The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 559
ไป่หยีเจี้ยนหันไปมองลูกชายตัวเอง
“จัดการนางซะ!”
ไป่ฉีพยักหน้าด้วยแววตาที่ชิงชังไม่ต่างกัน เพราะอย่างไรในตอนที่เขาตกอยู่ในอันตราย ผู้หญิงคนนี้พยายามที่จะหลุดพ่อไม่ให้ช่วยเขาหลายครั้งหลายครา นางสมควรตาย!
ไป่ฉียกขลุ่ยไผ่แปดทิศขึ้นมาและเริ่มอัดพลังชีวิตลงไป เสียงต่ำของขลุ่ยมาพร้อมกับจิตสังหารที่ซุกซ่อนล่องลอย
หัวสัตว์อสูรที่กำลังถูกชุบชีวิตเริ่มส่องแสงออกมาจากดวงตา! ลำแสงนั้นเล็งไปที่ชางก่วนชิงเอ๋อพอดี!
ชางก่วนชิงเอ๋อชักสีหน้า นางหยิบเอาหุ่นเชิดทองคำของตนออกมา หุ่นเชิดนี้มีพลังของจ้าวเทวะที่ปกป้องชางก่วนชิงเอ๋อเอาไว้
แล้วจากที่เตรียมรับมือมาครู่หนึ่ง ชางก่วนชิงเอ๋อรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะการปะทะกันของลำแสงกับหุ่นเชิดนั้นไม่ได้เกิดขึ้น! นางแอบมองจากด้านหลังหุ่นเชิดและพบว่าลำแสงหายไป!
ดูเหมือนว่านางจะหลบการโจมตีได้สำเร็จ แต่นางกลับสังเกตเห็นว่าซือหยูกับเซี่ยจิงหยูมองมาความตกใจและเวทนา!
แหมะ แหมะ
ในตอนนั้น เสียงหยดของบางสิ่งดังขึ้น มันมาจากใต้เท้าของชางก่วนชิงเอ๋อ นางก้มลงมองและก็พบว่าร่างกายของนางหายไป!
นางเหลือเพียงแค่ขา แขน และหัวที่เชื่อมต่อกับแขนผ่านชั้นผิวหนัง ลำแสงนั้นทะลวงผ่านหุ่นเชิดตรงเข้าใส่ร่างชางก่วนชิงเอ๋อจนร่างกายของนางพังยับเยิน!
ดวงตาของนางดับมืดลงไป นางสูญสิ้นซึ่งสติ นางผู้เป็นภูติถูกสังหารในไม่กี่วินาที!
และลำแสงสีเขียวยังทำให้เกิดรอยแตกกับตำหนักกระดูกที่พวกเขาทำลายไม่ได้! ไป่ฉีมองระดับพลังที่ได้ด้วยความดีใจ
แววตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังเหลือบไปหาซือหยู
“ซือหยู! ต่อไปก็ตาเจ้า!”
ซือหยูใจหาย
“จิงหยู ถอยไป!”
เป้าหมายของไป่ฉีคือเขาไม่ใช่เซี่ยจิงหยู! ใบหน้าอันงดงามของเซี่ยจิงหยูไม่มีความตื่นตระหนกอยู่เลย นางกลับเยือกเย็นหนักแน่นอย่างเคย
และนางก็ไม่ได้ถอยหนี นางกลับเข้าไปใกล้ซือหยูมากขึ้น แขนของทั้งคู่ชิดติดกัน
นางยิ้มอย่างเยือกเย็นราวกับวารีในทะเลสาบ
“ไม่มีสิ่งใดจะพาเราแยกออกจากกันได้ ข้าจะไม่มีวันบอกลาพี่หยู!”
ต่อหน้าความตาย นางรู้สึกถึงความอิสระอย่างมิอาจอธิบายได้ นางยิ้มมุมปาก ใบหน้าไร้ซึ่งเศษเสี้ยวของความเสียใจโศกเศร้า
นางพูดอีกครั้ง
“บางที…นี่อาจจะเป็นจุดจบอีกแบบ…”
นางรู้ว่านางไม่มีทางจะได้อยู่ร่วมกับซือหยูไปตลอดชีวิต…อย่างน้อยก็ในโลกใบนี้ แต่ถ้าหากทั้งคู่ตาย อย่างน้อยพวกเขาจะได้ตายพร้อมกัน บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดที่โชคชะตาสรรสร้างให้กับนาง
คำพูดอันซาบซึ้งประทับติดตราตรึงใจซือหยู เขาใจหายเสียยิ่งกว่าเดิม เขาสงสัยว่าตัวเองควรค่าพอที่จะได้รับความรู้สึกจากเซี่ยจิงหยูหรือไม่
“ฮื่ม ถึงจะตายก็ยังหวานซึ้งกันอยู่ได้รึ? ย่อมได้ พวกเจ้าก็ตายกลายเป็นผีไปทั้งคู่นั่นแหละ!”
ไป่ฉีตะโกนอย่างเยือกเย็น เขารำคาญกับความใจเย็นของซือหยูและเซี่ยจิงหยู
ไป่ฉียกขลุ่ยขึ้นอัดพลังชีวิตลงไป แต่ในตอนนั้นเองก็มีหมอกสีชมพูปรากฏเหนือศีรษะของไป่ฉี กีบเท้าหน้าสองข้างก้าวออกมาจากหมอกชมพูและเหยียบใบหน้าของไป่ฉีอย่างมิอาจให้อภัยได้ ไป่ฉีไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ!
“โอ้ย!”
ไป่ฉีไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาร้องเสียงดังด้วยความตกใจ
เมื่อเขาตะโกนร้อง เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามือของเขาได้ว่างเปล่า! เขามองที่มือตัวเองและพบว่าขลุ่ยไผ่แปดทิศได้หายไปแล้ว!
ที่ระยะที่ห่างออกไป กิเลนชมพูตัวเล็กน่ารักกำลังคาบขลุ่ยด้วยฟันขณะที่กระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความตื่นเต้น มันคือกิเลนวิญญาณ!
ตั้งแต่ที่มันมาที่นี่ มันไม่ได้ส่งเสียงหรือปรากฏออกมาให้เห็น ไม่มีใครคิดว่ามันจะลงมือทำอะไรบางอย่างในตอนนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะไปคิดว่ามันจะแย่งเอาขลุ่ยไผ่แปดทิศไป!