The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 556
ในด้านพลังต่อสู้ที่แท้จริง ไป่ฉีนั้นไม่ใช่คู่มือของซือหยู เขาเป็นเพียงแค่คนที่สติปัญญาต่ำและลุ่มหลงไปกับความสำเร็จเล็กน้อย
ไป่ฉีหัวเราะเยาะ
“แล้วเจ้าจะทำไม? ถ้าเจ้าแข็งแกร่ง มันก็แข็งแกร่ง ถ้าเจ้าอ่อนแอ มันก็อ่อนแอ อย่างเจ้าที่มีสมบัติชั้นดีเช่นนี้ ข้าก็ไม่เคยพูดอะไรเหมือนกัน”
ซือหยูพยักหน้ายอมรับ
“เอาเถอะ ถ้าเจ้าพูดมากเช่นนั้น ข้าก็จะให้ในสิ่งที่เจ้าอยากได้”
ท่าทางสะใจของไป่ฉีค่อยๆหายไป เขาไม่แน่ใจว่าจะเชื่อคำพูดที่ซือหยูเพิ่งจะเอ่ยออกมาดีหรือไม่
เขาจึงถาม
“เจ้ายังมีสมบัติไว้ป้องกันตัวอยู่อีกรึ? สำนักศีลหวนคืนให้อะไรกับเจ้ากัน? แม้จะเป็นคนอย่างเจ้าก็ได้เข้ามาแบบพิเศษ สมบัติที่สำนักให้เจ้ามาก็ยังล้ำค่ามากอีก!”
ซือหยูไม่ได้รับสมบัติจากใครมา เขามองไป่ฉีด้วยแววตาว่างเปล่า
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ต้องใช้สมบัติของใครอื่นเพื่อเอาชนะเจ้า!”
ทันทีที่ฝ่ามือทั้งสองข้างสัมผัสกัน พื้นที่โดยรอบก็ถูกบีบอัดด้วยบางสิ่งที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก! ในพื้นที่จำกัดเช่นนี้ อากาศเริ่มหมุนวนมารวมตัวกันที่ฝ่ามือของซือหยูด้วยความเร็วสูง นั่นทำให้สิ่งแวดล้อมภายนอกกลายเป็นสุญญากาศที่มิอาจหายใจ!
ไป่หยีเจี้ยนกับชางก่วนชิงเอ๋อที่กำลังต่อสู้กันตกใจ โดยเฉพาะชางก่วนชิงเอ๋อ
“วิชาระดับตำนาน? มันต้องใช้การเติบโตระดับสูง!”
สำหรับนางที่เป็นศิษย์ของอสูรเนรมิตรนั้นไม่ได้แปลกตาต่อวิชาระดับตำนาน นางยังเคยได้เศษตำรามาหนึ่งหน้าอีกด้วย!
มันยากเป็นอย่างมากที่จะเข้าใจและไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆจะบ่มเพาะได้ แม้จะมีคำชี้แนะจากอาจารย์ นางก็แทบจะไม่เข้าใจอะไรเลย ถ้าหากนางอยากจะเติบโตไปอีกขั้น นางก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามปีในการบ่มเพาะด้วยความเข้มข้น!
แต่ซือหยูที่มิใช่เป็นศิษย์ที่เป็นที่รู้จักในสำนักศีลหวนคืนกลับบ่มเพาะมันจนเติบโตได้! แม้แต่ภูติที่แก่เฒ่าที่เป็นภูติมาหลายปียังมิอาจเข้าถึงระดับนี้ได้เลย!
ซือหยูไม่ได้มีอายุมากมายเช่นนั้น นางต้องสงสัยถึงความลึกล้ำในฐานพลังซือหยู…
เขาทำให้ชางก่วนชิงเอ๋อแปลกใจมาก นางสาบานได้เลยว่าไม่มีเกินกว่าสิบคนที่จะเหมือนอย่างซือหยูที่บ่มเพาะวิชาระดับตำนานได้ในอายุเท่านี้! ส่วนคนอื่นที่นางรู้จักก็ล้วนเป็นจ้าวเทวะที่จะกลายเป็นเจ้าสำนักในอนาคต!
ไป่หยีเจี้ยนตกใจไม่ต่างกัน เขาฝึกฝนวิชาระดับตำนานมาหลายปีแต่ก็ยังเข้าใจมันแค่ในระดับต้นๆ เขาสงสัยว่าซือหยูมีพลังแบบใดถึงบ่มเพาะวิชาได้จนเติบโตเช่นนี้
พร้อมกันนั้น เขารู้สึกอันตรายในจิตใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อรู้ตัวว่า…ไป่ฉีกำลังตกอยู่ในอันตราย!
สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือพลังของซือหยูไม่ใช่สิ่งที่ลูกชายเขาจะรับไหม!
“ลูกข้า! หนีเร็ว!”
ไป่หยีเจี้ยนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว เขาละมือจากชางก่วนชิงเอ๋อและพุ่งเข้าใส่ซือหยู
หัวใจของเขาเต้นแรงมาก เขาไม่เชื่อว่าซือหยูจะซ่อนพลังที่น่ากลัวเอาไว้ถึงเพียงนี้!
ไม่เพียงแต่ลูกชายเขาจะแพ้ แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็จะถูกบดขยี้ด้วยพลังของวิชาระดับตำนานของซือหยู! เพราะในด้านพลัง เขานั้นแข็งแกร่งกว่าชางก่วนชิงเอ๋อมาก! ไป่หยีเจี้ยนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาปล่อยให้ลูกชายตัวเองต้องต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้!
ขณะที่เขากำลังไปช่วยชีวิตลูกชาย ชางก่วนชิงเอ๋อก็สีหน้ายินดีขึ้นมาอย่างมาก
“ฮ่าๆๆ ไป่หยีเจี้ยน ไอ้โจรเฒ่า! เจ้าจะหนีไปไหน? เจ้าไม่ได้อยากจะฆ่าไม่ใช่หรอกรึ…ตงมาดูลูกชายเจ้าโดนฆ่าดีๆเสียเถอะ!”
นางสะบัดแขนและเรียกโซ่สีเงินออกมาอีกเส้น โซ่นี้เป็นโซ่ที่นางเคยใช้รัดขาไป่หยีเจี้ยน