The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 518
ชัดเจนว่าซางยี่นั้นเข้าใจผิดว่าไป่ลั่วกับคนที่เหลือเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับโจวฉีหมิงและเป็นคนของตำหนักชิงวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาจึงสุภาพและพร้อมที่จะช่วยเหลือ ทั้งหมดก็เพื่อสร้างความประทับใจ พวกเขามิอาจทำให้คนจากตำหนักชิงวิญญาณไม่พอใจได้
ซางยี่หยุดนิ่ง เขาเหลือบมองและเข้าใจว่าซือหยูหมายถึงอะไร เขาเริ่มสงสัย
คนเหล่านี้ดูไม่เหมือนคนที่ใช้วิชาอสูร มองดูจากเสื้อผ้าก็ดูเหมือนกับยอดฝีมือเร่ร่อนเสียมากกว่า
แต่ก็ดีกว่าที่จะเชื่อ พวกเขามิอาจทำให้คนอย่างโจวฉีหมิงไม่พอใจได้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม
“เจ้าหนู พูดอะไรของเจ้า! ข้าไม่รู้เรื่อง!”
ซางยี่ก้าวไปข้างหน้า จิตสังหารของเขาเพิ่มขึ้น
ซือหยูยิ้มอย่างเยือกเย็นเมื่อเห็นดังนั้น
“เจ้าก็แค่เสแสร้งแกร้งทำ เขาแย่งมีดเล่มนั้นไปจากข้า ส่วนความสัมพันธ์ที่เขาพูดถึงก็ต้องเป็นเรื่องของข้ากับเขา นั่นมิใช่เรื่องที่เกี่ยวกับโจวฉีหมิง”
อีกสองคนดูเริ่มจะคิดขึ้นมาได้ ไม่แปลกใจที่กลุ่มคนเหล่านี้ดูแปลกตา พวกเขาคือยอดฝีมือเร่ร่อนที่เข้ามาที่นี่โดยไม่ผ่านการประลองลับสวรรค์
พวกเขาไม่ใช่ศิษย์ของตำหนักชิงวิญญาณเลย พวกเขาคิดได้เมื่อได้ฟังที่ซือหยูพูด
แม้แต่ซางยี่ก็พอจะเข้าใจ เขายังคงตกใจในแววตา
“เช่นนั้นมีดกระหายเลือดก็เป็นของเจ้ารึ? เจ้าได้มันมาได้ยังไง?”
ซางยี่สับสนในแววตา เด็กหนุ่มตรงหน้าเขามีฐานพลังในระดับธรรมดาและอยู่ในขั้นราชามนุษย์ ยากที่จะเชื่อว่าเขาชิงมีดกระหายเลือดมาจากโจวฉีหมิง
หรือว่าโจวฉีหมิงจะพบเจอเรื่องเลวร้ายเข้า แล้วเด็กหนุ่มคนนี้แย่งมีดมา?
“ข้าก็ต้องเอามันมาจากมือของโจวฉีหมิงอยู่แล้ว”
ซือหยูพูดช้าๆ
ศิษย์น้องสองคนตะคอก
“เจ้าอยากตายเรอะ? ตอบให้มันดีๆ!”
พวกเขาไม่เชื่อว่าราชามนุษย์คนเดียวจะชิงมีดกระหายเลือดมาจากมือของกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงได้ แต่ซางยี่ก็ทำมือบอกให้ทั้งสองเงียบไป
“เจ้าหมายความว่าโจวฉีหมิงเจอกับเรื่องร้ายๆงั้นรึ?”
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่ มันตายแล้ว”
“อะไรนะ?”
แม้แต่ซางยี่ก็ตกใจที่เทพอสูรอย่างโจวฉีหมิงตาย!
ใครกันที่มีพลังมหาศาลเช่นนั้นจนสังหารโจวฉีหมิงในกระโจมเทพสวรรค์ได้?
ไม่นานตั้งสามก็ถอนหายใจเมื่อคลายข้อสงสัย พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมีดกระหายเลือดที่โจวฉีหมิงพกไปทุกหนแห่งมาตกอยู่ในมือของยอดฝีมือเร่ร่อน เด็กหนุ่มผมสีเงินนี้โชคดีมากที่ได้สมบัติของโจวฉีหมิง
ความสนุกเริ่มเกิดขึ้นแล้ว
เพราะนั่นก็หมายความว่าเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะได้ที่เก็บสมบัติของโจวฉีหมิงมาเช่นกัน!
เมื่อคิดถึงโจวฉีหมิงและจำนวนคนที่เขาสังหารไปและปริมาณสมบัติมากมายที่เขาชิงมา พวกเขามิอาจจินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสมบัติที่โจวฉีหมิงครอบครอง!
“หึหึหึ เจ้าพวกโจรชั่วบังอาจขโมยสมบัติที่ศิษย์พี่โจวฉีหมิงทิ้งเอาไว้ จงเอามันออกมาเดี๋ยวนี้ ให้ข้าเอามันกลับไปที่ตำหนักชิงวิญญาณ มิเช่นนั้นล่ะก็…หึหึ!”
ซางยี่เผยความตั้งใจและยื่นมือเรียกคนของเขา
ศิษย์น้องทั้งสองคนพุ่งไปล้อมกลุ่มซือหยู สีหน้าของเหล่าจ้าวแห่งความมืดเปลี่ยนไปในทันที ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป…คนจากจิวโจวคิดจะฆ่าพวกเขาทุกคน!
