The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่
ด้านในเรือรบ
หลังจากที่พักมาครึ่งเดือน เซี่ยจิงหยูฟื้นฟูพลังวิญญาณและพลังกายอย่างเต็มที่ หลังจากที่ลาจ้าวคณะฉิว นางลังเลเล็กน้อยก่อนจะไปยังห้องของฉินเซี่ยนเอ๋อ
“พี่ยี่หยู!”
เมื่อเห็นว่าจ้าวยี่หยูเข้ามา ฉินเซี่ยนเอ๋อก็พุ่งเข้าหาอ้อมแขนของยี่หยูอย่างสบายใจ นางยิ้มราวกับเด็กเอาแต่ใจ
หลังจากที่อยู่ร่วมกันมาครึ่งเดือน พวกนางได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันในไม่นาน เซี่ยจิงหยูทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่นางก็มองฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลาเจ้า”
เซี่ยจิงหยูพูดและลูบหัวนาง นางถอนหายใจ
ฉินเซี่ยนเอ๋อแววตาหม่นหมอง นางรู้สึกเดียวดายอยู่บ้าง แต่ความเดียวดายนั้นก็ถูกปิดบังจากรอยยิ้มและคำพูดอันซุกซน
“หึหึ อย่างไรเราก็ได้เจอกันอีกอยู่ดี นายอาจารย์บอกว่าจะให้ข้าไปกระโจมเทพสวรรค์ ข้าจะได้เจอกับพี่ยี่หยูที่นั่น”
เซี่ยจิงหยูยิ้มออกมาเช่นกัน
“ฝึกฝนให้ดีล่ะ ถ้าพวกเราเจอกันที่กระโจมเทพสวรรค์ เราอาจจะต้องชักกระบี่เข้าใส่กัน หากถึงตอนนั้น ข้าจะไม่ออมมือ”
“หึหึ พี่สาวยี่หยูยังไม่เคยเห็นข้าสู้มาก่อนเลย จะเอาชนะข้าได้จริงๆรึ?”
ฉินเซี่ยนเอ๋อหัวเราะอย่างลึกลับ
“แล้วก็…”
ในตอนนั้น ฉินเซี่ยนเอ๋อนึกถึงอะไรบางอย่างและหยิบเอาตำราเล่มสีดำออกมาจากกระเป๋า มันคือตำราจรัสสวรรค์ที่บันทึกทุกอย่างจากเซี่ยจิงหยูตั้งแต่ที่นางมายังทวีปเฉินหลง ตำรานั้นถูกปิดเอาไว้และไม่เคยถูกเปิด นั่นหมายความว่าเซี่ยนเอ๋อไม่เคยเปิดดูมันเลย
“พี่ยี่หยู พี่เอามันให้กับพี่ซือหยูเองเถอะ”
ฉินเซี่ยนเอ๋อพูดและยื่นตำราไป แววตานางสดใสดั่งแก้วและยิ้มแย้ม
เซี่ยจิงหยูมองฉินเซี่ยนเอ๋ออย่างอ่อนโยนยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าตำราไม่ได้ถูกแอบเปิด นางนิ่งเงียบไปและไม่ได้เอาตำรากลับมา แต่นางกลับหัวเราะอย่างโล่งใจ
“สิ่งที่ข้าจะมองเห็นได้อยู่ข้างในนั้นหมดแล้ว ข้าไม่รู้ว่าครั้งนี้ข้าจะมีชีวิตรอดจากกระโจมเทพสวรรค์หรือไม่ ถ้าเจ้ารอดมาได้ ก็ช่วยข้าส่งตำราเล่มนี้ให้ซือหยูเถอะ”
ฉินเซี่ยนเอ๋อย่นจมูก
“พี่สาวยี่หยูดีกับพี่ซือหยูเหลือเกิน”
เซี่ยจิงหยูยิ้ม แต่ความรู้สึกขมขื่นก็เอ่อล้นออกมา ไม่ว่านางจะดีแค่ไหน แล้วจะมีประโยชน์อันใด? ชีวิตนี้ ทั้งเขาและนางมิได้ลิขิตให้ครองคู่กัน
แต่เมื่อนางก้มหน้ามองใบหน้าไร้เดียงสาของฉินเซี่ยนเอ๋อ ความรู้สึกที่ดีก็เอาชนะความริษยาไป เซี่ยจิงหยูพูดหยอก
“เซี่ยนเอ๋อ ถึงข้าจะทำกับพี่ซือหยูเช่นนี้ เจ้าก็ไม่รู้สึกอะไรเลยรึ? เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะชิงพี่ซือหยูไปจากเจ้าหรอกรึ?”
