The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 589
ซือหยูสับสนกับคำพูดของผู้เฒ่าหยู เพราะเขาไม่ได้รู้จักผู้เฒ่ามาก่อนเลย เหตุใดเขาถึงพยายามเอาใจเขากัน?
หลายๆคนมองผู้เฒ่าและแอบพยักหน้าเมื่อคิดกับตัวเอง…
เจ้าเด็กนี่หลักแหลมยิ่งนัก!
ไม่ง่ายที่จะทำให้หยูเทียนฉีประทับใจได้เช่นนี้!
ซือหยูแสดงความขอบคุณและเก็บหุ่นเชิดล้ำค่าไว้กับตัว ซือหยูเริ่มสนใจในเหล่าหุ่นเชิดมาเมื่อไม่นานนี้ มันเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้จักเลยโดยเฉพาะเรื่องราวของเหล่าภูติขั้นกลาง ความรู้ในด้านนี้ทั้งลึกลับยากที่จะหยั่งถึงโดยแท้จริง
เขามองหุ่นเชิดและคิดว่าถ้าเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับมัน มันจะช่วยให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต! ตั้งแต่ที่ซือหยูได้ต่อสู้กับหุ่นเชิดสีเงินเขาก็หมายตาในการเรียนรู้เรื่องหุ่นเชิด เขาหวังว่าเขาจะสร้างหุ่นเชิดสีเงินขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง หรือทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!
“เจ้าหนู ฝากไว้ก่อนเถอะ”
หนึ่งในสองภูติพูดขึ้นมาขณะที่อีกคนมองซือหยูอย่างเย็นชา
ทั้งคู่เห็นว่าเด็กคนนี้หัวแหลมและเจ้าเล่ห์ เขามิได้ได้แค่การคุ้มครองจากผู้เฒ่าหยูแต่เขายังได้หุ่นเชิดที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าทั้งสองคนเลย! ทั้งคู่ทะยานขึ้นฟ้ากลับไปยังลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจว
ผู้เฒ่าหยูมองทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่ง ซือหยูลังเลและสงสัยว่าจะถามเกี่ยวกับวิชาลับในการสร้างหุ่นเชิดดีหรือไม่ ท้ายสุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกมา
เพราะพวกเขาเพิ่งจะได้พบกันครั้งแรก คงเป็นราวกับฝันหากชายแก่จะส่งมอบวิชาสร้างหุ่นเชิดให้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ เขาจึงคิดที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เอาล่ะ ใครเป็นคนต่อไป? อย่าชักช้า”
กู้ไทซูมองพวกเขา เสียงดังของเขาก่อให้เกิดคลื่นอากาศหลายคลื่น
ซือหยูตกใจมาก เขายังมีของอีกสองชิ้นที่จะวางประมูล!
“เดี๋ยวก่อน! ข้าขอเวลาต่อ! ข้ายังมีอีกสองอย่างที่จะเอามาแลก…”
ซือหยูพูดไปอย่างใจสั่นเมื่อได้ยินเสียงของกู้ไทซู
“ไม่มีข้อยกเว้นใดทั้งนั้น ลงมาซะ”
กู้ไทซูสั่งเขาอย่างเยือกเย็น
จางซื่อเหลียนขมวดคิ้ว ตามกฎ ซือหยูมีสิทธิ์ที่จะแลกเปลี่ยนสมบัติทั้งหมดที่มี ดังนั้นการบังคับให้เขาลงไปนั้นนับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎ!
แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าตั้งคำถามกับกู้ไทซู เพราะเขาคือจ้าวเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ นั่นหมายความว่าเขาจะละเลยกฎได้ทุกข้อ!
ผู้เฒ่าหยินหยางมองไปยังซือหยูและละสายตา
“เราจะต้องมองหาคนต่อไปที่รู้เรื่องสมบัติของจ้าวเทวะตู่ม่อ ข้าหวังว่าจะมีศิษย์จากสำนึกใดสำนักหนึ่งที่อยู่ใต้การควบคุมของตำหนักเมฆาม่วงได้มันมา”
กู้ไทซูมองไปยังจ้าวเทวะจากตำหนักโลหิตทั้งสามคนและพยักหน้าเบาๆ
“อืม…คนแปลกๆสามคนนั่นดูจะเป็นเสี้ยนหนาม คงจะดีหากหนึ่งในศิษย์ฝั่งเราได้มันมา มิเช่นนั้นข้าจะต้องใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมา”
สิ่งที่เขาไม่พูดก็คือคำว่าปล้น ผู้เฒ่าหยินหยางเองก็พยักหน้าเย็นด้วย ในครั้งนี้ สามคนจากตำหนักโลหิตมาสังเกตงานประมูลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นอาจจะเลี่ยงการต่อสู้ครั้งใหญ่ไม่ได้แน่หากสมบัติของจ้าวเทวะตู่ม่อปรากฏขึ้นมา!
