The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 613
ซือหยูตกใจกับสิ่งที่เพิ่งจะได้รับฟัง ทวีปเฉินหลงได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาแค่สองปี ทวีปถูกรุกรานและครอบครองจากกำลังของโลกอื่น
“ถ้าอย่างนั้น ตำหนักรองของอาณาจักรทมิฬก็ถูกครอบครองไปด้วยรึ?”
ซือหยูเป็นห่วงเขตหยินหยูของเขา
ฉีหยุนเซี่ยงพยักหน้า
“ใช่ มันถูกครอบครองไปแล้ว นอกจากคนที่คิดอ่านได้ดีและหนีออกมาก่อน แทบจะทุกดินแดนถูกกักขังเอาไว้ เพราะทวีปถูกครอบครองในคืนเดียว”
“พวกนั้นทำกับคนในดินแดนยังไง?”
ซือหยูเริ่มอึดอัดใจ
ฉีหยุนเซี่ยงสีหน้าเยือกเย็น
“พวกมันไม่ได้ฆ่าล้างสังหาร แต่จากที่เจ้าเห็นสองคนก่อน เจ้าก็บอกได้ว่าพวกมันทำกับพวกเราเหมือนของเล่น มันฆ่า ปล้น ข่มขืนอย่างที่ใจอยาก พวกมันไม่รามืออะไรเลย แม้ชีวิตของผู้คนที่พวกมันครอบครองดินแดนจะไม่ได้อยู่ในอันตราย พวกเขาก็มิอาจเลี่ยงการถูกเหยียดหยาม ใครจะรู้ว่าพวกคนรวยโดนปล้นไปเท่าไหร่ และภรรยาหรือลูกสาวของตระกูลใดจะถูกข่มขืนไปบ้าง”
ซือหยูแววตาเยือกเย็น คนที่รุกรานเข้ามามีพลังและพรสวรรค์ที่เหนือกว่า พวกมันเหนือกว่าคนในเฉินหลงเป็นอย่างมาก พวกมันล้วนมีความปรารถนาอันดำมืด การกระทำสิ่งชั่วร้ายในทวีปเฉินหลงล้วนเป็นเรื่องเสรีสำหรับพวกมัน
“คนที่หนีไปได้จะซ่อนตัวในป่าหรือท้องทะเลกว้างใหญ่ บางคนถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์รับเข้ามาดูแล ที่อื่นในทวีปเฉินหลงล้วนกลายเป็นนรกบนดิน”
ฉีหยุนเซี่ยงกำหมัดแน่น
ภัยร้ายแรงเช่นนี้มาถึงตัวพวกเขาโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำร้ายยังร้ายแรงจนถึงขั้นที่ทำให้ทวีปเฉินหลงตกอยู่ในมือศัตรู
“เรือรบของพันธมิตรกำลังซ่อนอยู่ พวกเราห้าคนคือหน่วยลาดตระเวน ตอนนี้เรือกำลังหยุดพัก พวกเราต้องกลับไปคุ้มกัน แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าแค่เรือรบหยุดพัก เราจะต้องเจอกับกึ่งภูติสองคนเลย? เราต้องกลับไปบอกพวกเขา! เราจะมัวชักช้าไม่ได้แล้ว…”
กังต้าเหล่ยพูดขึ้นมา
ซือหยูพยักหน้า เขามองกังต้าเหล่ยและฉีหยุนเซี่ยง
“ยอดฝีมือที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ช่วยเหลือ คงไม่ใช่เจ้าสองคนสินะ?”
เขาพยายามจะประเมินฐานะของทั้งสองคน หนึ่งคนเป็นศิษย์ของภูติผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีปอย่างผู้เฒ่าจิว ส่วนอีกคนเป็นบุตรสายของผู้เฒ่าฉีตงไล่แห่งพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
ฐานะของทั้งคู่สูงกว่ายอดฝีมือธรรมดาทั่วไป เขาสงสัยว่าทำไมทั้งคู่ถึงถูกส่งมาทำภารกิจอันตราย และทำไมถึงไม่ส่งคนมาคุ้มกันเลย?
ซือหยูมีข้อสงสัยมากมายกับสถานการณ์ในตอนนี้ สีหน้าทั้งคู่ก็เริ่มไม่สู้ดีนักเมื่อได้ยินคำถาม
กังต้าเหล่ยหัวเราะอย่างขมขื่น
“อาจารย์ข้าถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ช่วยเหลือเอาไว้ ถ้าหากอยู่ใต้ชายคาของพวกเขา ข้าจะไม่ยอมก้มหัวได้ยังไง?”
