The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 451
ไป่ลั่วชักสีหน้า เขาไม่กล้าจะประมาท เขาหยุดใช้พลังมิติและสร้างมิติยักษ์คลุมผิวกาย นี่คือวิชาที่ไป่ลั่วใช้ป้องกันตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พูดได้ว่าเขาไร้เทียมทาน
ฟึ่บ–
แต่ร่างเงาสีม่วงก็มาถึงในไม่นาน มันสัมผัสกับพลังมิติและปะทะกัน หลังจากรับมือได้ไม่นาน ฝ่ามือทมิฬก็ซัดลำตัวไป่ลั่วอย่างดุดัน
เป๊าะ–
เสียงกระดูกแตกดังลั่นทันที! ไป่ลั่วเบิกตากว้าง เขากระอักเลือดออกมามากมายและกระเด็นออกจากลานประลองราว
ชายแก่ขี้เมาสีหน้าเคร่งเครียด เขาโบกมือรับไป่ลั่วที่ยังกระเด็นอยู่เอาไว้ เขาตกใจและจ้องมองไป่ฉี
“เจ้าใช่คนจากทวีปเฉินหลงหรือไม่?”
คำพูดของชายแก่ทำให้หลายคนตัวสั่น หากชายแก่พูดเช่นนั้น…ก็หมายความว่าชายชุดม่วงนั้นเป็นยอดฝีมือที่อยู่ระดับเดียวกับชายแก่ขี้เมา!
ไป่ฉีหัวเราะ
“ข้าไม่สนใจจะทำอะไรสถานที่รกร้างว่างเปล่าอย่างทวีปเฉินหลงหรอก เจ้ามิต้องกังวล”
ชายแก่นั่งลง
“ข้าก็หวังเช่นนั้น”
ทุกคนตกใจในความแข็งแกร่งของไป่ฉี ซือหยูยืนยันได้ว่ายอดฝีมือผู้อยู่ในระดับกึ่งเทพที่แข็งแกร่งผิดหูผิดตาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากราชาปีศาจ!
เขาคิดถึงตอนที่ถูกราชาปีศาจไล่ล่าและรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดี พลังของราชาปีศาจน่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ซือหยูสัมผัสคันฉ่องจักรวาลโดยไม่รู้ตัว ในนั้นมีแขนอาบโลหิตอยู่ภายใน
“ดูเหมือนว่าการไม่ใช้แขนของราชาปีศาจจะเป็นเรื่องดี!”
ซือหยูพูดกับตัวเอง
แม้ว่าเขาตกลงจะร่วมมือกับราชาปีศาจ ซือหยูก็ยังคงกังวล ดังนั้นแล้วเขาก็เลยไม่กล้าจะใช้แขนของราชาปีศาจ ถ้าหากซือหยูยืนยันไม่ได้ว่าเขาเหนือกว่าราชาปีศาจ เขาก็จะไม่มีทางลองใช้แขนนี้แน่
ฟึ่บ–
มังกรทองยาวสิบสี่นิ้วปรากฏที่เหนือศีรษะของไป่ฉี! ส่วนมังกรตัวที่หกที่ยังไม่ตอบสนองก็เปล่งแสงออกมาทั้งตัว! แม้แต่ครึ่งส่วนของมังกรตัวที่เจ็ดก็ตอบสนอง! การต่อสู้ของเขาทำให้เกิดผลอันน่าตกใจ!
ในตอนนั้นก็มีเสียงดังออกมา
“ชั้นที่หกถูกปลดผนึก การประลองลับสวรรค์จะจบลง”
เสียงนั้นทำให้ทุกคนเงียบไป
“ทำไมถึงจบเล่า? พวกเรายังไม่ได้ประลองด้วยซ้ำ!”
ยังมีคนอีกเกินครึ่งที่ไม่ได้ประลองแม้สักครั้ง ไม่มีใครคาดคิดว่าการประลองลับสวรรค์จะจบลงไปทั้งอย่างนี้
ชายแก่ขี้เมาสีหน้าจริงจัง
“ฮื่ม! เจ้าคิดว่านี่มันยุติธรรมแล้วรึ? ในการประลองลับสวรรค์ที่จิวโจว ทุกคนมีสิทธิ์จะประลองกับทุกคนเพื่อให้แน่ใจว่ามังกรจะตอบสนองจนถึงตัวสุดท้าย”
เขาตะคอก
“แต่ในทวีปเฉินหลง การประลองกลับจะจบเพียงที่มังกรตัวที่หก เพราะกลัวที่คนทวีปเฉินหลงจะใช้ทรัพยากรของตัวเองไปงั้นเรอะ!”
