The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 640
“ราชาเขตกลางทำข้อตกลงกับจักรพรรดิปีศาจให้แอบลอบสังหารจักรพรรดิจิวโจว นั่นรวมถึงการที่กองทัพปีศาจต้องถอยกลับไป! จักรพรรดิปีศาจเห็นด้วยกับแผนที่แกล้งถอย ขณะนั้นจักรพรรดิจิวโจวก็นำทัพมนุษย์ไล่ตาม สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ต้องมาสู้กันในดินแดนพรสวรรค์…”
แปดศักดิ์สิทธิ์อธิบาย
“แต่ในจังหวะจุดท้าย น้องของจักรพรรดิซึ่งก็คือราชาเขตกลางในตอนนี้ได้หักหลังจักรพรรดิจิวโจว เขาแอบใช้ประตูชีวาล่องอัญเชิญอสูรออกมา ท่าที่รุนแรงทำให้จุดอ่อนของจักรพรรดิจิวโจวเผยออก จักรพรรดิปีศาจจึงร่วมต่อจนจักรพรรดิจิวโจวบาดเจ็ด ทั้งอสูรและจักรพรรดิปีศาจทำให้ร่างกายของจักรพรรดิจิวโจวเกือบจะสูญสิ้นไปหมด”
เรื่องราวยังไม่จบ
“โชคดีที่องครักษ์ทั้งห้ามาทันท่วงทีและปกป้องเสี้ยววิญญาณของเขาเอาไว้ได้ แต่องครักษ์ทั้งห้าก็บาดเจ็บจากคนที่รับใช้ราชาเขตกลาง! ตอนที่เทียนจี่จื้อที่เป็นหนึ่งในห้าองครักษ์ผู้ยิ่งใหญ่จะถูกฆ่า เขาได้สละกระโจมเทพสวรรค์ที่เป็นสมบัติภูติของตัวเองและทำให้มันระเบิด! การระเบิดของสมบัติภูติเกือบจะทำลายดินแดนพรสวรรค์ไปเกือบครึ่ง แม้แต่จักรพรรดิปีศาจก็หวาดกลัวจนต้องถอยกลับ!”
เขาลืมตากว้างเมื่อคิดถึงแรงระเบิด
“แรงระเบิดทำให้เกิดคลื่นมิติที่ทรงพลัง มันทำให้ยอดฝีมือจากทั้งสองฝั่งถูกย้ายไปข้างในกระโจมเทพสวรรค์ คนเหล่านั้นตายลงและทิ้งสมบัติของตัวเองเอาไว้เบื้องหลัง พวกเขาติดอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์ไปตลอดกาล นั่นจึงเป็นเหตุให้กระโจมเทพสวรรค์เป็นที่ค้นหาแก่คนในดินแดนพรสวรรค์ ข้าแน่ใจว่าท่านคงต้องสงสัยว่าทำไมถึงมีจ้าวเทวะมากมายนักในที่นั่น เพราะทั้งหมดถูกยักย้ายเข้าไปจากการต่อสู้และแรงระเบิดครั้งนั้น”
ซือหยูเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่กระโจมเทพสวรรค์มีสมบัติมากมาย! ผู้ยิ่งใหญ่จากทั้งฝั่งมนุษย์ ปีศาจ อสูร และอื่นๆ เรื่องราวทั้งหมดกระจ่างแล้ว!
แต่ซือหยูก็ตกใจเมื่อได้รู้ว่าเทียนจี่จื้อคือหนึ่งในองครักษ์ทั้งห้าแห่งจักรพรรดิจิวโจว! เขาเริ่มสงสัยว่าอีกสี่คนจะเป็นใคร…
“เทียนจี่จื้อตายคาที่ ร่างกายของเขาถูกทำลาย วิญญาณของเขาเองก็หายไป เขาซ่อนตัวในกระโจมเทพสวรรค์และไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ว่ากันว่าเขามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิ น่าเสียดายที่มันก็น่าจะถูกทำลายไปในตอนที่เขาตาย ด้วยการเสียสละของเทียนจี่จื้อ องครักษ์ทั้งสี่เลยหนีมาที่เฉินหลงกับเสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิจิวโจวได้สำเร็จ”
แปดศักดิ์สิทธิ์พูดต่อ
“ในครั้งนั้น เฉินหลงอยู่ในสภาพปิดตาย แม้จะเข้ามาได้ แต่ก็ไร้ซึ่งทางออก ดังนั้นแม้ว่าราชาเขตกลางอยากจะฆ่าจักรพรรดิจิวโจว เขาก็ทำอะไรไม่ได้!”
“เสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิจิวโจวซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์หลังจากที่หนีมาถึงจิวโจวได้และไม่ปรากฏตัวอีก ทั้งสี่องครักษ์บาดเจ็บสาหัสและใกล้ตาย ทั้งสี่ตัดสินใจแยกย้ายไปคนละทิศทางและสร้างอารยธรรมของตัวเองในแต่ละส่วนของทวีป พวกเขาทิ้งสมบัติของตัวเองเอาไว้และยังปกป้องจักรพรรดิจิวโจวอย่างลับๆ…”
“หลังจากที่จิวโจวผ่านไปสามปี ที่เฉินหลงก็ผ่านมาแล้วสามร้อยปี เมื่อหลายร้อยปีพ้นผ่าน การมาของทั้งห้าได้ทำให้ทวีปเฉินหลงที่รกร้างถูกพัฒนาขึ้นมาก สำนักมากมายและวิชาบ่มเพาะนับไม่ถ้วนถูกสรรสร้างขึ้น ในตอนนั้น มีสี่สำนักใหญ่ที่อ้างว่าตนเองคือต้นกำเนิดของวิชาทั้งปวง”
“แน่นอนว่าทั้งสี่สำนักคืออาณาจักรทมิฬ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ก้นบึ้งอู๋ตง และเทือกเขารัตติกาล”
ทั้งสี่ชื่อทำให้ซือหยูตกใจ แปดศักดิ์สิทธิ์รับรู้ในทันที
“ดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักดีนะ กำลังที่มีตัวตนมาหลายพันปีถูกสร้างขึ้นโดยองครักษ์ทั้งสี่! พวกเขาปกป้องจักรพรรดิจิวโจวจากตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้”
อาณาจักรทมิฬคือหนึ่งในกำลังโบราณที่มีประวัติศาสตร์เนิ่นนานหลายหมื่นปี พันธมิตรผู้คุมสวรรค์เองก็ปกป้องทวีปเฉินหลงมากว่าหมื่นปีแล้วเช่นกัน
ส่วนเรื่องก้นบึ้งอู๋ตง…ถ้าแปดศักดิ์สิทธิ์พูดถึงก้นบึ้งนี้ ซือหยูก็จำได้เพราะเขาเคยไปที่นั่น! มันคือที่ที่เขาพบหยุนย่าสี! มันคือสถานที่ที่อยู่ในเขตของสำนักหลิวเซี่ยนที่ถูกทำลายไปหลายปีก่อน
ในอดีต ลึกในใต้ดิน ซือหยูได้พบหลุมศพที่ขังหยุนย่าสีเอาไว้ เขายังพบซากศพที่ดูน่ากลัวอย่างมากในพื้นที่ประหลาด
ซากศพนั้นตายมาหลายปี แต่มันก็ทำให้ซือหยูหวาดกลัวมาก ซือหยูได้กล่องหยกมาหนึ่งใบที่เก็บวิญญาณของหยุนย่าสีเอาไว้ และวันนี้หยุนย่าสีก็อยู่ในอกของเขา!
ส่วนเทือกเขารัตติกาลและผู้เฒ่าไร้ใจ ซือหยูจำได้ว่าเขาคือชายในภาพเขียน เขาได้แสดงฎีกาสวรรค์ออกมา มันฉีกกระชากนภาได้ด้วยดัชนีเดียว
ภาพนั้นลึกซึ้ง และก็เป็นเพราะภาพนั้น ซือหยูจึงได้ฎีกาสวรรค์มาครอง สุดท้ายภาพเขียนนั้นก็ถูกฝ่ามือจากฟากฟ้าทำลายไป ที่เขาได้เห็นเมื่อครั้งอดีตก็คือส่วนที่เหลือของเทือกเขารัตติกาล!
นั่นหมายความว่าซือหยูเคยอยู่ในทั้งสี่สถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดของวิชาทั้งปวง!
“เมื่อทวีปเฉินหลงได้รับการพัฒนา ยอดฝีมือมากมายได้เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้นานนัก สามร้อยปีของเฉินหลงเป็นแค่เก้าปีของจิวโจว!”
