The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 550
ไป่หยีเจี้ยนเหมือนจะลืมไปแล้วว่าซือหยูคือคนที่พบสายใยมังกร ตามแผนของเขา ทุกสมบัติที่มีคนเจอที่นี่จะต้องกลายเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
และตอนนี้สายใยมังกรก็มาอยู่ตรงหน้าเขา เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ซือหยูได้มันไปแม้ชางก่วนชิงเอ๋อจะเข้ามาขวางก็ตาม
สายใยมังกรรึ? ซือหยูแอบตัวสั่น
นี่เป็นของจากแก่นแท้วิญญาณมังกร หรือว่าสายใยมังกรจะเป็นสิ่งที่สร้างอัสนีสวรรค์ทมิฬ?
ตามตำราทั้งเก้าของจักรพรรดิสายฟ้า ในส่วรที่เขียนถึงแก่นแท้วิญญาณที่บาดเจ็บหนัก ตำนานที่เล่าว่ามันสังหารผู้สร้างสรรพสิ่งที่แข็งแกร่งไปหลายคนอย่างง่ายดายดูจะเป็นเรื่องจริง! ดูจากสายใยมังกรที่นี่ ดวงตาซือหยูรู้สึกถึงความอบอุ่น
มูลค่าของสิ่งนี้เกินจะประเมินได้!
ซือหยูหยิบสายใยมังกรมาไว้ในมือ มันนุ่มและเย็นเมื่อสัมผัส แทบจะคล้ายกับนิ้วมือสตรี มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาคิดว่ามันจะเป็นแม้ว่ามันเพิ่งจะป่อยอัสนีสวรรค์ทมิฬออกมา
เขาไม่รู้เลยว่าสายใยมังกรนี้ถูกปรับแต่งโดยเทียนจี่จื้อ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น แรงดันวิญญาณคงจะทำให้ทุกคนที่สัมผัสกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว!
ส่วนคลื่นอัสนีสวรรค์ทมิฬก็ถูกปลดปล่อยออกมามากแล้วหลังจากถูกเก็บเอาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ปล่อยอัสนีทมิฬออกมามาก กล่าวได้ว่าสายใยมังกรในตอนนี้ปลอดภัยที่จะใช้มือจับ
ซือหยูที่ถือสายใยมังกรในมือรู้สึกราวกับถูกย้อนกลับไปในครั้งแรกที่เขาเริ่มบ่มเพาะพลัง นั่นทำให้เขาโหยหาอดีต
เหมือนกับเขาได้พบกับอาวุธและความรู้สึกอันคุ้นเคย ความต่างเดียวคือสถานที่และเวลา เทียบกับไหมพันมังกรที่เขาเคยใช้ เส้นไหมที่อยู่ตรงหน้าเขาคือสายใยมังกร!
เขาเศร้าใจที่ทุกคนเห็นสมบัตินี้แล้ว นั่นทำให้ซือหยูกำลังจะเจอกับภัยอันตรายครั้งใหญ่หากต้องไปยังจิวโจว
เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นวัตถุดิบที่แม้แต่ผู้สร้างสรรพสิ่งใฝ่หาแต่ไม่มีในครอบครอง การครอบครองสิ่งนี้และมีคนรับรู้จะทำให้ซือหยูตกอยู่ในอันตราย
“พี่หยู…”
ดูเหมือนเซี่ยจิงหยูจะรู้ว่าซือหยูตกอยู่ในที่นั่งแบบใด นางถอนหายใจเบาๆให้กับสถานการณ์อันซับซ้อน
“เหตุใดไม่ตามข้าไปหาราชาแห่งความมืดตอนที่เรากลับไปเล่า? เขาเป็นคนเดียวที่จะปกป้องเราได้ในทวีปเฉินหลง”
ราชาแห่งความมืดคือผู้ที่แข็งแกร่งทีสุดในทวีปเฉินหลง และเขาก็เป็นราชาคนแรกที่ก่อตั้งอาณาจักรทมิฬ
แต่กระนั้น…
“นอกจากราชาแห่งความมืดจะมีพลังระดับจ้าวเทวะ ข้าก็คงต้องคิดหาทางอื่น…”
เซี่ยจิงหยูเห็นด้วย นางครุ่นคิด…ราชาแห่งทวีปเฉินหลงปกป้องพวกเขาได้ในเฉินหลง แต่ที่จิวโจว…
“เจ้าอยากได้กล่องไหน?”