เดี๋ยวสิ มันไม่แปลกที่กังต้าเหล่ยถูกช่วยเหลือ แต่ทำไมคนอย่างผู้เฒ่าจิวถึงต้องได้รับการคุ้มกันด้วยเล่า?
“สี่วันก่อน วิบัติได้มาถึงอาจารย์ข้า แม้ข้าจะให้สมุนไพรสายฟ้าไป แต่วับัติอัสนีในครั้งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่ข้าคิดหลายเท่า อาจารย์ข้าบาดเจ็บสาหัส เขายังไม่รู้สึกตัวเลย”
เขาถอนหายใจและพูดต่อ
“ตอนนี้อาจารย์ข้าถูกจ้าววิหคเพลิงอาสัญดูแล แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือถ้าท่านอาจารย์พลาดที่จะรับมือวิบัติแรก วิบัติอัสนีครั้งต่อไปจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน! อาจารย์ข้ายังไร้สติ เจ้าคิดว่าชะตาเขาจะเป็นยังไง?”
ดูเหมือนว่าถ้าปล่อยไว้ ผู้เฒ่าจิวจะต้องต้องสายฟ้าจนตายไม่เหลือชิ้นดี! ดังนั้นชะตาผู้เฒ่าจิวจึงนับว่าแจ่มชัด
เขาตอนนี้คือชายแก่ที่กำลังจะตายในอีกไม่ช้า ดังนั้นจึงนับว่าไม่แปลกที่ศิษย์ของเขาจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่การจัดภารกิจอันตรายเช่นนี้มาให้ก็นับว่าโหดร้ายเกินไป
ผู้เฒ่าจิวยังไม่ตาย แต่พวกเขาก็ปฏิบัติต่อศิษย์ผู้เฒ่าจิวโดยไร้ความเกรงใจ ผู้เฒ่าจิวจะตายอย่างสงบได้อย่างไรถ้ารู้ว่าศิษย์ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้…
“แล้วเจ้าล่ะ? ท่านเจ้าตำหนักฉีก็บาดเจ็บเหมือนกันรึ?”
ซือหยูถามฉีหยุนเซี่ยง
นางถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่พ่อข้าจะเทียบกับผู้เฒ่าจิวได้ยังไง? ฐานอำนาจของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว พ่อข้าถูกริบฐานะผู้เฒ่าไป จากนั้นหลานของฟู่กังซานก็ได้ถูกรับเข้ามาในเรือ เขาชอบข้าและอยากจะได้ข้าไปครอง แต่ข้าไม่เต็มใจเช่นนั้น ข้าเลยต้องถูกส่งมาทำภารกิจอันตราย”
“ฟู่กังซานผู้นี้เป็นใครกัน?”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซือหยูได้ยินนามของเขา เขาคือคนแรกที่เข้าไปสำรวจก้นบึ้งมังกร เขายังบังเอิญมีชีวิตรอดกลับมาอีกด้วย!
“เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อนั้นมาแล้ว…”
ฉีหยุนเซี่ยงกล่าว
“เทพกระบี่จ้าวอู่จี้ จ้าววิหคเพลิงอาสัญฉิวหนิงชุ่ย และฟู่กังซานจากหอสดับหิมะ ทุกคนเป็นผู้เฒ่าของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่มาจากตอนเหนือ”
เมื่อได้ยินนางอธิบาย ซือหยูจึงได้เข้าใจ เขาเคยได้ยินนามของคนเหล่านี้มาก่อน กระบี่เทพมาจากพันธมิตรร้อยดินแดน ฉิวหนิงชุ่ยมาจากคณะวิหคเพลิง ฟู่กังซานมาจากหอสดับหิมะ และเมื่อถูกเอ่ยขึ้นมาเขาก็จำได้กว่าผู้นำแห่งหอสดับหิมะมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าใคร
“พวกคนในหอสดับหิมะมันชั่วช้า มันใช้วิธีสกปรกบังคับให้คนแต่งงานด้วย!”
ซือหยูเหยียดหยาม
“เจ้าอย่าไปพูดแบบนั้นในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ล่ะ! ฐานพลังของฟู่กังซานเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้เขาเป็นภูติที่มีแก้วพลังชีวติสามดวงแล้ว เขาจะผ่านวิบัติอัสนีได้อยู่แล้ว พลังยังเหนือกว่าเจ้าพันธมิตรหลงไปแล้วด้วย!”