“หลังจากที่ดินแดนพรสวรรค์ได้เปลี่ยนกระโจมเทพสวรรค์เป็นที่ให้ศิษย์สำนักได้ฝึกฝน กระโจมเทพสวรรค์จึงได้ถูกใช้งาน! และมันเองก็เป็นสมบัติภูติที่เชื่อมต่อระหว่างจิวโจวกับเฉินหลงได้พร้อมกัน!”
เขายิ้ม
“พอราชาเขตกลางได้รู้เรื่องนี้ เขาก็เลยแอบส่งยอดฝีมือมาในทวีปเฉินหลงเพื่อสังหารจักรพรรดิจิวโจว! การต่อสู้นั้นเกิดการสูญเสียมากนัก! องครักษ์ทั้งสี่มิอาจฟื้นตัวได้หลังจากเวลาผ่านไปสามร้อยปี ทั้งสี่เริ่มมีอาการรุนแรงกว่าเดิม!”
เขาส่ายหน้า
“ในการต่อสู้นั้น องครักษ์ทั้งสี่ถูกฆ่าตายหมด สำนักของตัวเองก็ถูกกำจัดในเวลาข้ามคืน! แต่ฝั่งจิวโจวก็ไม่พบตัวจักรพรรดิจิวโจว ราชาเขตกลางจึงได้สั่งให้องครักษ์แสงกระจ่างทำลายอารยธรรมทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าจักรพรรดิจิวโจวจะปรากฏตัว”
เขาพักหายใจและพูดต่อ
“องครักษ์แสงกระจ่างได้บ่มเพาะสายโลหิตในตำนาน นั่นคือฝ่ามือเทพดับสวรรค์ แค่ฝ่ามือเดียวก็ทำให้อารยธรรมล่มสลาย! ไม่เกินวันเดียว เหล่าอารยธรรมต่างๆที่เฉินหลงสรรสร้างมาสามร้อยปีได้หายไป! แต่จักรพรรดิจิวโจวก็มิได้ปรากฏตัวออกมา”
เขาส่ายหน้าอีกครั้ง
“พวกเขาไม่รู้ว่าร่างกายของจักรพรรดิจิวโจวถูกฟื้นฟูอยู่ในขั้นตอนที่สำคัญ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทวีป แต่พอถึงตอนนั้น องครักษ์แสงกระจ่างลำดับแรกก็ได้ลงมือ!”
เขาเบิกตากว้างอีกครั้งและเล่าให้เร็วขึ้น
“ฝ่ามือเทพดับสวรรค์ของเขามีพลังเหนือกว่าอีกเก้าคนมากนัก แค่ฝ่ามือเดียวก็กำจัดทั้งทวีปเฉินลงไปได้! เก้าในสิบส่วนของทวีปจมลงไปเพราะฝ่ามือของเขา ส่วนที่เหลือก็ถูกทำลายไปแล้ว ชั้นลาวาใต้ดินเริ่มที่จะปะทุออกมา ส่วนที่พ้นวารีกำลังจะกลบายเป็นทะเลเพลิง”
เขาพยายามจะใจเย็นเพื่อจะได้พูดช้าลง
“จากนั้น จักรพรรดิจิวโจวได้ตื่นขึ้นมาและโกรธแค้นกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาได้ปลดปล่อยพลังเทพสูงสุดเพื่อขับไล่ราชาเขตกลางออกไป จากนั้นเขาก็ปิดผนึกทวีปเฉินหลงอีกครั้ง!”
เขาส่ายหน้าอีกครั้งและพูดเบาๆ
“แต่ถึงอย่างนั้น ทุกชีวิตของทวีปเฉินหลงก็ถูกกำจัดไปแล้ว จักรพรรดิจิวโจวยังต้องใช้โลหิตของตัวเองเพื่อดับลาวาใต้ดิน! โลหิตของเขาระเหยจากความร้อนและกลายเป็นไอวารี นั่นทำให้เกิดเมฆาบนท้องฟ้า จากนั้นเหล่าเมฆาก็ได้ตกลงมาเป็นพิรุณ”
เขาสรุปเรื่องราว
“พิรุณกระหน่ำซ้อนร้อยปีไม่มีหยุด! ผืนธรณีที่จมได้กลายเป็นมหาสมุทร ดินแดนที่เหลือได้กลายถูกรู้จักในนามเฉินหลง!”
