The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 597
ฉีเทียนโจวดูดกิเลนน้อยมาหาด้วยมือขณะที่เริ่มสร้างผนึกพลังด้วยอีกมือ จากนั้นก็มีโซ่พลังอสูรพุ่งเข้าใส่ซือหยูที่กำลังพุ่งเข้าใส่เขา
“ออกมา!”
แสงสีน้ำเงินเปล่งประกายออกจากร่างของซือหยู ไม้หกทิศถูกใช้งาน มันทำนายได้ล่วงหน้าว่าโซ่จะมาในทิศทางใดและป้องกันเอาไว้
“หืมมม…สมบัติวิญญาณระดับกลางรึ? เจ้าหนู เจ้ามีสมบัติติดตัวเยอะจริงๆ และถ้าข้าฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะต้องค้นตัวหาความลับของเจ้าให้หมด!”
ฉีเทียนโจวค่อนข้างใจเย็นและหนักแน่น
ฟึ่บ!
โซ่อีกสามสายบินออกมาจากแขนเสื้อ และโซ่อีกสี่สายก็เริ่มที่จะจู่โจมซือหยูพร้อมกันจากทุกทิศทาง แม้ว่าไม้หกทิศจะมีพลังการทำนายที่สุดยอด แต่มันก็ใช้ป้องกันได้แค่การโจมตีเดียว ขณะที่โซ่ทั้งสี่ถูกหยุด โซ่อีกสามเส้นก็ได้พุ่งเข้าใส่ซือหยู
เมื่อแสงทมิฬเปล่งออกมาจากร่าง เกราะราชาศิลานิรันดร์ก็ปรากฏออกมา พร้อมกันนั้นเขายังหยิบแก้วพลังหนึ่งดวงออกมาฝังในชุดเกราะ พลังชีวิตของแก้วถูกดูดซับลงในชุดเกราะอย่างรวดเร็ว ม่านเกราะได้ล้อมรอบตัวซือหยูเอาไว้ ส่วนแก้วพลังก็ได้กลายเป็นผงละเอียด
ในครั้งก่อน เขาใช้เกราะนี้ได้สามครั้งโดยการใช้แก้วสีเลือดที่แตก แต่เมื่อเขาใช้แก้วทั้งดวงตอนนี้ มันกลับทำให้เขาใช้มันได้เพียงครั้งเดียว ซือหยูได้รู้แล้วว่าแก้วสีเลือดนั้นเป็นแก้วพลังที่ยอดเยี่ยมมาก
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะคิดเรื่องนั้น เขาเบี่ยงไหล่หลบโซ่เส้นหนึ่ง แต่เขาก็มิอาจหลบโซ่อีกสองเส้น มันปะทะกับม่านเกราะที่ปกป้องตัวเขา
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกภูเขาลูกยักษ์ที่ไม่ใช่โซ่ทุ่มใส่ เขากระเด็นไปข้างหลัง พลังมหาศาลเช่นนี้แทบจะทำให้เขาหมดสติแม้จะมีการป้องกันจากชุดเกราะก็ตาม โชคดีที่ม่านเกราะไม่ได้ถูกทำลายเพราะโซ่ มันสะท้อนโซ่สองเส้นที่เหลือไปได้
“สมบัติกึ่งวิญญาณรึ? ไม่สิ นี่มันเกราะสมบัติวิญญาณระดับสูงที่เสียหาย!”
ฉีเทียนโจวตกใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภ
“ดี ข้ายิ่งสนใจเจ้ามากกว่าเดิมเสียอีก”
ซือหยูใช้แรงกระแทกจากการปะทะของโซ่บินอย่างรวดเร็วไปหากิเลนน้อย แสงสีทองเปล่งออกมาจากแขนเสื้อของเขาพร้อมกัน กระบี่ทองเล่มเล็กแล่นออกมาก่อนจะตัดฝ่ามือสีครามออกเป็นสองส่วน
กิเลนน้อยหวาดกลัวมาก มันพยายามจะกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของซือหยู มันมุดหัวเข้ากับซือหยูจากนั้นก็เข้าไปในมุกวิญญาณเก้าหยกเพื่อหลบหนี
“เจ้ายังมีสมบัติมิติอื่นอยู่อีกรึ?”
ฉีเทียนโจวตกใจและเริ่มเป็นกังวล
“ก็ได้ หลังจากที่ฆ่าเจ้า มันจะเป็นของข้า”
“แล้วจะได้เห็นกันว่าเจ้าทำได้หรือไม่ได้”
ซือหยูตอกกลับด้วยจิตสังหาร
ฉีเทียนโจวหัวเราะชอบใจ
“เจ้านี่มันน่าสนใจจริงๆ กล้าท้าทายข้าเพราะมีแค่สมบัติวิเศษ”
พลังอสูรล้อมรอบตัวฉีเทียนโจวขณะที่เขาหัวเราะเยาะซือหยู พลังนั้นเอ่อล้นออกมาดั่งเพลิงพิโรธ พลังงอันน่าตกใจเช่นนี้มิใช่สิ่งที่ภูติขั้นต้นจะรับมือได้
เพราะจะอย่างไรเขาก็คือจ้าวเทวะ แม้ขณะนี้จะเป็นแค่ร่างเงา เขาก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนในขอบเขตภูติขั้นต้นหลายต่อหลายเท่า แต่ก็โชคดีที่เขาเป็นแค่ร่างเงาที่มีพลังไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนของร่างจริง
“ข้าสงสัยจริงๆว่าร่างวิญญาณอย่างเจ้าจะแข็งแกร่งได้สักแค่ไหนต่อหน้าข้า”
เพลิงสีขาวลุกโชนขึ้นมาจากดวงตาซือหยู
ฉีเทียนโจวที่ตั้งใจจะเอาชนะซือหยูในกระบวนท่าเดียวรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามรุนแรงเมื่อมองเพลิงในดวงตาซือหยู เขาหวาดกลัวมากและอ้าปากค้าง
“เพลิงวิญญาณ!”
