The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 599
คำว่า “วิชาช่างลับสวรรค์” ดังชัดเจนอยู่ในหูของเขา
นางให้วิชาช่างกับเขาก่อนที่นางจะไปรึ?
เป็นเพราะนางดึงดันที่จะได้ตำรานี้โดยไม่สนใจชีวิตตนเอง จึงทำให้นายลงเอยต้องมาพบกับซือหยูในตอนแรก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นและจบลงโดยตำราเล่มนี้ ซือหยูรู้สึกหนักใจขึ้น เขาถือตำราที่มีวิชาช่างลับสวรรค์เอาไว้
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคนบินพุ่งเข้ามา ฉีเทียนโจวตะโกนด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้เด็กบ้า คิดว่าเจ้าจะหนีไปถึงไหน?”
ซือหยูยืนอยู่กับที่ไร้การเคลื่อนไหว ไม่แม้แต่จะหนี หลังจากที่ออกจากโลกแก้วสีครามมาได้ แก้วในร่างกายของเขาก็หายไปเมื่อไร้ต้นกำเนิดพลัง พลังชีวิตและพลังวิญญาณของเขาเริ่มไหลเวียนได้อีกครั้ง ตอนนี้เขาใช้ได้ทุกวิชาแม้แต่ภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยา
แต่ที่เขาสับสนก็คือตัวฉีเทียนโจว เขาอยู่ห่างจากซือหยูหนึ่งลี้แต่ก็หยุดอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธกลับแทนที่ด้วยความกังวล เขาจ้องมองซือหยู…หรือให้ชัดกว่านั้นก็คือ…คนที่อยู่ข้างหลังซือหยู!
ซือหยูใจสั่น มีอะไรอยู่ข้างหลังข้า?
“จะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับยี่เอ๋อ?”
เสียงนั้นชัดเจน เปี่ยมไปด้วยพลัง แฝงมาด้วยจิตสังหาร
ซือหยูไปมองคนผู้นั้นที่ยืนมือไพล่หลังห่างจากเขาเพียงสามศอก ซือหยูสัมผัสพลังของเขาไม่ได้แม้แต่น้อย!
“เจ้ามายืนใกล้ข้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ซือหยูใจเย็นหนักแน่น เขาไม่เคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่าม สัญชาตญาณบอกว่าถ้าหากเขาขยับตัว คนข้างหลังจะเอาชีวิตเขากลับไปได้งว่ายๆ!
แน่นอนว่าชายคนนี้คือกู้ไทซู ซือหยูต้องเผชิญหน้ากับกู้ไทซูด้วยตัวเอง!
ซือหยูถามอีกครั้งอย่างใจเย็น
“เจ้าอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนกัน?”
“ข้าถึงที่นี่ตั้งแต่ที่ยี่เอ๋อเจอตัวเจ้า ข้าสังเกตเจ้าและรอเจ้ามาตั้งแต่ตอนนั้น”
เสียงของกู้ไทซูเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาก็ปล่อยพลังกดดันอย่างหนักออกมา ราวกับความสงบก่อนวายุกระหน่ำ
กู้ไทซูเห็นทุกอย่าง! เขาได้ยินคำพูดระหว่างลู่จือยี่กับซือหยู ตอนที่นางไล่ล่าซือหยู และแม้กระทั่งตอนที่ทั้งคู่พยายามช่วยเหลือกันและกัน!
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นยี่เอ๋อยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มแบบนั้นไม่เคยมีให้คู่หมั้นอย่างข้า แต่กลับเป็นคนแปลกหน้าอย่างเจ้า”
กู้ไทซูถอนหายใจ ในลมหายใจนั้นมีความร้อนรุ่มแห่งความโกรธแค้น
“จงบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้าสองคน พวกเจ้ามีความสัมพันธ์แบบใดกันแน่?”
กู้ไทซูยืนมือไพล่หลังและพูดเบาๆ
“ข้าจะถามแค่ครั้งเดียว เจ้ามีโอกาสเดียวในการอธิบายกับข้า”
ความสัมพันธ์ของพวกเรารึ? ซือหยูหันไปเผชิญหน้ากับกู้ไทซูขณะที่ท่าทางของเขาเย็นชาลง
กู้ไทซูแอบฟังมาตั้งแต่เริ่ม หรือพูดอีกอย่างก็คือเขาจงใจส่งลู่จือยี่มาเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ตัวเองตามมาสืบความจริง! ซือหยูโกรธอยู่บ้างเมื่อเข้าใจในเรื่องนี้
ซือหยูรู้สึกว่าไม่คู่ควรนักที่ลู่จือยี่จะหลงรักกู้ไทซูอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ เพราะในสายตากู้ไทซู นางเป็นเพียงเบี้ยอันงดงามที่เขาบงการและสะสมได้!
“เจ้าไม่คู่ควรกับนาง…”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
“ข้าจะคู่ควรกับนางหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหรือใครอื่น”
เขาชี้นิ้วไปที่ตัวเอง
“มันขึ้นอยู่กับข้าเท่านั้น ถ้าข้าพูดว่าข้าคู่ควรกับนาง มันก็จะเป็นเช่นนั้น! ตอบคำถามข้ามาได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
สายตาของกู้ไทซูไม่แยแส เขาชิงชังซือหยูเพราะซือหยูได้เข้ามาแทรกระหว่างการสู้ชิงโลหิตมังกรหลายครั้งในงานประมูล
ซือหยูหายใจเข้าลึก
“เจ้าอยากจะให้ข้าเติมเต็มความสงสัยของเจ้ารึ? ฝันไปเถอะ!”
กู้ไทซูตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พยายามจะให้ข้าโกรธเรอะ? คิดให้ดี สำหรับข้า จะบดขยี้เจ้าหรือมดปลวกให้ตายมันก็ไม่ต่างกัน!”
