The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 436
ซือหยูชักสีหน้า นั่นมันพลังอะไรกัน?
ปากยักษ์อยู่ตรงหน้า อาวุธที่ใช้ระยะไกลอย่างธนูนั้นเสียความได้เปรียบ แสงทมิฬเปล่งประกายตรงหน้า
เขารีบเก็บธนูและปล่อยวงแหวนสายฟ้าออกมาอย่างไม่ลังเล วงแหวนสายฟ้านี้แข็งแกร่งกว่าศรสายฟ้าถึงสามเท่า มันปะทะเข้ากับปากยักษ์ และด้วยธาตุที่ได้เปรียบ ราชาปีศาจรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนทำให้พลังภูติจำนวนมากกระจายออกไป
ราชาปีศาจเจ็บปวด ปากยักษ์ที่พุ่งเข้ามาหาซือหยูหยุดไปชั่วครู่ ซือหยูรีบถอยไปไกลในพริบตา เขารักษาระยะห่างไว้ได้อีกครั้ง
ราชาปีศาจปล่อยจิตสังหารเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อโจมตีไม่โดน
“หึ!”
“ยอดเยี่ยม เจ้ายังซ่อนพลังอัสนีเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง!”
มันจ้องมองแหวนทองปราบมารที่กำลังจะทำงาน พลังอรหันต์กำลังจะพุ่งถึงขีดสุด!
มันระวังตัวมากขึ้น มันอ้าปากหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นพลังภูติในปากก็ขยายก่อตัวเป็นเมฆาทมิฬที่กลายเป็นวายุหมุนมืดมิด
ในตอนนั้นซือหยูรู้สึกราวกับว่าวิญญาณสั่นสะเทือน ร่างของเขารู้สึกราวกับถูกกลืนกินจากวายุทมิฬ ร่างของเขาถูกดูดเข้าไปราวกับใบไม้ร่วง
ความรู้สึกสิ้นหวังนี้ไม่ต่างกับตอนที่เขาเผชิญหน้าภูติสวรรค์จางตี๋เก้อ จิตใจซือหยูระส่ำระสาย แต่ในตอนนั้นเขาก็พบว่าพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างหายไป เขามิอาจใช้พลังวิญญาณได้เลย แม้แต่พลังสายฟ้าที่ใช้แก้ทางภูติผีก็ใช้ไม่ได้ เขาขยับร่างกายไม่ได้ด้วยซ้ำ!
โฮก—-
ราชาปีศาจสัมผัสได้ถึงอันตรายและทำทุกวิถีทางที่จะสังหารซือหยูได้ เสียงคำรามลั่นทำให้วายุหมุนมีพลังกลืนกินมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า
ความเยือกเย็นฉาบใบหน้าฉีหมิง เขากำลังจะใช้แหวนทองปราบมารแต่ก็มีรอยยิ้มเยาะที่ใบหน้า
ในตอนนั้น แหวนทองปราบมารปล่อยพลังหนึ่งชั้นของพันธนาการออกมาเมื่อมันถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์!
ความกังวลของราชาปีศาจไม่ได้คลายไป สีหน้าของมันบิดเบี้ยว
“เจ้า..เจ้าใช้แหวนทองได้แล้วเรอะ?”
ราชาปีศาจตกใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉีหมิงก็ตั้งใจที่จะปล่อยให้ซือหยูตายด้วยมือมันตั้งแต่แรก!
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว…”
ฉีหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น ฝ่ามือของเขาไม่หยุดขยับ เขายกมือขึ้นโยนแหวนออกไป
“จงออกมา!”
ในตอนนั้น แหวนทองปราบมารได้เปล่งแสงสีทอง เสียงบทสวดดังก้องเมื่ออรหันต์ปรากฏตัว ราวกับรังสีพระอาทิตย์มาสู่ดินแดนมืดมิดแห่งนี้ มันเปล่งประกายส่องสิ่งรอบข้าง
ราชาปีศาจหวาดกลัว มันพยายามจะหนีออกไป สิ่งที่แข็งแกร่งอย่างมันรู้สึกได้เพียงแต่ความกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแหวนทองปราบมาร!
ฉีหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็นแต่ก็ยังคงเงียบไว้ เขาชี้ดัชนีไปที่ราชาปีศาจ พลังเพลิงพุ่งเข้าใส่ร่างราชาปีศาจที่สูงใหญ่ ร่างของมันสั่นสะเทือนราวกับตึกถล่มและกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ ร่างกายสูงหมื่นศอกพังทลายลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน
สุดท้ายฝุ่นควันก็หายไป ราชาปีศาจหายตัวไปเช่นกัน เหลือแต่เพียงผีที่สูงสามสิบศอก ร่างกายของมันคล้ายกับราชาปีศาจแต่อ่อนแอกว่ามาก ร่างของมันถูกพันธนาการด้วยแหวนทองวงใหญ่ มันนอนแผ่พลังภูติอยู่บนพื้นแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้ หัวตรงกลางนั้นดวงตาปิดสนิทอย่างควบคุมไม่อยู่ มันยังคงทุกข์ทรมานแม้จะหมดสติไป ราชาปีศาจที่ทรงพลังพ่ายแพ้ไปทั้งอย่างนั้น!
ฉีหมิงบินเข้ามาดู เขาหน้าซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ เขายังคงระวังตัว
“โชคดีจริงๆ!”