ซือหยูถาม
เซี่ยจิงหยูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาเปิดสัมผัส เสี้ยววินาทีต่อมานางก็มองกล่องดำทางด้านซ้าย
นางชี้ไปยังกล่อง
“กล่องนี้แหละ ตอนที่พวกเราอยู่ในเส้นโคจร ข้าเข้าใจฎีกาสวรรค์มากขึ้นเพื่อเส้นทางที่ผู้สร้างสรรพสิ่งทิ้งเอาไว้ สัญชาตญาณบอกข้าว่ากล่องนี้จะเกี่ยวข้องกับฎีกาสวรรค์”
ซือหยูแอบสูดหายใจเข้าลึก ระดับปัญญาของนางยังสูงส่งเช่นเคย!
ลูกหลานของผู้เฝ้าสมมบัติอยู่ในดินแดนแห่งนี้มายาวนาน ทั้งตระกูลได้บ่มเพาะฎีกาสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่จะเข้าใจฎีกาสวรรค์ที่ผู้สร้างสรรพสิ่งทิ้งเอาไว้
แต่เซี่ยจิงหยูกลับเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย! นางเพียงแค่แตะกล่องให้เปิดออก เมื่อมันเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ทำจากหยกอยู่ภายใน
ไป่หยีเจี้ยนขมวดคิ้ว
“สร้อยความทรงจำหยก หรือว่าจะมีความทรงจำบางอย่างอยู่ภายใน?”
ชางก่วนชิงเอ๋อพูดขึ้นมาบ้าง
“ดูเหมือนว่านางจะโชคดีนัก นางได้ของที่แย่ที่สุด”
อักษรหยกนี้มิได้น่าตกใจดั่งสายใยมังกร เซี่ยจิงหยูถือมันไว้หน้าหน้าผาก หลังจากผ่านไปนาน ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยความยินดี
“พี่หยู นี่เป็นฎีกาสวรรค์ที่ผู้เฒ่าในอดีตทิ้งเอาไว้! มันเหมาะสมกับข้ายิ่งนัก!”
เซี่ยจิงหยูมีความสุขมาก
ซือหยูยักไหล่เบาๆ สิ่งที่เซี่ยจิงหยูได้นั้นเหมาะสมกับระดับปัญญาเหนือมนุษย์ของนางมากกว่าสมบัติอื่นใด เขาไร้ข้อกังขา เซี่ยจิงหยูผู้นี้จะควบคุมฎีกาสวรรค์ของผู้สร้างสรรพสิ่งได้ในไม่นาน
“ยินดีด้วย จิงหยู”
ซือหยูยินดีกับนางจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะเซี่ยจิงหยูได้ช่วยเขามามากมาย ซือหยูรู้สึกดีที่ได้เห็นนางมีความสุข
“ยังเหลือกล่องสุดท้าย เปิดมันด้วยกันเถอะ”
เซี่ยจิงหยูพยักหน้า นางช่วยซือหยูเปิดกล่องดำกล่องสุดท้าย
แกร๊ก!
ทั้งคู่เปิดกล่อง ไป่หยีเจี้ยนกับจางก่วนชิงเอ๋อตั้งใจมองสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง พวกเขามองตาไม่กระพริบ
จะมีอะไรอยู่ในกล่องนี้?
พวกเขามิใช่แค่สองคนที่สงสัย ราชาปีศาจกับไป่ฉีเองก็มองกล่องสุดท้ายอย่างตั้งใจ!
ทันทีที่กล่องเปิด หมอกทรงกลมสีชมพูก็ได้แพร่กระจายออกมา! มันคือวิญญาณมีชีวิตขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่ภายในหมอกสีชมพู
มันเร็วจนเทียบเท่าความเร็วของแสง! เมื่อซือหยูพบว่ามีบางสิ่งหายไป วิญญาณสีชมพูก็ได้หนีจากเขาไปแล้ว
จากนั้นเขาจึงรู้ตัวว่าในมือของเขาว่างเปล่า สายใยมังกรที่เขาถืออยู่ในมือโดนชิงเอาไป!
ซือหยูตกใจมาก ไป่หยีเจี้ยนเองก็ตัวแข็งทื่อ
“นั่นมันแก่นแท้วิญญาณ! มันไปซ่อนอยู่ในกล่องดำ!”