นางพูดต่อ
“เจ้าพันธมิตรหลงบัดเจ็บหนักจากก้นบึ้งมังกร แต่เพราะท่านฉิวถึงรอดมาได้ อำนาจของฟู่กังซานในตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าทุกคน และเขายังเลื่อนตำแหน่งให้เฉพาะกับคนที่ไว้ใจ พ่อของข้าเลยถูกถอดตำแหน่งผู้เฒ่า เขาทำแบบนั้นได้เพราะพันธมิตรผู้คุมสวรรค์น่ะเปลี่ยนไปแล้ว”
ดูเหมือนว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะเปลี่ยนไปจริงๆ หลังจากที่เขาหายตัวไปสองปี โครงสร้างอำนาจของหลายสำนักค่อนข้างที่จะซับซ้อนขึ้น
“เบาใจเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่ก่อเรื่อง”
ซือหยูปลอบนาง เพราะเขาจะไปพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เพื่อเซี่ยจิงหยูกับหลิงเสี่ยวเทียนเท่านั้น และถ้าไม่มีใครไล่ต้อนเขา เขาก็จะไม่ก่อเรื่องขึ้นมา
ทั้งสามพูดคุยกันต่อไปขณะที่บินไปยังเรือบินของพันธมิตร พวกเขาไม่รู้เลยว่าในจุดที่ชายหนุ่มสวมชุดเกราะทั้งสองตายนั้นมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีฟ้ากำลังมองไปในทิศทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป
ชายคนนั้นถอนหายใจแรง
“ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า…”
แรงดันวิญญาณขอบเขตภูติระเบิดออกมาขณะที่เขาพูด
…
ที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์
หลังจากที่เขาเห็นเรือลำนี้เป็นครั้งที่สองก็ไร้ซึ่งความตกใจอีก นั่นเป็นเพราะว่าเขาได้เจอเรือรบมาทุกรูปแบบในกระโจมเทพสวรรค์ เรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นยากจะเทียบติด
และถ้าประเมินด้วยสายตา เขายังบอกได้ง่ายๆว่าเรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เป็นแค่สมบัติกึ่งวิญญาณ มันมีคุณภาพที่ไม่ดีนัก หลังจากที่ไปถึงเรือรบ ลำแสงได้ฉาบทั้งสามพาตัวเข้าไปด้านใน
ซือหยูสัมผัสได้ถึงความเย็นที่อยู่ภายใน เขามองรอบๆเห็นทหารยืนอยู่สองแถว ทหารเหล่านี้มองพวกเขาด้วยจิตสังหาร
แต่เมื่อยืนยันว่าพวกเขาคือหน่วยลาดตระเวน ทหารทุกคนก็เก็บอาวุธกลับไปและเริ่มปิดทางเข้าออกต่อศัตรูที่อาจจะบุกรุกเข้ามาในเรือ
“โปรดแจ้งท่านเจ้าพันธมิตรหลงว่าหน่วยลาดตระเวนที่สิบกลับมาแล้ว เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานด้วย”
กังต้าเหล่ยบอกทหารก่อนจะหันไปพูดกับซือหยู
“หิมะทมิฬ…ไม่สิ…ซือหยู ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านฉิว นางกำลังดูแลอาจารย์ข้ากับจ้าวยี่หยู”
เขาพยักหน้าเพราะเขามาที่นี่เพราะเรื่องนี้
ฉีหยุนเซี่ยงพูดตามมา
“พวกเจ้าไปกันก่อนเลย ข้าต้องไปหาท่านพ่อก่อน ถ้าเขารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องดีใจมากแน่”
“เช่นนั้นข้าจะตามเจ้าไปทีหลัง”
ซือหยูรีบก้าวตามกังต้าเหล่ยไป
กังต้าเหล่ยนำทางซือหยูไปยังกลางเรือ ที่นั่นมีผู้อาวุโสหลายคนอยู่ด้วย ทหารที่คอยอารักขาก็ค่อนข้างเข้มงวด กังต้าเหล่ยต้องยืนยันตัวตนถึงสามครั้งตลอดเส้นทาง และหลังจากที่ผ่านจุดตรวจทั้งสาม พวกเขาถึงได้ไปถึงเรือรบส่วนใน
“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มักจะถูกกำลังจากต่างโลกจู่โจม การต่อสู้หลายครั้งเกิดขึ้น การสูญเสียแต่ละครั้งหนักหนา ท่านฉิวที่เชี่ยวชาญการปรุงยาและการรักษากลายเป็นคนสำคัญที่สุด นางจึงถูกคุ้มกันอย่างหนาแน่น”
กังต้าเหล่ยอธิบายสถานการณ์
เขานั้นเขาก็ขมวดคิ้วและตะโกน
“นี่เจ้า! เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อพวกเขาไปถึงมุมทางเดิน พวกเขาได้เจอกับชายหนุ่มที่สวมชุดดูตระการตายืนอยู่หน้าห้องของฉิวหนิงชุ่ย เขากำลังแอบมองห้องผ่านร่องประตูที่แตก
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของกังต้าเหล่ย นอกจากเขาจะไม่เกรงกลัวแล้วยังขมวดคิ้วมองกลับอย่างดูถูก
“ไม่มีที่ใดในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่ข้าเข้าไปไม่ได้!”
