The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 546
ไป่หยีเจี้ยนนิ่งเงียบไป เขาดูจะเป็นห่วง
จากนั้นเมื่อเขาได้คิด เขาก็ไม่รู้สึกว่าซือหยูพูดผิดไปเสียทีเดียว ลูกหลานผู้เฝ้าสมบัติมักจะได้ทรัพยากรมหาศาล แต่การสำเร็จพลังถึงขอบเขตภูติกลับน้อยนิด
นั่นหมายความว่าพลังของเหล่าลูกหลานนั้นลดลงจากรุ่นก่อน แม้ว่าพวกเขาจะติดอยู่ในยอดเขาทั้งห้าที่ทำให้ขาดประสบการณ์ แต่ทรัพยากรที่มีก็ได้รับมากกว่าคนนอกมหาศาล
“เจ้าหนู รู้จักประเมินตนก่อนจะพูดเรื่องคนอื่นเถอะ”
ไป่หยีเจี้ยนดูใจเย็น เดิมทีเขาก็ไม่อยากจะพูดออกหน้าแทนบุตรชายอยู่แล้ว
ซือหยูส่ายหน้า
“ข้าไม่เคยเชื่อสักครั้งว่าข้าจะอ่อนแอกว่าคนที่ข่มคนอ่อนแอเพื่อทำให้ตัวเองดูสูงส่งอยู่แล้ว”
เอ๋? ไป่ฉีเลิกคิ้ว เขาแปลกใจ เขาไม่เชื่อว่าซือหยูจะกล้าท้าทายเขา! เขาไม่เคยคิดเลย+
“เจ้าจะบอกว่าเจ้าแข็งแกร่งมากสินะ?”
ไป่ฉีมองเขาอย่างเย็นชา
ซือหยูพยักหน้าเบาๆ
“ก็ใช่ ข้าคิดว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า”
“อย่างนั้นรึ?”
ไป่ฉีปล่อยพลังมหาศาลออกมา ดวงตาเขาไม่ละไปจากซือหยูเลย
จากนั้นเขาก็สะบัดแขนหยิบเอากระดูกแหลมที่ล้อมรอบด้วยพลังชีวิตออกมา มันคือกระดูกอย่างแน่นอน แต่มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกเย็นจนสั่นเพราะความกลัว
ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูสัมผัสได้ถึงพลังหยินอันเยือกเย็นจากกระดูกแหลม ซือหยูยังสัมผัสได้ถึงพลังโลหิตอีกด้วย
และมันคือพลังของเลือดเนื้อ นั่นหมายความว่าไป่ฉีเพิ่งจะฆ่าคนมา!
ฮื่ม! ซือหยูเผชิญหน้ากับกระดูกแหลมอย่างไร้ซึ่งความกลัว! จากนั้นกระบี่ทองเล่มหนึ่งก็พุ่งมาที่มือของเขา
กระบี่เล่มเล็กหายไปจากกลางอากาศ มันปรากฏอีกครั้งในจุดที่ใกล้กับคอของไป่ฉีอย่างมาก! มันกำลังจะตัดคอหอยของเขาไปแล้ว!
โชคดีที่ไป่ฉีตอบสนองได้เร็วและเขาเองก็เป็นกึ่งภูติที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกระบี่หายไป เขารีบถอยไปข้างหลังและหยิบสร้อยหยกออกมา
สร้อยหยกปล่อยพลังสีขาวออกมาที่เหมือนกับคลื่นวารี มันล้อมรอบตัวไป่ฉี กระบี่ทองที่ตัดผ่านพลังสีขาวลดความเร็วลงไปอย่างมาก
ไป่ฉีใช้โอกาสนี้ถอยกลับไปเพื่อหลบกระบี่ที่ช้าลง
“เจ้ามีสมบัติกึ่งวิญญาณที่ลดความเร็วของมิติได้รึ? ดูเหมือนข้าจะประมาทเจ้าไป!”
ไป่ฉีอับอายยิ่งกว่าเดิม แผนของเขาล้มเหลว
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ราวกับว่าเขาพ่ายแพ้ซือหยู!
ซือหยูไร้อารมณ์ เขายั่วยุไปฉีต่อไป
“ถ้าเจ้ามีแค่นี้ เจ้าก็ไม่ได้ดีอะไรนักหรอก เลิกแสร้งว่าตัวเองยิ่งใหญ่สักที เจ้าไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะหรืออย่างไร?”
ไป่ฉีตะโกนกลับ
“ข้าจะสั่งสอนเจ้าว่าของจริงเป็นยังไง!”
ซือหยูดูผ่อนคลายอย่างมาก เขาไม่รีบเตรียมรับมือการโจมตีที่กำลังจะมาถึง เขาเพียงส่ายหน้า
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แต่อยากจะพูดว่าทำไมเจ้าถึงแพ้ได้เร็วเช่นนี้ต่างหาก?”
พ่ายแพ้รึ?
ไป่ฉีหยุดนิ่งไป ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่หลังคอ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสและรู้สึกถึงของเหลวหนืดไหลมาที่กลางฝ่ามือ
เขาชักมือกลับมาดูและเบิกตากว้าง มือของเขาเต็มไปด้วยโลหิต! ที่หลังคอของเขาถูกเฉือน สายโลหิตหลั่งไหลออกมาไม่หยุด!