เพลิงวิญญาณนี้สามารถเผาวิญญาณของภูติในระดับต้นได้เท่าที่เขาเคยทดลอง! เพลิงนี้คือศัตรูตัวฉกาจของร่างวิญญาณ!
“เจ้ากล้าดียังไง?”
ฉีเทียนโจวจ้องมองซือหยู
“ถ้าเจ้าอยากฆ่าข้าและชิงสมบัติข้าไป มันก็ไม่มีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
ซือหยูยิงเพลิงวิญญาณออกไป
เพลิงสีขาวเริ่มเผาร่างฉีเทียนโจว วิญญาณของเขาถูกเพลิงแผดเผาโดยตรง
“อ๊าากกก!”
ฉีเทียนโจวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาพยายามเรียกพลังอสูรออกมาดับเพลิงวิญญาณ
แต่ไม่ว่าพลังอสูรจะแกร่งเพียงใด มันก็มิอาจส่งผลใดได้กับเพลิงวิญญาณที่กล้าแกร่ง เขาที่กรีดร้องอย่างน่าสงสารถูกเผาวิญญาณไปหนึ่งชั้น ร่างของเขาโปร่งใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม วิญญาณของเขาเสียหายอย่างหนัก
“อ๊ากก! บัดซบ ไอ้เด็กบัดซบ!”
ฉีเทียนโจวตะโกนอย่างโกรธแค้น
เพลิงกำลังเผาร่างของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เขารู้ว่ามันจะคร่าชีวิตเขาในอีกไม่นาน ฉีเทียนโจวทำให้แค่อัดพลังลงในหุ่นเชิดในมือ
ปั้ง!
คลื่นพลังแสงสีครามเปล่งออกมาจากหุ่นเชิด จากนั้นอากาศก็เริ่มจับตัวเป็นแก้ว พงไพร ขุนเขา สายน้ำ และทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหมดได้กลายเป็นแก้วสีคราม!
แม้แต่เหล่าวิหคก็ได้กลายเป็นแก้วใสและค้างเติ่งอยู่บนกลางอากาศ เขารู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังถูกกลืนกิน ซือหยูยังเห็นเหล่าสัตว์ป่าที่กำลังหนีได้กลาเยป็นแก้วใสในเวลาไม่นาน มันเปลี่ยนเป็นรูปปั้นแก้วสีครามทั้งหมด
……
หลายอึดใจต่อมา รอบตัวซือหยูได้กลายเป็นแก้วสีคราม
“นี่จะต้องเป็นวิชาครามดับสูญของฮงหลวน! แม้จะเป็นอสูรเนรมิตรก็ต้องตายด้วยครามดับสูญ! เจ้าจะรอดไปยังไง!”
ฉีเทียนโจวเยาะเย้ย
ดูเหมือนว่าการกำเนิดเป็นแก้วจะมีเจตจำนงค์ของตนเอง มันส่งตรงมาจากฉีเทียนโจวที่ถือหุ่นเชิดมายังซือหยู ซือหยูสีหน้าหม่นหมองลงเมื่อหนี
จากนั้นก็มีชั้นแก้วเริ่มปรากฏบนผิวหนังของซือหยู ไม่นาน สายโลหิต และเลือดเนื้อทั้งหมดของเขาก็เริ่มแข็งตัว ชีวิตของเขาเริ่มเลือนรางหายไป
เมื่อเขามองดูความตายของตัวเอง ภาพของโลกอันไกลโพ้นก็ได้สะท้อนมาที่ดวงตา เงาร่างสตรีผู้น่ารักสองคนและใบหน้าของนางปรากฏในจิตใจ ความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือนได้ไหลผ่านเข้ามา
“ข้าจะตายที่นี่ไม่ได้”
เขาที่เกือบจะกลายเป็นแก้วได้ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้
เขายังจำได้ว่าเขายังไม่ได้แต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ เขายังไม่ได้อำลาเซี่ยจิงหยู ดังนั้นเขาจะตายที่นี่ไม่ได้!
“ภาพทัณฑ์ภูติสุริยา ออกมา!”
ในตอนนั้น เขากลับยกแขนที่กลายเป็นแก้วไปแล้วอย่างน่าตกใจและหยิบเอาม้วนภาพเขียนออกมา
พลังชีวิตอันน้อยนิดที่เกือบจะสัมผัสไม่ได้ถูกอัดลงในภาพเขียนแผ่นนั้น