The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 445
“ข้ายังไม่แพ้!”
ฉินยู่ชางทั้งอับอายและโกรธเกรี้ยว แส้ของเขาลอยออกจากมือร่ายรำบนท้องนภา มันซัดภูเขาทั้งสามที่ทับเขาออกไป
แต่เมื่อภูเขาหายไป แม่น้ำสายใหญ่ก็ซัดเข้าใส่เขา เขาถูกการโจมตีอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง โลหิตไหลออกจากมุมปาก แววตาเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาต่อสู้ด้วยพลังสูงสุด
“ระเบิดไปซะ!”
ฉินยู่ชางตะโกนลั่น
หลงเฟยฉิงป้องกันไม่ได้ เขาถูกบังคับให้ต้องถอย เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดอย่างน่ากลัว
“ทำลายสมบัติเทพงั้นรึ? เจ้ามันบ้าบิ่นนัก แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้ามีพลังแค่นั้น!”
เขาพูดจบและโบกพัดในมืออย่างต่อเนื่อง ภูเขาลูกใหญ่เก้าลูกเข้าปะทะเสียงดัง
ฉินยู่ชางชักสีหน้า เขาตะโกน
“ระเบิด!”
แรงระเบิดต่อมาได้ทำให้ภูเขาทั้งเก้าถูกทำลาย แต่เขาก็ต้องเสียสมบัติเทพของตัวเองไปมากกว่าครึ่งส่วน
ส่วนหลงเฟยฉิงนั้นไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย! เขาเพียงใช้พลังวิญญาณไปเล็กน้อย
“หึหึ เจ้าหมาจนตรอกเอ้ย!”
หลงเฟยฉิงโบกพัดอย่างเรียบเฉย ภูเขาสี่ลูกออกมาพร้อมกัน
ฉินยู่ชางที่เสียสมบัติเทพไปมีเพียงเวลาให้ทำลายภูเขาลูกเดียว เขาถูกภูเขาที่เหลืออีกสามลูกกดดันอยู่กับพื้น เขาขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“เจ้า…บัดซบ! ข้ายังไม่แพ้!”
หลงเฟยฉิงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“เจ้ามันต่างอะไรกับสุนัขที่เห่าไม่รู้หยุดรึ?”
เขาพูดจบและกดมือทั้งสองเบาๆ ภูเขาทั้งสามลูกหนักขึ้น ฉินยู่ชางกรีดร้องและสลบในเสี้ยววินาทีนั้น! เขาใช้เพียงแค่เจ็ดกระบวนท่า
ฉินจิวหยางสีหน้าเบื่อหน่าย เขาบอนลงไปช่วยพยุงฉินยู่ชางและใส่พลังวิญญาณเพื่อช่วยให้เขาได้สติ ฉินยู่ชางสีหน้าเกรี้ยวกราดในทันทีที่ได้สติ
“เดี๋ยว ข้ายังไม่…”
เพี๊ยะ—
ฝ่ามือซัดใส่ใบหน้า ฉินจิวหยางพูดอย่างไม่แยแส
“หยุดทำขายขี้หน้าได้แล้ว”
เขาพูดจบและพาฉินยู่ชางกลับไปที่เสาศิลา
“คนจิตใจคับแคบอย่างนั้นมีหน้าเข้ามาที่กระโจมเทพสวรรค์ได้ยังไงกัน?”
“ดูเหมือนเขาจะเป็นนายน้อยที่ถูกเอาใจ หากประลองทั่วไป การให้เขาได้ลงมือกระบวนท่าแรกก่อนก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน”
“หึหึ คนแพ้ไม่เป็นเช่นนี้คงจะได้แต่ตายในที่อันตรายอย่างกระโจมเทพสวรรค์เท่านั้น เขาจะมาที่นี่ทำไมกัน?”
ฉินยู่ชางใบหน้าเขียวช้ำเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความชิงชังของเขาหนาแน่น เขามองเห็นใบหน้าอันไร้อารมณ์ของซือหยูที่มองเขาอย่างดูถูกและถอนหายใจแรง
“มันตลกมากนักเรอะ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ไม่ว่าข้าจะอ่อนแอยังไง ข้าก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนโง่เขลาอย่างเจ้า!”
ซือหยูหันไปมอง เขาพูดกับฉินยู่ชางเป็นครั้งแรก
“เจ้าคนจิตฟั่นเฟือน!”