ความโศกเศร้าปกคลุมจิตใจ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าแม้หยินหยูจะไม่เอาสมบัติออกมา นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหนีพ้นจากความตายไปได้ เพราะอย่างไร ซางยี่ก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้ข้อมูลเรื่องสมบัติของโจวฉีหมิงกระจายออกไปอยู่แล้ว
“ของของเขาน่ะรึ มันยังมีอีกอย่าง ถ้าอยากได้เจ้าก็มาเอาสิ”
ซือหยูไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าของเขาสงบนิ่ง
ซางยี่ใบหน้าเย็นชาลง
“เจ้ายังกล้าอวดดีต่อหน้าข้าอีกเรอะ? เจ้าอยากตายใช่ไหม!”
ซือหยูเป็นเพียงราชามนุษย์ในสายตาเขา เขามีแค่พลังที่ดีกว่าราชามนุษย์ทั่วไปเท่านั้น เขาสังหารซือหยูได้เพียงการสะบัดดัชนี ซือหยูก็แค่แสร้งทำใจเย็นเพื่อทำให้พวกเขากลัว
เขามองศิษย์น้องทั้งสองคน คนสองนั้นเข้ามาใกล้ซือหยูทั้งซ้ายขวาขณะที่ซางยี่อยู่ตรงกลาง
ไป่ลั่วรีบใช้จังหวะนี้ถอยหนี เขาเตรียมจะหนีออกไปจากที่นี่!
“จับมัน!”
ซางยี่ตะโกน ทั้งสามป้องกันทางหนีของซือหยูและพุ่งเข้าไปพร้อมกัน
ปั้ง–
แต่ในตอนนั้นก็มีแสงสีทองส่องสว่างข้างหลังซือหยู กระบี่ทองสามเล่มปรากฏขึ้นมา คมกระบี่นั้นราบเรียบไร้รอยบิ่น แต่ละเล่มนั้นดูเหมือนกระบี่ธรรมดาๆ แต่พลังที่ปล่อยออกมานั้นทำให้หลายคนขนลุกซู่
“สมบัติกึ่งวิญญาณสามชิ้นเรอะ?”
ศิษย์น้องสองคนร้องเสียงหลง เขาไม่เชื่อสิ่งที่ได้เห็น สมบัติกึ่งวิญญาณเป็นของที่คนในขอบเขตภูติเท่านั้นที่จะครอบครองได้!
ซางยี่ใจเต้นแรง ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกิดขึ้นในตัวเขาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย สีหน้าเขาเปลี่ยนไป
“หนีเร็ว! ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่คนทั่วไป!”
ฟึ่บ ฟึ่บ–
ศิษย์น้องทั้งสองแทบจะไม่มีเวลาได้ทำอะไรก่อนที่คมกระบี่ทองคำจะเฉือนลำคอ หัวของพวกเขาตกลงกับพื้นด้วยใบหน้าตกตะลึง ราวกับพวกเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว!
กึ่งเทพชั้นแนวหน้าสองคนตายไปเพียงการสะบัดมือ! ซางยี่อ้าปากค้าง เขาหวาดกลัวจนถึงขีดสุด เขาหันหลังกลับและหนีไปทันที
แต่ยังไม่ทันที่จะหนีได้สองก้าว แสงสีทองก็เปล่งประกายรอบคอ คลื่นมิติสีทองปรากฏขึ้นพร้อมกับกระบี่ทองคำที่พุ่งออกมาตัดผ่านลำคอของเขาไป นี่เป็นสมบัติกึ่งวิญญาณที่ใช้พลังมิติได้!
ซางยี่หวาดกลัวอย่างมาก
“สหาย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ!”
แต่กระบี่ทองเล่มเล็กก็เฉือนคอเขาอย่างไร้ปรานี เมื่อหัวของเขาตกลงกับพื้น คำพูดของซือหยูก็แล่นผ่านหูไป
“โจวฉีหมิงตายไปแล้วก็จริง แต่ข้าเป็นคนที่เอามีดกระหายเลือดมาจากมือมันในระหว่างการต่อสู้”
“คนที่ฆ่าโจวฉีหมิงคือเจ้า…”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของซางยี่
เขาเลือกต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแบบไหนอยู่กัน?
แม้แต่โจวฉีหมิงก็ตายด้วยมือของชายผู้นี้ แต่เขาก็ยังโลภพอที่จะต่อสู้…
ดวงตาปิดสนิทเมื่อหัวของเขากลิ้งไปกับพื้น กระบี่ทั้งสามแล่นกลับมาที่มือซือหยู
“พลังมิติ! มันใช้ได้ดีจริงๆ”
ซือหยูพอใจมาก นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาใช้กระบี่ทองคำและยังใช้พลังมิติของมัน
พลังมิติอยู่ในไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ ลู่จือยี่เดินทางพันลี้ในก้าวเดียวได้ก็เพราะมัน
แม้ว่าจะมีเพียงเศษเสี้ยวไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ในกระบี่ทองคำทั้งสามเล่ม พลังมิติที่มีก็เพียงพอที่จะใช้เป็นอาวุธสังหาร
“เขา…เขาฆ่าทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว..!?”
จ้าวฉิงจูอุทาน เขาอ้าปากค้าง