ฉินเซี่ยนเอ๋อตัวแข็งทื่อ นางหันหน้าไปอีกด้าน ไม่นานนางก็ถามกลับอย่างประหลาด
“ทำไมพี่ยี่หยูจะแย่งพี่ซือหยูไปล่ะ? พี่ยี่หยูก็ชอบพี่ซือหยูเหมือนกันรึ?”
ใบหน้าเซี่ยจิงหยูแดงระเรื่อ นางฝืนยิ้ม
“แล้วถ้าข้าชอบพี่ซือหยูเล่า? เจ้าจะทำอย่างไร?”
เซี่ยนเอ๋อหุบยิ้ม นางถือตำราจรัสสวรรค์ไว้แน่น นางก้มหน้าราวกับขัดขืนอะไรบางอย่างและลังเล ผ่านไปนาน นางเงยหน้าและยิ้มอย่างงดงาม
“พี่ยี่หยูจะชอบพี่ซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อก็ได้ เซี่ยนเอ๋อไม่ว่าอะไรหรอก”
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างอ่อนโยน นางย่อตัวลงลูบหัวฉินเซี่ยนเอ๋อ นางจะไม่รู้เลยรึว่าฉินเซี่ยนเอ๋อนั้นทั้งฝืนใจและลังเล?
ในโลกใบนี้ สตรีคนใดกันจะยินดีแบ่งคู่ครองร่วมกับคนอื่น? ฉินเซี่ยนเอ๋ออาจจะปฏิเสธนางไม่ได้เพราะตำราจรัสสวรรค์ ดังนั้นนางจึงต้องยอมรับแม้จะขัดต่อหัวใจตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่สาวก็มีคนที่พี่สาวชอบเหมือนกัน พี่ไม่แย่งพี่ซือหยูไปจากเจ้าหรอก”
เซี่ยจิงหยูหัวเราะ
ฉินเซี่ยนเอ๋อหน้าแดง นางก้มหน้าและเดินออกไปอย่างเขินอาย
“ข้าไม่ว่าอะไรจริงๆนะ…”
แต่เสียงของนางก็อ่อนลงเรื่อยๆจนแสดงให้เห็นความรู้สึกผิดในหัวใจ เซี่ยจิงหยูหัวเราะและไม่พูดอะไร จากนั้นนางจึงหยิบเอาผลก้นบึ้งมังกรทั้งสิบลูกออกมา
ก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้กับอสุรา นางได้มันมามากมาย ฉินเซี่ยนเอ๋อดูเหมือนจะยังขาดอีกหนึ่งหรือสองลูก เพราะอย่างไรผลก้นบึ้งมังกรที่ได้เกินมานั้นก็ไม่มีประโยชน์ นางให้มันกับเซี่ยนเอ๋อเสียจะดีกว่า
“ข้าจะให้เจ้าหมดนี่ ก่อนไปที่กระโจมเทพสวรรค์ จงเป็นผู้คุมสวรรค์ให้ได้ เจ้าจะได้มีพลังปกป้องตัวเอง”
ฉินเซี่ยนเอ๋อดีใจมาก
“ขอบคุณนะพี่ยี่หยู!”