ซือหยูขมวดคิ้วลงจากเวทีประมูล เขายังมีของอีกสองสิ่งที่เป็นของจ้าวเทวะตู่ม่อที่ยังไม่ได้เอาออกมา
ซือหยูพบโครงกระดูก ดาบที่สึกกร่อน และคัมภีร์ที่ขาดในห้องลับ กิเลนน้อยอยู่ในโครงกระดูกนี้ ส่วนคัมภีร์ที่ขาดกับกระบี่นั้นล้วนเสียหายมามาก แต่เขาก็ยังรู้ว่ามันจะแลกเป็นแก้วได้หลายดวง
แต่ซือหยูก็ไม่ติดใจเอาความเมื่อคิดว่าเขามีแก้วอยู่แล้วสี่สิบเอ็ดดวงในมือ เขามาแก้วมากพอที่จะช่วยชีวิตหลิงเสี่ยวเทียนแล้ว เขาจะเสียหรือได้รับแก้วมาอีกก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ซือหยูใจเย็นลงและลงจากเวทีเพื่อมองดูงานประมูลอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะรู้ตัวครึ่งวันก็ผ่านไปแล้ว…
เหล่าจ้าวเทวะในลานประลองลับสวรรค์จากจิวโจวขมวดคิ้วเพราะยังไร้วี่แววถึงสมบัติของตู่ม่อ น่าเศร้าที่พวกเขาไม่มีหวังอยู่เลยกับคนที่เหลือ นั่นก็เพราะคนที่เหลือล้วนมีพลังในระดับธรรมดาเทียบกับคนก่อนหน้าที่แข็งแกร่งกว่า ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่พวกเขาจะได้พบกับสมบัติของจ้าวเทวะตู่ม่อ
คนอื่นที่ขมวดคิ้วออกมาเช่นกันก็คือซือหยูเพราะเขารู้แล้วว่าเขาคงไม่มีทางได้โลหิตมังกรและมุกเงินเลี่ยงอัสนีจากคนเหล่านี้
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำพูดออกมา
“ข้าต้องการสมุนไพรสายฟ้าเก้าต้น และถ้าหากใครมี ข้าเต็มใจจะแลกด้วยสิ่งที่พวกเจ้าพอใจ”
“สมุนไพรสายฟ้าเก้าต้นเรอะ? เจ้าเล่นตลกอะไรกัน?”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นแสดงถึงการเยาะเย้ย
“ยากอยู่แล้วที่ผู้เฒ่าขอบเขตภูติจะมีจำนวนมากขนาดนั้นเพราะมันเติบโตในดินแดนที่มีสภาวะอันตราย! และยิ่งยากที่จะมีมันสักต้นวางขาย ใครกันจะจ่ายสมุนไพรล้ำค่าให้เจ้าได้เป็นจำนวนมากเช่นนั้น?”
จางซื่อเหลียนหันไปมองเขาและเตือน
“โปรดหยิบสมบัติออกมาให้พวกเขาดูก่อน พวกเขาจะได้รู้ว่าจะแลกสมบัติกับท่านดีหรือไม่”
ชายชุดดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาไม่เต็มใจที่จะแสดงสมบัติใดออกมาแต่ต้องการมาซื้อของแทน หลังจากที่ลังเลอยู่นาน เขากัดฟันและหยิบเอาชิ้นอำพันออกมา อำพันนี้สร้างจากการรวมตัวกันของยางไม้เทวะ และมันแน่นหนามาก มันจะไม่ละลายหายแม้จะผ่านไปหมื่นปี!
“มันก็แค่อำพันต้นไม้ธรรมดา! นี่น่ะรึของที่เจ้าจะเอามาแลก?”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนเหยียดหยาม
“อย่าให้พวกข้าเสียเวลาจะดีกว่….”
คำพูดของเขาหยุดลงและเบิกตากว่าเมื่อมองอำพันนั้น ส่วนหนานอู่ก็ตกใจสนไม่เชื่อสายตาไปขณะหนึ่ง
“พี่ชาย ท่านได้อำพันนี้มาจากไหนรึ?”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนลืมศักดิ์ศรีไปครู่หนึ่งและประสานมือด้วยรอยยิ้ม
ชายชุดดำไม่พูดอะไร เขาไม่เต็มใจจะตอบอะไรกับชายที่เพิ่งจะเยาะเย้ยเขาอย่างหยาบคาย
หนานอู่ถามไปตรงๆ
“พี่ชาย ท่านจะรับสมุนไพรสายฟ้ามาแลกเท่านั้นรึ? เหตุใดไม่คิดถึงแก้วพลังบ้างเล่า?”
ชายชุดดำหัวเราะเยาะตอบ
“เจ้ามีแก้วกี่ดวงกัน? เจ้าจะจ่ายไหวรึ…”
ความกังวลฉายผ่านใบหน้าหนานอู่ และเมื่อเขาเพิ่งพูดจบก็มีเสียงสายฟ้าลั่นมาจากเบื้องบน
“หลีกไป! โลหิตมังกรไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเจ้าจะใฝ่ฝันถึง”
ฟึ่บ!
กระโจมเทพสวรรค์สั่นสะเทือนรุนแรง เงาร่างใหญ่ร่วงหล่นมาจากฟ้า เงาร่างนี้ใหญ่ยิ่งกว่าเหล่าภูติที่เพิ่งลงมา เขาดูราวกับยักษ์!
ใบหน้าเนียนละเอียดเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง เป็นใครไปไม่ได้นอกจากกู้ไทวู จ้าวเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดลงมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง!
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
จากนั้นผู้เฒ่าหยินหยาง ลู่จือยี่ และเงาของคนอ่านๆเองก็ลงตามมาข้างหลังกู้ไทซู เงาของจ้าวเทวะทั้งสามจากตำหนักโลหิตก็ลงมาด้วย!
“หึหึ นั่นคือโลหิตมังกรสินะ?”
หัวหน้าของจ้าวเทวะตำหนักโลหิตทั้งสามยิ้มอย่างมีเลศนัย เขามองไปยังโลหิตมังกร
ซือหยูที่มองดูอยู่ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดโลหิตมังกรก็ปรากฏออกมา และมันยังอยู่ในมือของกังต้าเหล่ย!