ในตอนนั้น ลายมังกรตัวแรกใต้เสาศิลาเริ่มขยับ การต่อสู้ครั้งนี้เทียบได้กับมังกรตัวเดียวเท่านั้น
นั่นทำให้หลายคนใจแป้ว การต่อสู้ระหว่างราชามนุษย์ของคนทำได้แค่ทำให้มังกรตัวเดียวตอบสนอง ดูเหมือนว่าการทำให้มังกรตอบสนองนั้นจะยากกว่าที่หลายคนคิดเป็นอย่างมาก
และในเวลาเดียวกัน มังกรยาวหนึ่งนิ้วก็ปรากฏบนศีรษะของหลงเฟยฉิง มันคือตัวแทนของการต่อสู้ครั้งที่แล้ว
“ผู้ชนะจะเลือกสู้กับคนอื่นในกลุ่มที่พ่ายแพ้ได้”
หลงเฟยฉิงแววตาเย็นชา เขามองกลุ่มที่มีฉินยู่ชาง ตามกฎแล้ว ฉินยู่ชางที่พ่ายแพ้ไปแล้วจะถูกเลือกไม่ได้อีก
แต่อีกสามคนที่เหลือก็มีสองคนที่เป็นกึ่งเทพ เขาจะต่อสู้ได้ยังไง?
“เช่นนั้นก็คงต้องเป็นเจ้า เจ้าคือราชาปีศาจหิมะทมิฬใช่หรือไม่?”
หลงเฟยฉิงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ข้าไม่มีใครอื่นให้สู้แล้ว ข้าได้แต่สู้กับเจ้า”
ซือหยูบินลงไป เขาพูดอย่างเรียบเฉย
“เข้ามา”
หลงเฟยฉิงมองดูซือหยูหัวจรดเท้า
“ฮื่ม ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน เจ้าคือลำดับหนึ่งแห่งยุคในทวีปเหนือใช่หรือไม่? ชื่อเสียงนั่นน่ายกย่องก็จริง แต่ก็น่าเสียดายนักที่พลังเจ้าก็เทียบเท่าแค่คนธรรมดา ข้าได้แต่พูดว่าทวีปของเจ้าขาดผู้มีพรสวรรค์จริงๆ คนอย่างเจ้าที่ระดับแค่นี้ถึงได้มีชื่อเสียงเป็นลำดับหนึ่งของทวีปเหนือ”
ซือหยูขมวดคิ้วและตอบโต้
“เจ้าพูดมากเหลือเกิน ข้าจะพูดอีกครั้ง…เข้ามา”
หลงเฟยฉิงไม่พอใจ
“ถ้าข้าเลือกเจ้า ข้าก็ต้องไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า เช่นนี้จะดีหรือไม่? ข้าจะให้เจ้าสาม…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซือหยูหายไปราวกับเงา หลงเฟยฉิงชักสีหน้า เขารีบมองรอบๆอย่างรวดเร็ว
เขาพบร่องรอยของซือหยูในไม่นาน สีหน้าของเขาเคร่งเครียด
“เจ้าไม่รับโอกาสที่ข้าหยิบยื่นให้เอง อย่ากล่าวโทษข้าก็แล้วกัน!”
เขาโบกพัดในมืออย่างต่อเนื่อง ภูเขาเก้าลูกใหญ่พุ่งเข้าใส่ซือหยูอย่างรุนแรง
แกร๊ก–
แต่เหล่าภูเขานั้นก็กลายเป็นภูเขาน้ำแข็งในพริบตา จากนั้นมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยความเย็นสุดขั้ว มันกลายเป็นเศษน้ำแข็งนับไม่ถ้วน
ซือหยูเร็วปานสายฟ้า เขาพุ่งทะยานผ่านนภาที่เต็มไปด้วยเศษน้ำแข็งราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่ เขาพุ่งตรงไปยังหลงเฟยฉิง
หลงเฟยฉิงตกตะลึง เขาโบกพัดโดยไม่ลังเล แม่น้ำสายใหญ่พุ่งเข้าใส่ซือหยู และในตอนนั้นซือหยูก็เปล่งแสงสีแดง แม่น้ำได้ระเหยออกไปในพริบตา กองเพลิงอันน่ากลัวพุ่งผ่านแม่น้ำซัดใส่พัดในมือศัตรู
พรึ่บ—
พัดสมบัติเทพระดับกลางไหม้เป็นเถ้าถ่าน หลงเฟยฉิงแน่นิ่งและไม่เชื่อสายตา
“มันจบแล้ว”
ในตอนนั้น หลงเฟยฉิงได้ยินเสียงเวทนา ต่อมาเขาก็ถูกหมัดซัดใส่ลำตัว
พลังมหาศาลถูกส่งมาถึงลร่างกาย และพลังนั้นก็ไหลผ่านตัวเขาไปถึงเสาศิลาของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พลังกายนั้นทั้งรวดเร็วและรุนแรง ไม่ว่าพลังจะผ่านไปที่ใดก็ทำให้อากาศผันแปรอย่างรุนแรง สีหน้าของเหล่าราชามนุษย์เคร่งเครียดในทันที!