หลังจากที่คุ้นเคยกันแล้ว ฉินเซี่ยนเอ๋อก็รับมันมาทั้งหมดโดยไม่ได้พูดอะไร นางเก็บหนึ่งลูกไว้ในกระเป๋าซ้ายและเอาที่เหลือใส่กระเป๋าขวา
เซี่ยจิงหยูประหลาดใจเล็กน้อย
“เซี่ยนเอ๋อ ข้าอยากจะรู้ตั้งแต่ที่ก้นบึ้งมังกรแล้ว ทำไมเจ้าถึงแบ่งผลก้นบึ้งมังกรเป็นสองส่วนเล่า?”
ฉินเซี่ยนเอ๋อลังเล นางปิดประตูหน้าต่างจนสนิทแน่น จากนั้นจึงนำผลก้นบึ้งมังกรทั้งหมดจากสองกระเป๋าออกมา
กระเป๋าซ้ายส่วนใหญ่จะเป็นผลที่ไม่สมบูรณ์ กระเป๋าขวานั้นมีแต่ลูกที่สมบูรณ์ มันถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างเรียบร้อย
เซี่ยจิงหยูเห็นดังนั้นจึงเข้าใจ นางยิ้มและชมเชย
“เจ้าฉลาดจริงๆ ผลของโอสถจากลูกที่ไม่สมบูรณ์จะหายไปมาก หากแยกกันไว้ เจ้าก็แน่ใจได้เลยว่าจะปรุงโอสถที่สมบูรณ์แบบได้”
แต่นางก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งที่เห็นฉินเซี่ยนเอ๋อนั่งหน้าโต๊ะและปกป้องเหล่าผลก้นบึ้งมังกรเอาไว้ราวกับปกป้องสมบัติ นางส่ายหน้า
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ผลที่ไม่สมบูรณ์นั่นเป็นของข้า ส่วนผลที่สมบูรณ์จะเป็นของพี่ซือหยู”
นางพูดต่อ
“พี่ซือหยูบ่มเพาะพลังเพียงลำพัง พี่ซือหยูจะต้องขาดทรัพยากรแน่ ข้าปรารถนาจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพี่ซือหยู หึหึ แล้วก็ ข้าก็ยังมีโอสถเหลืออยู่อีกมากเลย เป็นโอสถเพิ่มฐานพลังที่ข้าได้มาจากอาจารย์ เมื่อถึงเวลา ข้าจะเอาให้พี่ซือหยูด้วย!”
ใบหน้าของนางดูมีความสุขเมื่อพูด เซี่ยจิงหยูรู้สึกตกตะลึงและประทับใจอย่างมาก
ในสองกระเป๋า หนึ่งข้างนั้นถูกเตรียมไว้เพื่อซือหยูโดยเฉพาะ นางคิดถึงซือหยูอยู่ตลอดเวลา
เซี่ยจิงหยูยิ้ม นางยิ้มอ่อนๆและพูดกับตัวเอง
“ไม่มีโอกาสให้ข้าเลยจริงๆ…”
นางเคยคิดว่าความรู้สึกต่อซือหยูจากฉินเซี่ยนเอ๋อจะหายไปบ้างเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็คงยังจะพอมีโอกาส แต่หลังจากที่ได้ยินดังนั้น นางก็รู้สึกราวกับสูญเสียโอกาสนั้นไป
“ข้าหวังว่าเจ้าทั้งคู่จะมีความสุข ลาก่อน เซี่ยนเอ๋อ”
เซี่ยจิงหยูพยายามยิ้มและบอกลา นางโบกมือ
แต่เมื่อนางหันกลับไป นางก็แอบพูดอีกประโยค
“ลาก่อน…ซือหยู”
เมื่อเซี่ยจิงหยูออกจาเรือรบ ความรู้สึกเดียวดายก็ปกคลุมจิตใจนางในไม่นาน
การมองดูความรุ่งเรืองของทวีปเฉินหลงแทนซือหยูอย่างที่สัญญาไว้นั้นก็เป็นดั่งโซ่ตรวนที่พันธนาการทั้งคู่มาเป็นเวลานาน สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือทั้งคู่ต้องลืมซึ่งกันและกัน กลับไปยังหนทางดั่งสายวารีของตนเอง
…
เหนือมหาสมุทร ซือหยูรีบเดินทางตลอดสามวันโดยไม่หยุดพักและกำลังจะถึงก้นบึ้งมังกรเก้านรก แต่เขาก็ยังไม่กลับไปที่ก้นบึ้งมังกรในทันที เขาร่อนลงบนเกาะปะการังแห่งหนึ่ง
“ยังเหลืออีกหกวันก่อนจะถึงเวลานัด ก่อนหน้านั้นข้าจะต้องบ่มเพาะพลังก่อน”
ตลอดการเดินทางที่แล้ว เขาได้โอสถบาดาลอมตะที่หายากมาครอง นอกจากนั้นเขาก็ยังได้แหวนทองปราบมารที่เป็นสมบัติวิญญาณมาอีกด้วย!
พลังของสมบัติวิญญาณนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ ราชาปีศาจที่แข็งแกร่งทรงพลังก็ถูกพันธนาการด้วยแหวนวงนี้ ซือหยูนั้นถูกเล็งเป้าจากภูติสวรรค์จากตี๋เก้อ แหวนทองปราบมารนี้มาได้ถูกเวลายิ่งนัก!
แต่ก็น่าเสียดายที่แหวนนี้ถูกชายแก่ในภาพเขียนชำระไปแล้ว ซือหยูก็ใช้หยดหมื่นพลที่มีไปจนหมด เขามิอาจชำระแหวนทองปราบมารได้
ถ้าเขาฝืนใช้แหวนทองปราบมารไป มันก็ต้องลดพลังลงกว่าที่เคยเห็น ยากที่เขาจะทำให้ราชาปีศาจกลัวได้ นอกเหนือจากนั้นเขาก็ยังได้แผนที่ลับสวรรค์ที่ชายแก่ในภาพเขียนพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้มันมาครอง
ดังนั้นมันจึงเป็นของที่สำคัญมากที่สุด แต่ก็น่าเสียดายที่ซือหยูยังไม่รู้วิธีใช้มัน เขาทำได้แค่เก็บมันเอาไว้
สุดท้ายคือชุดเกราะทมิฬ แก้วพลังชีวิตที่ฝังอยู่ตรงกลางนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทวีปเฉินหลงจะมีได้ และชุดเกราะนี้ยังแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ แม้ว่ามันจะเสียหายและส่วนหัวใจถูกเปิด มันก็ยังนับว่าเป็นสุดยอดชุดเกราะ
แต่ซือหยูก็ไม่รู้ว่ามันจะป้องกันได้มากแค่ไหน เขาต้องทดสอบมันด้วยการต่อสู้จริง ซือหยูเก็บของทั้งหมดและเอาโอสถก้นบึ้งมังกรออกมา
เขามองโอสถก้นบึ้งมังกรอันสมบูรณ์แบบด้วยความคาดหวัง ฐานพลังของเขาหยุดอยู่ที่อำมฤตระดับสี่ขั้นสูงมานาน และนี่ก็เป็นเวลาที่เขาจะได้ทะลวงพลังขั้นถัดไป!