นี่คือต้นกำเนิดของเฉินหลง!
ซือหยูพูดไม่ออกเมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด! เขาเข้าใจแล้วว่ารอยฝ่ามือที่เขาเคยพบนั้นมาจากที่ใด
เขายังเข้าใจอีกด้วยว่ารอยฝ่ามือเหล่านั้นมิได้อยู่แค่บนบก แต่ในผืนทะเลเองก็มีรอยฝ่ามือด้วย! นั่นก็เพราะผืนสมุทรเคยเป็นส่วนหนึ่งของเฉินหลงมาก่อน!
ยิ่งกว่านั้น จักรพรรดิจิวโจวยังได้ใช้เลือดตัวเองดับลาวา โลหิตของเขาทำให้เกิดฝนตกร้อยปีพอดิบพอดี พลังระดับนี้คงเป็นได้ในระดับอสูรเนรมิตร ซือหยูประทับใจอย่างไร้สิ้นสุด เขานับถือและยอมรับจักรพรรดิจิวโจวเป็นอย่างยิ่ง แต่ซือหยูก็สนใจเกี่ยวกับคนคนหนึ่งมากกว่า… นั่นก็คือองครักษ์แสงกระจ่างลำดับแรก…ซือตี๋!
เพราะเขาคือคนที่ทำให้เทียนจี่จื้อตกตาย! ซือหยูเข้าใจแล้วว่าทำไมเทียนจี่จื้อจึงบอกว่าคนในทวีปเฉินหลงมีพลังของซือตี๋ ดูเหมือนว่าฝ่ามือของซือตี๋จะทิ้งพลังเอาไว้ด้วย ทุกคนที่เกิดในเฉินหลงด้วยมีรังสีพลังของเขาติดตัว
แต่ซือหยูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเทียนจี่จื้อถึงได้พูดว่าเขาล้มเหลวและถูกสมบัติภูติทำลาย เพราะความจริงคือเขาถูกวางอุบายจากราชาเขตกลาง
ซือหยูหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ ถ้าเช่นนั้น เทียนจี่จื้อเองก็มีความตั้งใจอื่นที่เก็บซ่อนเอาไว้
เพื่อไม่ให้ซือหยูหวาดกลัวราชาเขตกลบางและปฏิเสธสัญญาล้างแค้น เขาได้บิดเบือนเรื่องราวและบอกว่าเขาตายจากการล้มเหลวที่จะขึ้นเป็นอสูรเนรมิตร เขาเพียงพูดถึงเรื่องซือตี๋เท่านั้น!
เมื่อเข้าใจรายละเอียดของเรื่องราว ซือหยูได้ถอนหายใจยาว อย่างน้อยเรื่องรอยฝ่ามือลึกลับก็กระจ่างแล้ว นี่คือความลับที่ไม่มีใครรู้มาตลอดหลายหมื่นปี! ความจริงก็คือทวีปเฉินหลงกำลังพบเจอกับศัตรูในจิวโจวเขตกลาง!
“ครั้งนี้พวกเจ้ามาเท่าใดกัน?”
ซือหยูใจหายเล็กๆ เพราะพลังของฝ่ามือเทพดับสวรรค์นั้นกำจัดอารยธรรมได้ง่ายๆ
นี่เป็นสิ่งที่ทำได้จากจ้าวเทวะเท่านั้น ถ้าหากองครักษ์แสงกระจ่างมาที่นี่ นั่นก็หมายถึงการมาของศัตรูที่ไร้เทียมทาน!
แปดศักดิ์สิทธิ์พูดราวกับเข้าใจความกังวลของซือหยู
“ครั้งนี้มีแค่องครักษ์เงาทมิฬที่เข้ามา เพราะมันคือภารกิจลับ!”
ซือหยูเลิกคิ้ว
“หืม? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ?”
แปดศักดิ์สิทธิ์ตอบ
“การต่อสู้เพื่อตำแหน่งจักรพรรดิจิวโจวจะเริ่มขึ้นภายในร้อยปี มีราชาหลายคนที่อยากจะวางอุบายต่อกันอยู่แล้ว ราชาเขตกลางไม่กล้าจะลงมือจู่โจมเฉินหลงอย่างออกนอกหน้าอย่างที่ทำเมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาเลยสั่งพวกข้าที่เป็นองครักษ์เงาทมิฬให้มาจับตัวจักรพรรดิจิวโจวอย่างลับๆ!”