ช่างกายนั่นมันอะไรกัน! เพียงแค่พลังกายเล็กน้อยที่แล่นผ่านหลงเฟยฉิงก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าราชามนุษย์คนอื่นเลย
เอื้อก—
เมื่อเห็นว่าพลังกำลังจะพุ่งเข้าใส่เสาศิลาของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ หลงหวูชิงก็ได้เข้ามาสลายพลังนั้น นางยกมือขึ้นทำท่าทางและส่งร่างหลงเฟยฉิงที่หมดสติให้ยืนขึ้น
“เจ้าก็ไม่ได้แย่มากนัก”
หลงหวูชิงพูดและโยนเขาออกไป
หลงเฟยฉิงคืนสติและสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลของซือหยูที่ทำลายทุกสิ่งได้ เขาพูดด้วยความงุนงง
“ข้าทำให้พี่ใหญ่ผิดหวัง ทำได้แค่เอาชนะฉินยู่ชางในเจ็ดกระบวนท่า”
“ตอนที่ข้าบอกว่าเจ้าไม่ได้แย่มากนัก ข้าไม่ได้พูดถึงตอนที่เจ้าสู้กับฉินยู่ชาง เจ้าต้องใช้ถึงเจ็ดกระบวนท่าจัดการกับไอ้ขยะนั่น ข้าพูดได้แค่ว่าเจ้ามันไร้ประโยชน์! พลังของเจ้าไม่ได้แย่ก็เพราะว่าเจ้าทนราชาปีศาจหิมะทมิฬได้สองกระบวนท่าต่างหาก! ข้าคิดว่าเจ้าจะรับไม่ได้สักกระบวนท่าด้วยซ้ำ!”
อะไรนะ? ไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่ารึ? หลงเฟยฉิงยากที่จะเชื่อ ในสายตาหลงหวูชิง ราชาปีศาจหิมะทมิฬแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเชียวรึ?
แต่เมื่อเขานึกถึงการต่อสู้เมื่อครู่ ถ้าเขาไม่ใช้พัดที่เป็นอาวุธระยะไกล เขาอาจจะโดนฆ่าในกระบวนท่าเดียวไปแล้วถ้าต้องเผชิญหน้ากับราชาปีศาจหิมะทมิฬ!
ซือหยูยืนอยู่ที่เดิม เขารอการประกาศ
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬชนะ”
ลายมังกรสองตัวตอบสนอง อีกตัวลำแสงเปล่งประกาย แค่ซือหยูคนเดียวก็ปลดผนึกมังกรที่สามได้!
และมังกรทองยาวสามนิ้วก็ปรากฏเหนือใบหน้า ขนาดของมันใหญ่กว่าของหลงเฟยฉิงถึงสามเท่า
ในตอนนั้น ทุกเสาศิลาเงียบกริบ ความป่าเถื่อนและรุนแรงของซือหยูได้ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ฉินจิวหยางครุ่นคิด
“น่าสนใจนัก แม้สัญชาตญาณจะบอกข้าว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งมากเช่นนี้ นอกจากเฉินยิ่งที่เป็นจ้าวแห่งความมืดก็มีราชามนุษย์แค่ไม่กี่คนที่จะสู้ได้”
กังต้าเหล่ยเชื่ออย่างนั้นเช่นกัน
“อย่างที่ข้าคิด เจ้าคิดว่าเขาเป็นน้องใครกัน? น้องชายของกังต้าเหล่ยผู้นี้จะอ่อนแองั้นรึ? ชื่อราชาปีศาจหิมะทมิฬไม่ใช่คำโกหก!”
ฉินจิวหยางยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับฉินยู่ชาง
“เจ้ารู้รึยังว่าเจ้าสองคนแตกต่างกันเช่นใด?”
ฉินยู่ชางยังคงตกตะลึง การโจมตีอันรวดเร็วรุนแรงอย่างไร้เหตุผลของซือหยูนั้นทำลายได้ทุกสิ่งอย่างจนเขาตกตะลึง หลงเฟยฉิงเอาชนะเขาอย่างเหี้ยมโหดในเจ็ดกระบวนท่า แต่ซือหยูกับใช้สองกระบวนท่าจัดการหลงเฟยฉิง
สีหน้าของเหล่าราชามนุษย์ในสี่ตระกูลเคร่งเครียด ครั้งต่อไปซือหยูจะเป็นฝ่ายเลือกคู่ประลอง!
