินแดนอันมืดมิดที่กำลังส่งแรงกดันพวกเขา แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ก้าวเท้า หมอกสีดำก็พวยพุ่งมาจากพื้น หมอกเหล่านี้แน่นหนาปกคลุมซากเมืองทั้งหมดและฟ้าดิน
ปั้ง!
แรงสั่นสะเทือนะรุนแรงปะทุมาจากส่วนลึกสุดของธรณี เสียงดังก้องในหูของพวกเขา เสียงนั้นดูเหมือนกับเสียงหัวใจเต้น ความถี่ค่อยๆมากขึ้นและเร็วขึ้นราวกับมีบางอย่างกำลังตื่นขึ้นมา
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เสียงหัวใจเต้นดังไม่หยุด หมอกสีดำเริ่มแพร่กระจายพร้อมกันสั่นไปพร้อมกับธรณี ซือหยูยังรู้สึกด้วยว่าแม้แต่หัวใจของเขาเองยังเต้นอย่างรุนแรง
พลังอันน่ากลัวเอ่อล้นออกมาจากส่วนลึกของธรณี พลังที่ออกมานั้นเยือกเย็น ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
“นี่มันอสูร! เป็นไปไม่ได้! มันควรจะตายไปแล้วสิ! ทำไมมันยังอยู่เล่า?”
ความกลัวปรากฏบนใบหน้าราชาปีศาจ
เขาที่เป็นปีศาจนั้นรู้เรื่องอสูรดี และเขาเองก็หวาดกลัวมาก!
“หนีเร็ว!”
ราชาปีศาจตื่นตระหนก
ซือหยูตอบสนองทันควัน เขาถอยหนีอย่างไม่ลังเล
ฉ่า!
ซือหยูได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง เขาหันไปมองและพบว่าหมอกทมิฬได้รวมตัวกันและกลายเป็นรูปร่างที่คล้ายมนุษย์ มันกำลังรวมตัวเป็นร่างวิญญาณชายแก่!
แต่ที่ต่างออกไปในตอนนี้คือชายแก่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดทมิฬ! เกล็ดเหล่านี้ดูมีชีวิตเป็นของตัวเอง ดูเหมือนกับว่ามันกำลังหายใจอยู่
เขามองร่างที่ค่อยๆขยายตัว สิ่งที่ได้เห็นนี้น่ากลัวอย่างมาก!
ส่วนดวงตาชายแก่ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเป็นของมนุษย์เลย แววตากลับลึกล้ำและเป็นสีม่วงที่ชั่วร้าย
ร่างกายของเขาเริ่มก่อร่าง พลังนี้ทำให้ทั้งกระโจมเทพสวรรค์สั่นคลอน เวลาเดียวกันนั้นเองก็มีพลังมิติเข้ามาโอบล้อมกายเขา
วิญญาณชายแก่เงยหน้ายิงลำแสงทมิฬออกไป พลังนั้นมหาศาลอย่างมาก
พลังมิติที่เข้าโอบล้อมเขากระจัดหายไปในพริบตา พลังยังคงพุ่งต่อไปยังท้องฟ้าและระเบิดยอดของกระโจมเทพสวรรค์
ปั้ง!
เสียงระเบิดดังก้องนภา รอยแยกใหญ่เปิดออก พลังจากโลกภายนอกไหลเข้ามาในกระโจมเทพสวรรค์
พลังที่หลั่งใหลเข้ามานั้นต่างจากทวีปเฉินหลงและกระโจมเทพสวรรค์ มันเป็นพลังที่มีอยู่ในทวีปจิวโจว!