The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 544
โจวจิ้งกู่ร้องบินเข้าใส่หมู่ดาว เมื่อมองดูก็คล้ายกับหนอนไหมสีดำที่บินเข้าไปในรังดักแด้
และเมื่อเขาไปถึงท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวก็เกิดเรื่องแปลกๆ การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงอย่างมาก ราวกับว่าเขาแค่เดินช้าๆ
ส่วนตะวันจันทราและหมูดาวก็ลอยเคลื่อนไปตามทางของตน แม้ว่าความเร็วจะไม่ได้มาก แต่เมื่อเทียบกับโจวจิ้ง พวกมันกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง!
ปั้ง!
ดาวดวงหนึ่งปะทะกับโจวจิ้งจนเขากระเด็นลอยออกมา จากนั้นดาวดวงที่สองก็พุ่งใส่จนเขากระเด็นไปอีกทาง! จากนั้นดาวดวงที่สามก็พุ่งเข้าใส่เขาอีก!
เหล่าดวงดาวมิได้เปลี่ยนเส้นทางของมัน มันเพียงแค่โคจรไปรอบๆและพุ่งใส่โจวจิ้งเก้าครั้งอย่างแม่นยำ แรงกระแทกเก้าครั้งทำให้เขากระเด็นกลับไปที่บันได!
“มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง! ไม่ว่าจะพยายามเข้าไปยังไง เราก็โดนสะท้อนกลับมา!”
เสียงของเซี่ยจิงหยูดูสิ้นหวัง นางอดทนกับลำดับเวทนี้มาหลายครั้งแล้ว
ราชาปีศาจถอนหายใจและมองลำดับเวทด้วยความผิดหวัง
แต่ชางก่วนชิงเอ๋อยังคงไม่คิดจะยอมแพ้
“อ๊ากก ข้าไม่ยอมรับว่าข้าเข้าไปไม่ได้หรอก!”
ซู่ม–
นางที่เป็นภูตินั้นเร็วกว่าโจวจิ้งมากเมื่อไปถึงลำดับเวททางช้างเผือก แต่ก็แปลกที่มีดวงดาวพุ่งเข้าปะทะนางทันทีที่นางถึงลำดับเวท
แม้ว่านางจะพยายามอย่างมากที่จะหลบ สิ่งที่นางทำลงไปก็ดูจะสูญเปล่า สุดท้ายนางก็ถูกกระแทกออกมา จากนั้นดาวดวงที่สองก็เริ่มที่จะตามมาปะทะกับนาง
นางเห็นดาวที่สามด้วยความเฉียบคมเขารู้ว่ากำลังจะเจอการปะทะมากมายของเหล่าดวงดาว นางโกรธแค้นอย่างมาก นางหยิบเอาหุ่นเชิดไม้ออกมาในมือ
มันคือหุ่นเชิดที่ไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก ไม่มีรายละเอียดบนใบหน้า แต่ก็บอกได้ว่ามันเป็นหุ่นเชิดในรูปลักษณ์ของสตรี
รูปร่างของมันทำให้ซือหยูใจสั่นอย่างแรนง หุ่นเชิดไม้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนจนน่าขนลุก!
ซือหยูมิอาจเชื่อเลยว่าพลังของเขาที่เคยถูกปิดผนึกไปในอดีตกจากการเสียดวงตาได้ถูกฟื้นฟู! นั่นรวมถึงพลังห้วงเวลา มิติ และฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์!
แม้ว่าเขาจะใช้พลังได้ไม่เต็มที่ มันก็มากพอจะทำให้เขางงงวย เขาจึงเริ่มสงสัย…
ทวยเทพองค์ใดกันที่สลักหุ่นไม้นี้?
แรงสั่นสะเทือนจากหุ่นไม้นั้นมากพอที่จะทำให้เกิดการรักษาดวงตาของซือหยูซึ่งเขาไม่คิดมาก่อนเลย! ราชาปีศาจกับโจวจิ้งเป็นกังวลอย่างมาก ทั้งคู่หลับตาไม่มองหุ่นไม้
เมื่อการสั่นเริ่มขึ้น ดวงดาวที่กำลังจะปะทะกับชางก่วนชิงเอ๋อก็หลบนางไป ดูเหมือนว่ามันจะได้รับผลกระทบจากหุ่นไม้
ชางก่วนชิงเอ๋อใช้โอกาสนี้เร่งความเร็วไปยังส่วนลึกของลำดับเวท เมื่อนางถึงตรงกลาง ลำดับก็สั่นเบาๆ สุริยันจันทราและหมูดาราเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันกำลังเปลี่ยนแปลงฤดูกาลในพริบตา
ชางก่วนชิงเอ๋อเข้าใกล้กลางลำดับอย่างมาก ดังนั้นนางจึงถูกสะท้อนกลับมาที่บันได! นางโกรธแค้นอย่างมากเมื่อล้มเหลวอีกครั้ง
“บัดซบ มีลำดับเวทแบบนี้อยู่บนโลกได้ยังไงกัน?”
นางตะโกน
ไม่ว่าใครจะพยายามลอง คนผู้นั้นก็จะล้มเหลว ตกอยู่ในสภาพเดียวกับชางก่วนชิงเอ๋อ! ความล้มเหลวหลายครั้งทำให้พวกเขากำลังจะยอมแพ้
แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงทำลายความเงียบ นั่นคือไป่หยีเจี้ยนกับบุตรชายไป่ฉีที่สัมผัสได้ถึงเสียงความวุ่นวายเบื้องล่างขั้นบันได แล้วก็ยังมีสตรีมาอีกหนึ่งคน…นางคือจางซื่อเหลียน!