“ข้าถามว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ดูเหมือนว่ากังต้าเหล่ยจะเกลียดชังและขยะแขยงคนคนนี้!
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไอ้แก่นั่นไม่ช้าก็ตายแล้ว เจ้ายังกล้ามั่นใจเช่นนี้ แค่รอดมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ชายหนุ่มหยุดแอบมองและเดินจากไปโดยไม่สนใจเหล่าทหาร
ซือหยูท่าทางสับสน
“พี่ต้าเหล่ย มันเป็นใคร? ดูเหมือนมันจะไม่ใช่คนธรรมดาที่นี่นะ”
กังต้าเหล่ยตอบกลับ
“เจ้าคิดว่ามันเป็นใครกันเล่า? มันก็แค่อาศัยอำนาจของปู่ที่ชอบเอาใจหลานเท่านั้น ใช่สิ แม่นางฉีเคยพูดถึงมันมาก่อน”
นี่คือหลานของฟู่กังซานที่พยายามจะบังคับให้ฉีหยุนเซี่ยงแต่งงานและแอบสร้างเรื่องให้นางไปเสี่ยงอันตราย!
“แล้วมันแอบมองใครกัน?”
ซือหยูขยะแขยงเช่นกัน และเมื่อมองไปยังจุดที่ชายคนนั้นยืนอยู่สีหน้าของเขาก็เยือกเย็นลงไป
จากมุมของร่องประตูนี้ เขาเห็นภาพเซี่ยจิงหยูนอนไร้สติบนเตียงกลางห้องได้ชัดเจน และเมื่อกังต้าเหล่ยมายืนในจุดเดียวกับซือหยู เขาก็เข้าใจทันทีว่าหลานของฟู่กังซานกำลังมองอะไร
“ไอ้บัดซบนั่น! กล้าดียังไงมาคิดแบบนี้กับสตรีที่ยังไม่ได้สติ!”
กังต้าเหล่ยหงุดหงิดมาก
“ไอ้คนชั่วช้าไร้ยางอาย! ถ้าอาจารย์ข้าได้สติขึ้นมา ข้าจะไม่มีทางต้องทนกับคนโสโครกอย่างมันแบบนี้!”
“มันชื่ออะไร?”
ซือหยูพยายามจะซ่อนความเยือกเย็นในดวงตา แต่จิตสังหารก็เล็ดลอดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
กังต้าเหล่ยตกใจ เขาลังเลก่อนจะตอบ
“ฟู่หงซื่อ แต่น้องชาย เจ้าอย่าทำอะไรโง่ๆ! พันธมิตรผู้คุมสวรรค์เป็นที่เดียวที่พวกเราจะอยู่รอดได้ และถ้าอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ เราจะต้องอดทนยอมมันไป จงอย่าก่อเรื่อง ไอ้เด็กนั่นชั่วร้ายไร้เหตุผล”
ซือหยูพยักหน้าอย่างใจเย็น
“ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว”
แต่กังต้าเหล่ยไม่ได้สังเกตเห็นจิตสังหารที่อยู่ในแววตาซือหยูเลย
หลังจากที่เข้ามาในห้อง ซือหยูรีบไปหาเซี่ยจิงหยู นางงดงามราวกับหยกปั้นแม้จะหมดสติ นางดูเหมือนสตรีที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้
คิ้วของนางขมวดเข้าหากันแม้ตอนที่ไม่มีสติ ดูเหมือนว่านางจะยังคงเป็นกังวลแม้หลับใหล
“จิงหยู ข้าอยู่นี่แล้ว”
ซือหยูจับมือนาง ความอบอุ่นได้ส่งผ่านสู่หัวใจของเขา
ในตอนนั้น คิ้วที่ขมวดของนางคลายลง นางดูสงบใจลง