เขาหายใจเข้าลึกและจัดท่าทางตัวเองให้สบาย เขาอ้าปากกลืนโอสถลงไป ก้อนพลังเยือกเย็นจนถึงกระดูกเข้าสู่จุดกำเนิดพลังในพริบตา
ในจุดกำเนิดพลัง พลังวิญญาณที่เข้าปะทะกับพลังอันเยือกเย็นได้รวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้จุดกำเนิดพลังของเขาเจ็บปวดถึงขีดสุด ซือหยูกัดแน่นแน่นจนส่งเสียงขบกัดออกมา
หยดเหงื่อเม็ดโตผุดจากใบหน้าที่ซีดไปอย่างมาก พลังวิญญษณในร่างของเขาถูกบีบอัดจนเต็มที่ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
ในวารีวิญญาณนั้นมีแก้วเล็กๆที่เกิดจากการบีบอัด มันคือแก้วพลังวิญญาณ!
เมื่อเวลาผ่านไป แก้วพลังวิญญาณก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในตอนนั้นเอง ที่เบื้องบน เมฆดำสนิทก่อตัว สายฟ้าเห็นอยู่ประปราย มันคำรามอย่างต่อเนื่องราวกับเตรียมการบางอย่าง
ซือหยูรู้สึกถึงมัน เขาเงยหน้ามองดูนภาและชักสีหน้า
“ไม่เลิกไม่ราเลยรึไงกัน!”
ซือหยูในตอนนี้ใช้พลังทั้งหมดในการทะลวงพลัง ดังนั้นแล้ว…เขาจะมีพลังวิญญาณจากไหนมารับมือกับสายฟ้าที่ก่อตัวอย่างไม่มีเหตุผลเล่า?
ที่หลายหมื่นลี้ไกลออกไป
ชายแก่เมามายเหยียบศิลาก้อนใหญ่ เขาดื่มเหล้าอย่างเคย แต่จู่ๆใบหน้านั้นก็เคร่งเครียด เขามองไปยังขอบนภาด้วยตัวแข็งทื่อ
พรึ่บ–
เสียงสะท้อนก้องนภา คนหนุ่มสองคนปรากฏตัวพร้อมกัน เขาสวมชุดอย่างเรียบง่าย ที่ปกเสื้อนั้นปักอักษร ฉิน เอาไว้
“ผู้เฒ่าจิว มีคนพยายามจะเข้าสู่ขอบเขตภูติงั้นรึ?”
คนพูดคือชายหนุ่มที่บินนำเข้ามา ฐานพลังของเขาอยู่ที่ระดับกึ่งเทพ! และเขายังอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปี!
พรสวรรค์เช่นนี้พูดได้เลยว่าน่ากลัวนัก!
ชายแก่ขี้เมาจ้องมองขอบนภาและส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่ คนคนนั้นกำลังจะเป็นผู้คุมสวรรค์”
ชายหนุ่มตกใจ
“ท่านผู้เฒ่า ผู้คุมสวรรค์คนนี้ก็ทำให้เกิดวิบัติสวรรค์ได้งั้นรึ? ไม่น่าเชื่อเลย!”
ชายแก่ขี้เมาหัวเราะ
“นี่ก็เป็นครั้งแรกของข้าเหมือนกัน คงต้องเป็นพวกเด็กที่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ลืมไปซะเถอะ รอให้เจ้าหนูนั่นกลับมาเถอะ”
ชายหนุ่มทั้งสองโค้งคำนับให้ชายแก่ ทั้งสองยืนอยู่คนละด้านและไม่พูดอะไรออกมาอีก
ในตอนนั้น ซือหยูกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่สุด…
วารีวิญญาณในร่างได้เปลี่ยนแปลงเป็นแก้วจากการบีบอัดของโอสถ แก้วเหล่านั้นได้มารวมตัวกัน
แต่ในตอนนั้นเอง สายฟ้าที่ก่อตัวมานานก็เริ่มคำรามลั่น มังกรสายฟ้าหนาร้อยศอกได้คำรามพุ่งลงมาราวกับปรารถนาจะทำลายทั้งเกาะปะการัง
ซือหยูที่อยู่ส่วนลึกของเกาะนั้นคำรามด้วยความโกรธแค้น เขารีบใช้ชุดเกราะปกคลุมร่างกาย สายฟ้าลงมาปะทะเสียงดัง