ไป่ฉีหัวใจแทบหยุดเต้น เขาสงสัย….
เกิดอะไรขึ้น? มีคนมาฟันหลังคอของเขาตั้งแต่เมื่อใดกัน?
การที่แค่ผิวชั้นนอกถูกฟันก็คือความเมตตาจากซือหยูแล้ว! มิเช่นนั้นกระบี่นั้นก็คงจะบั่นคอไป่ฉีได้โดยไม่ต้องลงแรงเลย!
คนรอบๆมองซือหยูด้วยความกลัว พวกเขาเห็นแค่ซือหยูเก็บกระบี่ทองสองเล่มกลับไป
เล่มแรกคือเล่มที่ใช้ดึงความสนใจของไป่ฉี ส่วนอีกเล่มนั้นลอบไปที่ด้านหลังของเขา!
พวกเขาไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นเพียงราชามนุษย์จะมีอาวุธชั้นเยี่ยมถึงสองชิ้น แต่ละชิ้นล้วนมีพลังที่น่ากลัว! ถ้าพวกเขาประมาทเหมือนไป่ฉี พวกเขาก็คงจะตายด้วยมือซือหยู!
ซู่ม!
ซือหยูยกมือคว้ากระบี่ทั้งสองเล่ม ซือหยูที่เก็บกระบี่สองเล่มโดยไม่สนใจอะไรนั้นราวกับผู้ชนะ! ไป่ฉีอับอายยิ่งกว่าเดิม
แต่เดิมเขาอยากจะมอบบทเรียนให้กับซือหยู แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนถูกสั่งสอนเสียเอง และซือหยูก็ยังปล่อยให้เขามีชีวิตรอด! ไป่ฉีไม่รู้ว่าจะอับอายมากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว!
ซือหยูไม่พูดอย่างอื่นหลังจากเก็บกระบี่ไป เขาหันไปหาเซี่ยจิงหยู
“ไปกันเถอะ”
จากนั้นทั้งสองก็ก้าวเข้าไปยังลำดับเวททางช้างเผือก จิตสังหารของไป่ฉีเอ่อล้นออกมาทางดวงตา
ซู่ม!
เมื่อซือหยูก้าวเข้าไปยังลำดับเวท ไป่ฉีก็มองเขาอย่างชั่วร้ายและปล่อยพลังสีเทาออกจากดวงตา มันพุ่งตรงไปยังซือหยูกับเซี่ยจิงหยู!
แสงสีเทานี้ไม่ใช่พลังทางกายภาพ มันคือพลังในระดับจิต มันคล้ายกับดวงวิญญาณแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว มันคือฎีกาสวรรค์!
ฎีกาสวรรค์นั้นออกมาจากภายในของผู้ใช้พลัง ถ้าหากผู้ใช้เป็นคนชั่วร้าย ฎีกาสวรรค์ก็จะเป็นพลังที่ชั่วร้ายและให้ความรู้สึกอึดอัด การเข้าใกล้ก็จะทำให้ดวงวิญญาณเต็มปวด
แสงสีเทาพุ่งออกไปดั่งแม่น้ำ มันพุ่งไปอย่างรวดเร็วที่ซือหยูและเซี่ยจิงหยูที่ไม่รู้ตัวและไม่ได้ป้องกันตัวเลย ชางก่วนชิงเอ๋อตกใจมาก นางไม่คิดว่าไป่ฉีจะทำเรื่องโหดร้ายอย่างโจมตีศัตรูที่ไม่ได้ตั้งตัว โดยเฉพาะกับซือหยูที่ปล่อยให้เขามีชีวิตรอด!
แต่ไป่ฉีก็จู่โจมอย่างรวดเร็ว นอกจากไป่หยีเจี้ยนที่อยู่ใกล้ก็ไม่มีใครจะยื่นมือเข้ามาหยุดการโจมตีนี้ได้ ไป่หยีเจี้ยนเพียงแค่ขมวดคิ้วเบาๆ เขาไม่ได้ขยับตัวเพื่อหยุดการโจมตีแม้แต่น้อย
ซือหยูตะโกนเมื่อสัมผัสได้ว่ากำลังจะถูกโจมตี
“หึ เอาฎีกาสวรรค์ของข้าไป!”
ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงและขาวพุ่งออกจากดวงตาของเขา มันคือฎีกาสวรรค์ระดับเทพ
ลำแสงเจาะผ่านพลังสีเทาได้ในทันที แม้ว่าพลังทั้งสองจะเป็นฎีกาสวรรค์ ซือหยูก็ไปถึงขั้นฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์แล้ว พลังนั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าของไป่ฉี
พลังสีเทากระจายหายไป ฎีกาสวรรค์ของซือหยูพุ่งตรงไปหาไป่ฉี ไม่มีทางที่เขาจะสวนกลับได้ทัน
เป๊าะ!
เมื่อพลังกำลังจะถึงตัวไป่ฉีก็มีฝ่ามือใหญ่จากด้านข้างเข้ามาบดขยี้ลำแสงนั้น! จากนั้นไป่ฉีก็หันไปจ้องมองซือหยูด้วยความชิงชัง
เสียงอันไม่เป็นมิตรดังขึ้น
“เจ้าไม่ได้คิดว่ากำลังอยู่กับคนที่เหนือว่าเจ้างั้นรึ?”