กระโจมเทพสวรรค์ดูเหมือนจะคล้อยตามอำนาจของใครบางคน นั่นทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากของแต่ละดินแดน หากพวกเขายังสู้ต่อไป ก็เป็นไปได้ว่ามังกรตัวที่เจ็ดจะถูกปลดผนึก
ในตอนนั้นก็มีเสียงดังอีกครั้ง
“มังกรตัวที่หกถูกปลดผนึก ทุกคนจะถูกย้ายไปที่ชั้นหก ตอนนี้จะยืนยันให้แต่ละเสาศิลา”
“เสาแรก ยี่สิบนิ้ว”
เสาศิลาที่ได้มังกรทองยาวที่สุดต้องเป็นของเจ็ดจ้าวแห่งความมืดอยู่แล้ว ไป่ลั่วเองก็ได้มังกรมาแล้วสิบห้านิ้ว จ้าวยี่หยูได้มาอีกห้า รวมกันเป็นยี่สิบ
“เสาที่สอง สิบหกนิ้ว”
นั่นคือเสาของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ หลงหวูชิงได้สิบสามนิ้วจากสองการประลอง และหลงเฟยฉิงก็เอาชนะฉินยู่ชางและได้มาอีกสามนิ้ว ดังนั้นจึงรวมแล้วได้สิบหก
“เสาที่สาม สิบห้านิ้ว”
ซือหยูคนเดียวที่ได้สิบห้านิ้ว ฉินยูชางกับฉินจิวหยางนั้นพ่ายแพ้ในการประลอง ซือหยูชนะสามการประลองอย่างต่อเนื่อง ลำดับจึงเป็นเช่นนี้
“เสาที่สี่ สิบสี่นิ้ว”
ไป่ฉีได้มังกรยาวสิบสี่นิ้วในการประลองเดียว
“เสาที่ห้า ศูนย์”
สี่ตระกูลได้ต่อสู้เพียงครั้งเดียว และยังเป็นการต่อสู้ที่พ่ายแพ้
“เห็นแก่หลายคนที่ยังไม่ได้ต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม อีกครึ่งชั่วยาม ทุกคนจะต้องต่อสู้กันเพื่อชิงมังกรทอง! คนที่แพ้จะถูกริบเอามังกรไปครึ่งส่วน จากนั้นจะตรวจสอบกลุ่มที่ได้มังกรยาวที่สุด จากนั้นจะได้จัดลำดับอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
สีหน้าของผู้คนจากทุกเสาศิลาเปลี่ยนไป นั่นก็หมายความว่าทั้งห้าเสาศิลาจะต้องต่อสู้กันอีกหลายครั้ง
และที่สำคัญที่สุดคือไม่มีการประกาศข้อบังคับ นั่นหมายความว่าการสังหารก็ไม่ผิดอะไร
ชายแก่ขี้เมาหัวเราะอย่างโศกเศร้า
“ฮื่ม! ถ้ายอดฝีมือในจิวโจวเป็นมนุษย์ ยอดฝีมือในทวีปเฉินหลงก็เป็นเดรัจฉานต่ำต้อยงั้นเรอะ?”
ทุกคนบอกได้เลยว่าการกระทำเช่นนี้ของกระโจมเทพสวรรค์ก็คือการให้คนในทวีปเฉินหลงเข่นฆ่ากันเอง
“พวกเจ้าจงฟัง ไม่เห็นไรหากพวกเจ้าจะชิงมังกรกัน แต่พวกเจ้าห้ามเข่นฆ่ากัน ถ้าใครฝ่าฝืนก็อย่าโทษที่ข้าไร้หัวใจ!”
ชายแก่พูดอย่างเยือกเย็น
ซือหยูรู้สึกขอบคุณอย่างมาก ถ้าผู้เฒ่าจิวไม่พูดอะไรที่นี่ก็คงจะจบลงด้วยการนองเลือด จากนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ไม่มีกล้าจะตอบโต้กับคนในขอบเขตภูติอยู่แล้ว
“เริ่มได้”
เสียงดังขึ้น
แต่เหล่าผู้คนก็เงียบอย่างประหลาด ไม่มีใครลงมือทำอะไร สี่ตระกูลนั้นไม่ได้มีมังกรจึงไม่มีใครคิดจะต่อสู้กับคนเหล่านั้น และอีกสี่เสาก็ยังเป็นขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครคิดจะเข้าไปยุ่งด้วย
ส่วนไป่ฉีก็เป็นคนที่น่ากลัว ใครกันจะไม่หวาดกลัวเขา?