ชางก่วนชิงเอ๋อตะโกนเสียงดัง นางตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร
“แก่นแท้วิญญาณ!”
ไป่หยีเจี้ยนพูดตาม เขากลั้นหายใจ แสงอันน่ากลัวพุ่งออกจากดวงตา
ซู่ม!
เงาร่างของเขาหายไป เขาทะลวงผ่านทางช้างเผือกที่ยุ่งเหยิง เขาตะโกนด้วยจิตสังหาร
“แก่นแท้วิญญาณเป็นของพวกข้า ลูกหลานผู้เฝ้าสมบัติ ใครที่คิดจะชิงไปจะถูกสังหารทันที!”
ไป่หยีเจี้ยนมิอาจเสแสร้งได้อีก เพราะนี่คือแก่นแท้วิญญาณ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะไม่เยือกเย็นอีกแล้ว!
“ฮื่ม! พูดอะไรของเจ้า เจ้ายังไม่รู้ถึงตัวตนของแก่นแท้วิญญาณด้วยซ้ำ เจ้าจะบอกว่ามันเป็นขจงลูกหลานเจ้าได้ยังไง? ข้าจะรับแก่นแท้วิญญาณนี้ไว้ในนามตำหนักโลหิต!”
ชางก่วนชิงเอ๋อพุ่งตามไป่หยีเจี้ยนไป
“เจ้ารนหาที่ตายซะแล้ว!”
ไป่หยีเจี้ยนปล่อยลำแสงออกจากดวงตา
ชางก่วนชิงเอ๋อไม่ได้เกรงกลัวเลย นางเข้าปะทะกับมันโดยไม่ลังเล นางไม่ได้หวั่นไหวกับสิ่งใดเลย
เมื่อภูติทั้งสองเข้าต่อสู้กัน วงโคจรของหมู่ดาวที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วได้เละเทะยิ่งกว่าเดิม ดาวทุกดวงในเส้นโคจรขยับโดยไร้รูปแบบ ฎีกาสวรรค์ที่ควบคุมพื้นที่นี้ได้หายไปโดยสมบูรณ์
ราชาปีศาจตาลุกวาว และด้วยความวุ่นวายที่ทำให้ฎีกาสวรรค์หายไป เขาพุ่งไปหาแก่นแท้วิญญาณ!
“เจ้าอยากตายเรอะ!”
ไป่หยีเจี้ยนยิงลำแสงไปยังสี่ทิศทาง เขาคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ
เสียงของเขามีพลังอำนาจจากภูติ มันดังพอที่จะททำให้แก้วหูของคนรอบๆเจ็บปวด เสียงของเขายังทำให้ดวงวิญญาณสั่นสะเทือนอีกด้วย!
“หึ สัตว์วิญญาณเป็นของฟ้าดิน ใครกันจะมีสิทธิ์ครอบครอง เจ้าจะไม่มากไปหน่อยเรอะ?”
ราชาปีศาจยักไหล่ เขาไม่สนใจอะไรเลย
ไป่หยีเจี้ยนมองเห็นราชาปีศาจอ่อนแอกว่าตนมาก เขาพูดเพียงครั้งเดียว
“หายไปซะ!”
เขาพูดจบและเพิ่มความเร็วอย่างมหาศาล เขาพุ่งเข้าหาแก่นแท้วิญญาณ
ชางก่วนชิงเอ๋อชักสีหน้า นางสัมผัสได้ถึงความอันตราย นางโยนโซ่สีเงินสว่างไปหาไป่หยีเจี้ยน มันรัดข้อเท้าของเขาเอาไว้
เมื่อนางพลิกฝ่ามือก็ได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้น นางได้สลับตำแหน่งกับไป่หยีเจี้ยน!
นางในตอนนี้ปรากฏตัวในที่ที่ไป่หยีเจี้ยเคยอยู่ และไป่หยีเจี้ยนกลับอยู่ไกลจากแก่นแท้วิญญาณมากกว่านาง! โซ่นี้มีพลังสลับมิติที่น่าตกใจ!
ไป่หยีเจี้ยนโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม เขาชักกระบี่ยาวออกมาฟัน โซ่สีเงินขาดท่อน! สมบัติที่ระดับไม่ต่ำกว่ากึ่งวิญญาณถูกทำลายไปทั้งอย่างนั้น!