“ตามที่ราชาเขตกลางคิดเอาไว้ บาดแผลเก่าของจักรพรรดิจิวโจวได้ถูกซ้ำรอยอีกครั้งเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ดังนั้นฐานพลังของเขาในตอนนี้คงไม่สูงมาก นั่นหมายความว่าองครักษ์เงาทมิฬจะรับมือได้”
อย่างนั้นเองรึ? ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้น องครักษ์เงาทมิฬทุกคนมากับเจ้าด้วยหรือไม่?”
ซือหยูถาม
แปดศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้า
“มิใช่ มีแค่ข้า เจ็ดศักดิ์สิทธิ์ หกศักดิ์สิทธิ์ และห้าศักดิ์สิทธิ์มาในครั้งนี้ แต่ก็มีเก้าศักดิ์สิทธิ์อีกคนที่อยู่เฉินหลงมาหลายหมื่นปีแล้ว…”
ซือหยูเคยได้ยินเรื่องเก้าศักดิ์สิทธิ์ เขาคือผู้เฒ่าตระกูลยี่ที่พยายามจะฆ่าซือหยูเมื่อหลายปีก่อน ซือหยูโล่งใจ เพราะถ้ามีเพียงองครักษ์เงาทมิฬ ซือหยูก็ยังพอรับมือได้
“ตามพลังของท่านใต้เท้า บางทีท่านคงมิต้องกังวลกับคนอย่างข้า แต่ห้าศักดิ์สิทธิ์มีพลังพอที่จะเป็นองครักษ์แสงกระจ่างได้ ท่านควรจะระวังเขา เขาเชี่ยวชาญฝ่ามือเทพดับสวรรค์มากนัก พลังของเขาน่ากลัวอย่างแน่นอน ถึงเขาจะเป็นแค่ภูติระดับห้า ฝ่ามือเทพดับสวรรค์ของเขาก็แข็งแกร่งจนภูติระดับเก้ายังต้องระวังตัว”
แปดศักดิ์สิทธิ์พูด
เอ๋? ฝ่ามือเทพดับสวรรค์ระดับนั้น? ซือหยูเริ่มหนักใจ พลังของเขาในตอนนี้ยังไม่มั่นใจเลยหากจะต้องสู้กับภูติระดับสี่ ไม่ต้องพูดถึงพูดระดับห้าเลย! ดังนั้น เขาไม่มีทางที่จะรับมือกับพลังขั้นภูติระดับเก้าได้แน่!
ซือหยูใจเย็นลงเมื่อได้สัมผัสกับหุ่นเชิดสองตัวในอก เขาได้มันมาจากผู้เฒ่าในจิวโจว มันมีพลังของภูติในขั้นสูง
แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าหุ่นเชิดจะมีพลังในระดับใด แต่ถ้ามีหุ่นเชิดพวกนี้อยู่ด้วย สถานการณ์ของเขาก็คงไม่ย่ำแย่นัก
ราชาโลกดับสูญก้มหน้ามองพื้นและร่ำไห้เบาๆไม่หยุด ซือหยูรู้สึกเศร้าใจ เขาเคยเป็นหนึ่งในองครักษ์ทั้งห้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรพรรดิจิวโจว
ฐานพลังของเขาจะต้องเคยไปถึงระดับอสูรเนรมิตร แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ศพที่เดินได้
เขามองกล่องหยกในมือราชาโลกดับสูญอีกครั้ง ในมือของเขามีกล่องหยก! แต่ในศพของจ้าวอู๋ตงเองก็มีกล่องหยก!
ศิลาที่ถูกทิ้งไว้ในเทือกเขารัตติกาลเองก็มีประตูชีวาล่องซึ่งตอนนี้อยู่ในวิญญาณของซือหยู หรือพูดอีกอย่างก็คือกล่องหยกอีกสองกล่องนี้มีประตูชีวาล่องอยู่ ซึ่งมันคือประตูที่จะอัญเชิญอสูรออกมาได้!
เขาจ้องมองกล่องหยกของราชาโลกดับสูญ ซือหยูหรี่ตามอง
“มีอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้ายังไม่บอกข้าไม่ใช่รึ?”