เขามองดูคนที่จะประลองแต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรและเขาก็เบื่อหน่ายที่จะสนใจผู้คน เขานั่งลงและคิดแต่เรื่องของตนเอง
นั่นทำให้ทุกคนรู้สึกเบาใจ ถ้าไป่ฉีอยากจะสู้เพื่อตำแหน่งแรกก็มีไม่กี่คนที่จะรับมือได้
ในตอนนี้เหลือเพียงเสาศิลาทั้งสาม ทั้งพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เจ็ดจ้าวแห่งความมืด กับซือหยูที่หลงเหลือ ทั้งหมดมองหน้ากันไปมา
ณ ขณะนี้ หลงหวูชิงมีมังกรสิบสามนิ้ว หลงเฟยฉิงมีสามนิ้ว ไป่ลั่วมีสิบห้านิ้ว ยี่หยูห้านิ้ว และซือหยูสิบห้านิ้ว มีแค่คนเหล่านี้ที่มีมังกรทองในครอบครอง
ทุกคนมองหน้ากัน ไปลั่วเล็งเป้าหมายไปยังหลงเฟยฉิงที่อยู่ในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!
ยากที่ไป่ลั่วจะชิงมังกรจากซือหยูมาได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นเขาจึงเลือกคนที่มั่นใจที่สุดอย่างหลงเฟยฉิง
วายุมิติปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหลงเฟยฉิง ฝ่ามือของไป่ลั่วพุ่งออกมาอย่างดุดัน หลงเฟยฉิงชักสีหน้าด้วยความตกใจ
“ฮื่ม!”
หลงหวูชิงที่อยู่อีกด้านพุ่งเข้าไป เงาด้านหลังเปล่งแสงสีทองออกมา
สมบัติเทพนับไม่ถ้วนลอยออกจากหีบโบราณ สมบัติเทพมากกว่าร้อยชิ้นพุ่งเข้าไป วายุมิติที่มีพลังมิติทั้งหมดของไป่ลั่วสั่นสะเทือน
ไป่ลั่วเจ็บปวดและดึงมือออกด้วยความตกใจ พลังของหีบโบราณนั้นน่ากลัวจนเกินไป
สมบัติเทพแค่ร้อยชิ้นก็มีพลังมากมายเช่นนี้ ถ้าสมบัติเทพพันชิ้นทั้งหมดออกมาในคราเดียวจะน่ากลัวเพียงใดกัน? และก็ยากที่จะบอกว่าไป่ฮีจะรับมือกับสมบัติเทพพันชิ้นได้
เพราะไป่ฉีเองก็ยอมแพ้ตรงๆเมื่อต้องประลองกับหลงหวูชิง ไม่ผิดแน่ นางคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่!
“แต่เดิมข้าก็หวังจะชิงมังกรทองจากราชาปีศาจหิมะทมิฬ แต่ถ้าเจ้าลงมือ ข้าก็จะชิงมังกรจากเจ้าก่อน!”
หีบอ้าปาก แสงทองเปล่งประกาย ในครั้งนี้มีสมบัติเทพสองร้อยชิ้นพุ่งออกมา สีหน้าไป่ลั่วเคร่งเครียด เขารีบหลบการโจมตีโดยใช้พลังมิติป้องกันตัวไปพร้อมกันอย่างชาญฉลาด
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงหวูชิง ไป่ลั่วทำได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น เหล่าเจ็ดจ้าวแห่งความมืดที่เหลือใช้จังหวะนี้เข้าจู่โจมหลงเฟยฉิง!
หลงเฟยฉิงฝืนยิ้ม เขาพูดเตือน
“เซี่ยนเอ๋อ ไปหลบที่อีกด้าน ไม่ต้องลงมือ นี่ไม่ใช่เวลาของเจ้า เก็บพลังวิญญาณเอาไว้”
หลงเฟยฉิงพูดและเผชิญหน้ากับการโจมตีจากห้าจ้าวแห่งความมืดแต่เพียงลำพัง จ้าวแห่งความมืดที่เหลือนั้นน่าจะทำอะไรเขาไม่ได้มากนักแม้แต่จ้าวฉิงจูเองก็ตาม มีเพียงแค่จ้าวยี่หยูเท่านั้นที่น่ากลัว
หลงเฟยฉิงที่โดนโจมตีจากทุกด้านนั้นเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง ส่วนยี่หยูเองก็โบกมือสร้างกระบวนท่าต่อไป นางกำลังจะปล่อยกระบวนท่าใหญ่ที่จะทำให้หลงเฟยฉิงบาดเจ็บรุนแรง
หลงเฟยฉิงนั้นโศกเศร้าเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนั้นเองก็มีสองคนบินเข้ามาพร้อมกันและขับไล่เหล่าจ้าวแห่งความมืดทั้งห้าให้พ้นทาง เงาเส้นผมสีแดงจ่อกระบี่น้ำแข็งที่กลางหน้าผากหลงเฟยฉิง
หลงเฟยฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น
“ข้ายอมแพ้”
คนที่อยู่ต่อหน้าเขาคือซือหยู! ซือหยูไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไป่ลั่วเลย เขาจะเอาชนะได้ยังไง?