เขาทั้งหยาบคายและพูดเหยียดหยาม
“ข้าให้โอกาสเจ้าไปแล้ว ข้าจะไม่ถามแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์อะไรกับยี่เอ๋อ เจ้าก็ต้องตาย แต่เจ้าไม่ได้ทำร้ายยี่เอ๋อ ข้าจะให้โอกาสเจ้าหนีเยี่ยงสุนัข”
กู้ไทซูไม่สนใจซือหยูอีกแล้ว เขาเดินไปทางฉีเทียนโจว ท่าที่เดินนั้นดูช้าแต่กลับให้ความเร็วปานสายฟ้า
ฉีเทียนโจวเริ่มถอยอย่างรวดเร็ว แต่กู้ไทซูก็ตามทันในสองอึดใจ เขายืนมือข้างหนึ่งไปที่ฉีเทียนโจว
พลังมหาศาลที่พร้อมบดขยี้ไล่ล่าฉีเทียนโจว ฉีเทียนโจวนั้นกลัวมาก พลังอสูรเอ่อล้นออกมาจากตัวและก่อร่างเป็นม่านรูประฆังทองรอบตัว
“เปล่าประโยชน์…”
กู้ไทซูบีบมือเบาๆ
แกร๊ก!
ระฆังทองแตกสลาย ฉีเทียนโจวที่อยู่ภายในถูกขังเอาไว้ มันน่ากลัวเกินไป!
กู้ไทซูน่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคิด
ฟึ่บ!
หุ่นเชิดอีกตัวปรากฏในมือ มันคือหุ่นเชิดที่เหมือนกับหุ่นเชิดตัวก่อนทุกประการ เขามีหุ่นเชิดสองตัว!
เขาอัดพลังชีวิตลงไป มันเริ่มเปล่งแสงสีครามพร้อมกับโลกแห่งแก้วสีครามที่ก่อตัวอีกครั้ง กู้ไทซูไม่ได้หลบหรือหนี มือที่เขายื่นไปนั้นไม่ได้หยุดเลย
“ข้าบอกแล้วว่าเปล่าประโยชน์”
ภาพอันน่าตกตะลึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น กู้ไทซูที่กดฝ่ามือต่อไปไม่ได้กลาเป็นแก้วสีคราม ทั้งพลังสีครามยังถูกกดดันให้กลับไปอยู่ในหุ่นเชิด!
ฟึ่บ!
หลังจากที่เห็นหุ่นเชิด เขาก็บีบมือจนหุ่นเชิดแตกเป็นเสี่ยงๆ แสงสีครามที่ระเบิดออกมาถูกกำจัดไปเพราะฝ่ามือของเขา
“นี่มันฮงหลวนไม่ใช่รึ? ถ้าหากนางมาที่นี่เองก็คงจะรับมือข้าได้ แต่ถ้าเป็นหุ่นเชิด มันก็ไม่ได้มีอะไรเลย”
กู้ไทซูพูด
สายลมเบาๆพัดไหว มันพัดพาเศษหุ่นเชิดลอยขึ้นฟ้า ฉีเทียนโจวนิ่งเงียบ เขารีบหนีโดยไม่สนใจซือหยูอีกแล้ว
แต่หลังจากที่หนีไปได้ลี้เดียว เขาก็รู้สึกว่ามิติรอบตัวเขาบีบอัดแน่นขึ้นจนขังเขาไว้ภายใน กู้ไทซูโบกมือพัดฉีเทียนโจวให้มาถึงตัว
“มันจะจบลงตรงนี้แหละ”
กู้ไทซูบีบมือ
“ไม่นะ! อ๊ากก!”
เสียงกรีดร้องอันทุกข์ทรมานดังก้อง ร่างวิญญาณของฉีเทียนโจวถูกทำลาย มันกลายเป็นเศษแสงกระจายบนพื้น
วิญญาณของเขาแตกสลายไปแล้ว วิญญาณที่แท้จริงเสียหายอย่างร้ายแรง ถ้าเขาฟื้นฟูไม่ทันก็ยากที่ฐานพลังของเขาจะเติบโตแม้แต่นิดเดียวในช่วงชีวิตนี้!
ทั้งคู่มีฐานพลังระดับจ้าวเทวะ และฐานพลังของดวงวิญญาณร่างเงาในตอนนี้มีพลังแค่ภูติขั้นกลางกับภูติขั้นสูง! แต่แม้ฐานพลังจะต่างกันเล็กน้อย การสังหารฉีเทียนโจวก็ง่ายดายนักสำหรับกู้ไทซู ราวกับว่าเขาเหยียบมดให้จายเท่านั้น!
กู้ไทซูลดมือลงและหันมาถาม
“ทำไมเจ้าไม่หนี?”
ซือหยูยังคงยืนที่เดิมมาโดยตลอด
“เจ้ารู้แล้วรึว่าหนีข้าไม่พ้น ถึงได้เลือกที่จะตายอย่างมีเกียรติแทนที่จะหนีไปเยี่ยงสุนัข?”
ดูเหมือนว่ากู้ไทซูจะมองซือหยูออก แม้กระนั้น ท่าทางของซือหยูก็ยังคงใจเย็นหนักแน่น
“ข้าไม่หนีมิใช่เพื่อรอความตาย แต่ข้ากำลังรอคอยความตายของเจ้า!”
ซือหยูยังคงมีท่วงท่าอันสง่างาม แต่เริ่มที่จะใช้พลังด้วยทั้งสองมือ ดูเหมมือนว่าเขากำลังจะใช้วิชาอะไรบางอย่าง
เขาตัดสินใจที่จะสู้กับกู้ไทซูด้วยตัวเอง!