“อย่าเปลืองแรงอยู่เลย ผนึกนั่นสร้างจากผู้สร้างสรรพสิ่ง คนที่เหนือกว่าภูติย่อมถูกส่งกลับมาอยู่แล้ว ถ้าหากเข้าไปได้ข้าก็คงจะทำไปนานแล้ว”
ไป่หยีเจี้ยนกล่าว
ซือหยูหรี่ตา เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดไป่หยีเจี้ยนจึงเต็มใจที่จะเปิดสถานที่เก็บสมบัติวัตถุดิบ นั่นก็เป็นเพราะว่าตัวเขาเองก็มิอาจเข้าไปยังส่วนสุดท้ายได้!
ชางก่วนชิงเอ๋อถาม
“เจ้าหมายความว่าไม่มีทางที่ข้าจะเข้าไปได้รึ?”
ไป่หยีเจี้ยนยิ้ม
“ถ้าจะมีภูติเข้าไปได้ ข้าก็คงไม่ยอมให้คนนอกอย่างเจ้ามาแบ่งสมบัติวัตถุดิบกับลูกหลานของข้า”
เขามิได้ปิดบังจุดมุ่งหมาย แต่ชางก่วนชิงเอ๋อก็ไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ นางรีบขยับตัวไปด้านข้างขณะที่หลับตา ดูเหมือนว่านางกำลังพัก
ไป่หยีเจี้ยนสีหน้าหม่นหมองเมื่อเห็นนาง เขาถาม
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
ชางก่วนชิงเอ๋อหัวเราะออกนอกหน้า
“ข้าก็จะทำอย่างที่เจ้าคิดจะทำยังไงล่ะ!”
ไม่ผิดแน่ ภูติทั้งสองคนคิดแบบเดียวกัน นั่นคือการปล้นเอาสมบัติ! ทั้งสองจะปล่อยให้กึ่งภูติเข้าไปค้นหาสมบัติวัตถุดิบขณะที่ทั้งสองจะยืนคุ้มกันอยู่ด้านนอกเพื่อรอเหยื่อที่รอดออกมา หากพวกเขาค้นตัวคนที่ออกมาได้ พวกเขาก็จะปล้นของทั้งหมดของคนที่ออกมา!
ซือหยูมองทั้งสองอย่างเยือกเย็นขณะที่ราชาปีศาจหัวเราะอย่างขมขื่น ใบหน้าโจวจิ้งกลับมืดหมองลง
“ลำดับนี้ถูกสร้างโดยผู้เฒ่าผู้สร้างสรรพสิ่ง และมันก็มีชื่อว่าลำดับทางช้างเผือก ที่กลางลำดับเวทมีฎีกาสวรรค์ของผู้เฒ่าคนนั้น การเข้าสู่ลำดับก็เท่ากับการเข้าสู่ฎีกาสวรรค์ของคนผู้นั้น ถ้าเลี่ยงการโจมตีจากฎีกาสวรรต์ไม่ได้ เจ้าก็จะไม่มีวันเข้าไปที่กลางลำดับได้”
ไป่หยีเจี้ยนพูด
“ที่ใจกลางคือสถานที่ลับสำหรับเข้าถึงสมบัติวัตถุดิบ นั่นยังเป็นที่ที่มีวัตถุดิบสำคัญที่สุดสองอย่างอยู่ ใครที่โชคดีพอที่จะได้พวกมัน มันก็คือพรที่พวกเจ้าได้รับ”
ไป่หยีเจี้ยนหัวเราะเบาๆ แต่เสียงหัวเราะของเขาก็ดูชั่วร้ายในทางหนึ่ง บอกได้เลยว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครเอาสมบัติที่เป็นของเขาไป ทุกคนที่นี่จึงไม่คิดจะบอกเรื่องแก่นแท้วิญญาณที่กลางลำดับเวทให้เขา
ราชาปีศาจพูดอย่างเยือกเย็น
“เจ้าจะพูดมากไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่บอกวิธีเข้าไปที่ลำดับเวทกับพวกข้าเสียที”
ไป่หยีเจี้ยนยิ้ม
“ง่ายดายนัก! ทดลองซะ! ทดลองและล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า! เพราะลำดับเวทนี้มีมาหลายสิบปี พลังนับว่าลดระดับลงไปด้วย อย่างมากก็ทำให้เจ้ากระดูกหักได้เท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะไปได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับพลังของพวกเจ้า”
คำพูดของไป่หยีเจี้ยนมีนัยยะซ่อนเร้น นั่นก็คือการให้พวกเขาทดลองจนไป่หยีเจี้ยนมีโอกาสเข้าปล้น
“แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าทนรับฎีกาสวรรค์ได้ เจ้าก็อาจจะเข้าไปที่กลางลำดับเวทได้”
โจวจิ้งถอนหายใจแรง
“ทนรับฎีกาสวรรค์ของผู้สร้างสรรพสิ่งเรอะ? จ้าวเทวะยังทำไม่ได้เลย!”
ไป่หยีเจี้ยนยังยิ้มดังเดิม
“ข้าแนะนำให้เจ้าเตรียมตัวโดยเร็ว สิ่งนี้จะปรากฏหนึ่งครั้งในทุกสามชั่วโมง ดูเหมือนต่อไปจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วยาม ถ้าเจ้าพลาด เจ้าจะต้องรออีกสามชั่วโมง!”
ซือหยูตาลุกวาว ส่วนลึกในแววตาแฝงความยินดีอยู่ภายใน