มังกรยาวสามนิ้วเหนือศีรษะลดความยาวไปหนึ่งในสาม ส่วนมังกรของซือหยูก็ยาวเป็นสิบหกนิ้ว เขาได้กลายเป็นคนที่มีมังกรยาวที่สุด ณ ขณะนี้
หลังจากทุกอย่างจบลง ซือหยูก็หันกลับไปที่เสาศิลาอย่างไม่ลังเล กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางนั้นยืนเพื่อปกป้องซือหยู
“ขอบคุณพี่ชายสองคนที่ช่วยเหลือข้า”
ซือหยูขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
กังต้าเหล่ยหัวเราะเสียงดัง
“จะพูดเช่นนั้นกับข้าอีกทำไมกัน? ยิ่งเจ้าได้มังกรยาวเท่าใด พวกเราก็จะยิ่งได้สถานที่ที่ดีขึ้นเท่านั้น”
ฉินจิวหยางพยักหน้าเบาๆและยิ้มอย่างใจดี ทั้งสองไม่ได้มีมังกรอยู่เลย ในตอนนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามชิงมังกรเท่าใดก็ยากอย่างมากที่จะได้อยู่ในสามลำดับแรก ดังนั้นแล้ว พวกเขาช่วยเหลือให้ซือหยูได้บรรลุเป้าหมายจะดีที่สุด
เหล่าจ้าวแห่งความมืดตัวแข็งทื่อ วพกเขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้มังกรจากหลงเฟยฉิง แต่ท้ายสุดก็เทียบกับราชาปีศาจหิมะทมิฬมไ่ได้
ยี่หยูหัวเราะ
“ท่านหิมะทมิฬ ท่านไม่คิดถึงไมตรีของพวกเราจากก่อนหน้านี้เลยจริงๆสินะ”
คำพูดของนางทำให้จ้าวแห่งความมืดอีกสี่คนแสดงสีหน้าประหลาด ตลอดมาจ้าวยี่หยูนั้นปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างสง่างามและเยือกเย็น พวกเขาไม่คิดว่านางจะมีด้านที่ดูเจ้าชู้เช่นนี้ นางในตอนนี้ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ใบหน้าใต้ไอวารีแดงระเรื่อ
ซือหยูยิ้ม
“ฮ่าๆๆ ถ้ากำลังพูดถึงมิตรภาพก่อนหน้านี้ เหตุใดจ้าวยี่หยูไม่ให้มังกรกับข้าและช่วยให้ข้าได้สำเร็จเป้าหมายเล่า?”
แต่ยี่หยูก็ไม่กล้าจะผลีผลามอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ ข้าปรารถนาจะประลองกับท่านหิมะทมิฬมานานแล้ว”
“ไม่ได้นะ! คนคนนั้นมีพลังเยอะเกินไป ถ้าเจ้าเผชิญหน้ากับเขาตามลำพังก็จะเสี่ยงเกินไป!”
ฉิงจูสีหน้าเปลี่ยนไป
แต่ยี่หยูก็พูดออกมา
“ถ้าข้าไม่สู้กับเขาตามลำพัง ความเสี่ยงก็จะมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”
สายตาเหล่าจ้าวแห่งความมืดมองไปยังฉินจิวหยางกับกังต้าเหลายที่ยังไม่ได้ต่อสู้กับใครเลย พวกเขาตัวสั่น ถ้าพวกเขารุมซือหยู ทั้งสองคนก็คงจะไม่ยืนดูอยู่เฉยๆแน่
“ไม่เป็นปัญหา…”
ซือหยูพยักหน้าตกลงทันที
เขาก็เคยคิดจะประลองกับหญิงสาวคนนี้มานานแล้วเช่นกัน…