ชางก่วนชิงเอ๋อถอนหายใจแรงอย่างไม่พอใจ แต่การเสียสละก็ยังคุ้มค่า นางไปถึงหมอกสีชมพูเร็วกว่าไป่หยีเจี้ยน!
นางโยนโซ่อีกเส้นออกไปล้อมหมอกสีชมพูเพื่อขังมันไว้ภายใน
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่ที่แก่นแท้วิญญาณปรากฏตัวออกมานั้นเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ต่ำกว่าการจุดไฟ และคนที่จะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายดูจะเป็นชางก่วนชิงเอ๋อ!
แต่ชางก่วนชิงเอ๋อไม่ได้ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น เพราะในโซ่ของนางนั้นมีแต่ความว่างเปล่า!
ซู่ม!
จากนั้นแสงสีสมพูได้ปรากฏที่ปลายโซ่ วิญญาณมีชีวิตสีชมพูขนาดเท่าฝ่ามือลอยอยู่เหนือโซ่เส้นนั้น!
มันคือวิญญาณงดงามที่ถูกปกคลุมด้วยสีชมพูหัวจรดเท้า มันดูเหมือนกิเลน
เขาสีชมพูหนึ่งคู่ ดวงตาสีม่วงดวงโต ร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ด หางเล็กที่มีเพลิงติด ถ้าเหลือบมองก็จะพบว่ามันไม่ได้ดูเป็นวิญญาณที่มีชีวิต มันดูเหมือนกับรูปปั้นปูนที่งดงามเสียมากกว่า
กีบเท้าทั้งสี่ของกิเลนน้อยเหยียบลงบนโซ่สีเงิน ดวงตาสีม่วงแสดงความเยาะเย้ยต่อชางก่วนชิงเอ๋อและไป่หยีเจี้ยน
จากนั้นมันก็ชูคอสะบัดหางกลายเป็นเมฆสีชมพูหนีไป ไป่หยีเจี้ยนดีใจขณะที่ชางก่วนชิงเอ๋ออับอาย เพราะนางเองคือคนที่ถูกแก่นแท้วิญญาณตัวน้อยเหยียดหยาม!
ชางก่วนกับไป่หยีเจี้ยนไล่ล่ากิเลนไม่ลดละ ภูติสองคนกำลังไล่ตามแก่นแท้วิญญาณอย่างบ้าคลั่งและพยายามทุกหนทางเพื่อที่จะจับมัน
แต่กิเลนก็เคลื่อนไหวได้ประหลาดมาก ไม่ว่ามันจะโดนจับครั้งใด มันก็จะปรากฏตัวในตำแหน่งอื่นทันทีเสมอราวกับว่ามันมีพลังของมิติ…แต่กลับไม่ใช่
ซือหยูแอบตกใจเมื่อมองมัน! มันไม่ใช่พลังมิติแต่เป็นความว่างเปล่า! เมื่อมันถูกจับได้ กิเลสน้อยก็จะแปรเปลี่ยนจากกายภาพสู่ความว่างเปล่าที่เกือบจะเหมือนสถานะของดวงวิญญาณ
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าไป่หยีเจี้ยนกับชางก่วนชิงเอ๋อจะพยายามอย่างไร ทั้งคู่ก็ไม่มีหวังที่จะได้จับกิเลนน้อย หลังจากทีไล่ล่าหลายครั้ง กิเลนน้อยก็ชูคอขึ้นอีกครั้ง มันกลับไปที่กลางทางช้างเผือกในดาวที่ซือหยูยืนอยู่!
กิเลนยืนอยู่บนกล่องดำราวกับไม่มีใครรอบๆ มันอ้าปากและเริ่มดูดพลังอย่างแรง! จากนั้นกล่องดำทั้งสามก็เล็กลงไปเรื่อยๆจนมีขนาดเท่ากับก้อนหิน จากนั้นกิเลนน้อยจึงกินมันเข้าไป
ดูเหมือนว่าจะมีอีกมิติอยู่ในร่างกายของกิเลนน้อย! สายใยมังกรจะต้องอยู่ในท้องของกิเลนน้อยด้วย!
จากนั้นกิเลนน้อยก็ไม่สนใจคนรอบๆต่อไป มันเดินรอบดวงดาวตรงกลางลำดับเวทและดูเหมือนจะคิดว่าควรจะกลืนกินดาวดวงใหญ่นี้ดีหรือไม่!