“ยังดีที่ข้ามีสมบัติของนายท่าน นี่คือไพ่ตายที่ข้าจะใช้ฆ่าราชาปีศาจ”
ฉีหมิงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหยิบเอาภาพเขียนออกมาจากชุด มันคือภาพเขียนชายแก่ที่มองลงมายังโลก ในภาพ ชายแก่ที่เป็นเพียงภาพเขียน…ได้มีชีวิต
ภาพชายแก่เคลื่อนไหว เขาหันกลับมามองราชาปีศาจที่ถูกจับตัว สีหน้าของเขาไม่ประหลาดใจนัก
“แหวนทองปราบมารใช้เพื่อต่อสู้กับภูติผีเช่นนี้โดยเฉพาะ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเจ้าใช้สร้อยสายฟ้าไปเยอะเช่นนั้น พลังของมันถึงน้อยลง มิเช่นนั้นแหวนทองปราบมารก็อาจจะสังหารมันไม่สำเร็จ! แล้วเจ้ายังได้เจ้าเด็กวิชาอัสนีมาช่วยอีก เขาเหนือกว่าความคาดหมายของข้านัก มิเช่นนั้นเขาก็คงจะยื้อเวลาให้เจ้าไม่ทันการ!”
ฉีหมิงเข้าใจในข้อนี้ ราชาปีศาจได้บ่มเพาะพลังที่นี่มาตลอดหมื่นปี กายหยาบของมันแข็งแกร่งเกินคาด! ถ้าราชาปีศาจหิมะทมิฬไม่มาสู้ด้วยและช่วยยื้อเวลาให้ฉีหมิง สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นหลังมือ เขาอาจจะกลายเป็นอาหารของราชาปีศาจไปแล้ว
“นายท่าน…”
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬถูกราชาปีศาจกลืนกินไปแล้ว เขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
ฉีหมิงกังวลใจ พลังของราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นเหนือกว่าที่เขาคิดไว้ ทำให้เขาไม่สบายใจเลย
ชายแก่ในภาพเขียนถอนหายใจแรง
“ถ้าเด็กที่เป็นแค่อำมฤตระดับสี่หนีมาจากท้องของราชาปีศาจได้ ชื่อของราชาปีศาจก็ไม่สมกับที่มันเป็น! ในท้องของราชาปีศาจมีพลังคนละขอบเขตกับภายนอก แม้แต่กึ่งเทพก็ตายที่นั่น ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเด็กนั่นหรอก”
คำพูดของชายแก่ทำให้ฉีหมิงคลายใจ
“นายท่าน แล้วเราจะเอาแผนที่ลับสวรรค์มาจากร่างของราชาปีศาจได้ยังไง?”
ชายแก่ในภายเขียนตาเป็นประกาย
“ต้องใช้เวทย์เอาแผนที่ลับสวรรค์ออกมา มันซับซ้อนนัก จะอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้ ค่อยว่ากันหลังจากที่ออกไปจากที่นี่เถอะ”
ฉีหมิงพยักหน้าและคว้าร่างไร้สติของราชาปีศาจด้วยมือเดียวและบินไปยังทางเข้าถ้ำ
ในตอนนั้นเอง ทางเข้าถ้ำสั่นสะเทือน ผนึกสี่ชั้นถูกทำลายในคราเดียว!
“โอ้?”
ชายแก่ในภาพเขียนอุทานออกมา
“ถ้านางคนนั้นทำลายผนึกม่านวารีได้ในเวลาเท่านี้ คนที่เจ้าหามาช่วยก็น่าจะแข็งแกร่งจริงๆ”
“นี่แหละปัญหา นายท่าน!”
“ถ้านางบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้…”
สีหน้าเขาหม่นหมอง
“หากตัวตนของข้าถูกเปิดเผยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตัวตนของนายท่านถูกเผยออกไปล่ะก็…มันจะอันตรายจริงๆ”
“ฮื่ม!”
“เจ้าคิดว่าผู้คุมสวรรค์แค่คนเดียวจะรอดพ้นไปจากมือข้าได้เรอะ?”
ชายแก่ส่งเสียงไม่พอใจอย่างประหลาด ร่างของเขาหายกลายเป็นเงาโปร่งใสก่อนจะออกจากภาพม้วนภาพเขียนไป
แม้ว่าชิงจู้เหิงจะกำลังยุ่งอยู่กับการทำลายผนึก นางก็มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในด้านหลังเช่นกัน เมื่อเห็นซือหยูถูกกลืนกินไป ชิงจู้เหิงก็รู้สึกไม่สบายใจ นางโชคดีที่ทำลายผนึกได้ในตอนนี้และหนีได้สำเร็จ! แต่นางก็เบิกตากว้างเมื่อได้เห็นบางอย่างในระยะหมื่นศอก นางจ้องมองจุดเหนือถ้ำใต้น้ำ นางเห็นชายแก่ร่างโปร่งใสอยู่เหนือนาง
ร่างนั้นสวมชุดโบราณและซีดเซียว และมันยังโปร่งใสอย่างประหลาด!
คนที่มองนางนั้นยืนมือไพล่หลัง ผ้าคลุมปีกจักจั่นไม่มีผลต่อเขา
“ผู้อาวุโส! นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ชิงจู้เหิงพูดอย่างเคร่งเครียด
ชายแก่มองอย่างเยือกเย็น ราวกับว่ากำลังมองมดปลวก
“เจ้ามองเห็นข้า…”
“เช่นนั้นข้าก็จะส่งเจ้าไปตามทางของเจ้า!”
เขาพูดและโยนผนึกลงมา
คลื่นพลังโปร่งใสไร้ลักษณ์พุ่งตรงเข้าใส่ชิงจู้เหิง พลังนั้นไม่ได้แผ่รังสีใดออกมา แต่มันก็มีพลังอันน่ากลัว!
ชิงจู้เหิงชักสีหน้า
“จู่โจมวิญญาณ! เจ้า…เจ้าเป็นร่างวิญญาณ!”