เขาจะสู้กับใครกัน?
ในบรรดาเจ็ดจ้าวแห่งความมืด ไป่ลั่วมองซือหยูอย่างดูถูกและขมวดคิ้วเบาๆ
“ทำไมข้อมูลไม่บอกว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬมีพลังเช่นนั้น? ฉิงจู ยี่หยู ตอนที่พวกเจ้าอยู่ในก้นบึ้งมังกร พวกเจ้าสองคนรวมกลุ่มกับเขามาก่อนไม่ใช่รึ?”
ฉิงจูสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก ในตอนนั้น เขาประเมินราชาปีศาจหิมะทมิฬต่ำเกินไป แต่ผ่านไปหนึ่งเดือน ราชาปีศาจหิมะทมิฬที่เคยอ่อนแอกว่าเขากลับกลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้!
แม้ไม่เต็มใจยอมรับ ฉิงจูก็เข้าใจดี ถ้าเขาเป็นฝ่ายที่ต่อสู้ เขาคงจะลงเอยไม่ต่างกับหลงเฟยฉิง ยี่หยูนั้นยิ้มอย่างพอใจ นางต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬมีพลังเหนือกว่าที่แสดงออกมา
ตอนที่เขาเป็นอำมฤตระดับสี่ เขาต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับอสุรากึ่งเทพหลายครั้ง และเขายังไม่เคยแพ้เลย ในตอนนี้เขาแค่แสดงส่วนหนึ่งของพลังออกมาเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ายังไม่ใช่พลังสูงสุด
“ข้าไม่รู้เลย ข้าไม่เคยเห็นเขาต่อสู้สักครั้ง”
ยี่หยูปั้นหน้าตอบ
ชายชุดม่วงหัวเราะ แววตาแดงก่ำเปล่งประกายและหายไปในพริบตา
“ผู้ชนะมีสิทธิ์จะประลองกับคนอื่น สองเสาศิลาสู้กันแล้ว โปรดเลือกคู่ประลองจากเสาศิลาอื่น”
เหล่าสี่ตระกูลเริ่มกระวนกระวาย สีหน้าฉิงจูเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นไม่ดีนัก ถ้าราชาปีศาจหิมะทมิฬอยากจะใช้โอกาสนี้ล้างแค้นล่ะก็…
“จ้าวเฉินยิ่ง ลงมา”
ซือหยูพูดโดยไม่เงยหน้ามอง เขายืนมือไพล่หลังอยู่ที่กลางจุดประลอง สีหน้าของเขาเบื่อหน่ายดังเดิม ดูเหมือนเขากำลังออกคำสั่งเสียด้วยซ้ำ
เอ๋? ทุกคนตกใจ
หากมองดูผู้คนที่นี่ กำลังที่ต่อกรยากที่สุดย่อมไม่ใช่สี่ตระกูล แต่เป็นเจ็ดจ้าวแห่งความมืด ยอดฝีมือไร้พ่ายที่ราชาแห่งความมืดคัดเลือก!
ทุกคนล้วนมีพลังอันน่ากลัวที่เหนือกว่าคนที่มีฐานพลังเท่ากัน ว่ากันว่าจ้าวเฉินยิ่งเป็นราชามนุษย์มานานแล้ว พลังของเขาเหนือกว่าฉิงจูอย่างมาก เขาไปถึงขั้นที่จะได้เป็นกึ่งเทพแล้วด้วยซ้ำ
ซือหยูไม่เลือกใครอื่น เขาเลือกจ้าวฉิงจูอย่างจงใจ!
ฉินจิวหยางหัวเราะ
“น่าตื่นตานัก!”
ไป่ลั่วขมวดคิ้ว เขามองซือหยูดีๆก่อนจะสะลายตาไป
จ้าวเฉินยิ่งหรี่ตายิ่งกว่าเดิม
“การที่เจ้าเลือกข้า ความกล้านั่นน่าชมเชย แต่เจ้าก็ประเมินตัวเองสูงไป”
ซือหยูสีหน้าเบื่อหน่าย เขาข่มจิตสังหารไว้ในใจ
“เฉินยิ่ง ลงมา!”
ในที่สุดคำพูดที่ราวกับเป็นคำสั่งก็ทำให้เฉินยิ่งเริ่มโกรธ
“ฮื่ม! กล้าดียังไงถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้? คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”