The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 491
แต่ซือหยูก็มองยู่จางเพื่อส่งสัญญาณว่าให้นางตามลู่จือยี่ไป
ยู่จางที่ไม่สบายใจเดินไปที่หน้าลู่จทอยี่ ลู่จือยี่ยื่นมือวางเหนือศีรษะของนาง นางหลับตาและเริ่มสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง ผ่านไปนานนางก็มีสีหน้าโล่งใจ
“โชคดีจริงๆ…”
“เจ้ายังบริสุทธิ์ แก้วพลังชีวิตของเจ้าก็ยังไม่ก่อเกิดขึ้น เจ้าคือคนที่เหมาะที่สุดที่จะมาแทนหวูอู๋ยี่”
ยู่จางไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าจ้าวเทวะผู้นี้อยากจะให้นางทำเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก
ลู่จือยี่ดึงมือกลับและพยักหน้ากับตัวเอง
“ติดตามข้าเสียในเวลานี้ เมื่อเรื่องจบลง ข้าจะพาเจ้าไปที่ตำหนักเมฆาม่วง”
ยู่จางดีใจมาก ยากที่นางจะเชื่อหูตัวเอง นางจะได้เข้าตำหนักเมฆาม่วงงั้นหรือ?
แม้แต่โจวฉีหมิงก็ตกใจและริษยา ตำหนักเมฆาม่วงคือหนึ่งในสองขุมอำนาจหลังในการปกครองดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด! หากได้เข้าไปยังตำหนักเมฆาม่วง ตำแหน่งของนางจะเลื่อนไหลราวกับเรือที่แล่นอยู่ในสายวารี นี่มิใช่สิ่งที่จะเทียบได้เลยกับที่ตำหนักศีลหวนคืน แม้แต่โจวฉีหมิงก็ไม่มั่นใจว่าจะเข้าไปร่วมกับขุมกำลังเช่นนี้ได้! บอกได้เลยว่ายู่จางจะทะยานก้าวกระโดดไปสู่นภาในคราเดียว!
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่เอื้อเฟื้อข้าอย่างสูง!”
ยู่จางขอบคุณลู่จือยี่และย่อเข่าในทันที
นางดีใจอย่างมาก นางแอบเหลือบมองซือหยูด้วยหางตา ซือหยูยิ้มยินดีกับนาง เขาขยับปากเป็นคำพูด
‘ถ้ามีโอกาส ข้าจะปลดพันธนาการจากเจ้า’
แววตาของยู่จางมีความขัดแย้งต่อกัน ชายหนุ่มที่รู้จักนางได้ไม่นานคนนี้ได้หลงเหลือความประทับใจไว้ในจิตใจของนาง
ลู่จือยี่พยักหน้าเบาๆ นางมองผ่านโจวฉีหมิงกับอีกสองคน
“ส่วนเจ้าทั้งสาม…”
นางหยุดพูดและยกดัชนีขึ้นมา ความเยือกเย็นฉาบใบหน้า
“การฆ่าล้างสังหารศิษย์จากดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดนั้นเป็นสิ่งเกินควร! นับแต่นี้ไป พวกเจ้าจะต้องติดตามข้าเช่นกัน ไม่ว่าเจ้าจะมีชีวิตหรือตาย นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
นางพูดจบและก้าวไปทางโจวฉีหมิงอย่างสง่างาม สีหน้าของเขาซีดเผือด ราวกับเมื่อนางเดิน ภูเขามากมายจะถล่มแผ่นดินจะทลาย เขาไม่คิดอะไรอีก เขาหันตัวและเริ่มหนี!
พลังชีวิตในแก้วพลังชีวิตทั้งสามเอ่อล้นอย่างบ้าคลั่ง มันกลายเป็นปีกที่แข็งแรง เมื่อสะบัดหนึ่งครั้งเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาปรากฏตัวอีกครั้งในพันลี้ข้างหน้า
แต่ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อลู่จือยี่ไม่ได้คิดจะไล่ตามเขา นางยังคงผ่อนคลายตามเดิมและก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียว ก้าวย่างนั้นดูเรียบง่ายธรรมดา แต่นางก็ไปอยู่ที่ด้านหลังโจวฉีหมิงในพริบตาเดียวนั้น! ราวกับว่าพื้นดินได้ถอยร่นลงมาพันลี้เมื่อนางย่างก้าว!
พลังอันน่าอัศจรรย์…พันลี้ในก้าวเดียว…ซือหยูอ้าปากค้าง
โจวฉีหมิงที่รู้สึกถึงอันตรายที่เข้าใกล้ใช้พลังชีวิตปกคลุมกาย และเขายังหันกลับไปปล่อยพลังเนตรจากดวงตา! แสงนั้นจับต้องได้ ในระยะใกล้เท่านี้ ใครกันจะตอบโต้ได้ทัน?
พลังของวิชาเขาเข้าใกล้กับขอบเขตภูติอย่างมาก แม้ว่านางจะเป็นจ้าวเทวะ แต่ร่างกายของนางจะป้องกันการโจมตีนี้ได้ยังไง?
แต่ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อนางไม่ได้ทำอะไรเพื่อป้องกันกระบวนท่านั้นเลย แม้ว่าลำแสงจากดวงตาจะทรงพลังอย่างมากและพุ่งตรงใส่ร่างกายนาง แต่พลังนั้นกลับหยุดนิ่งเมื่อห่างจากร่างกายนางเพียงเล็กน้อย ลำแสงทั้งสองราวกับหยุดนิ่งอยู่กับที่ มันมิอาจขยับไปข้างหน้าได้!
ลู่จือยี่แตะพลังด้วยมือทั้งสองที่ขาวสะอาด พลังทั้งสองกระจายหายไป
“วิชาระดับตำนานรึ?”
ลู่จือยี่พูดอย่างเรียบเฉย
“ไม่เลวนักที่เจ้าบ่มเพาะระดับหนึ่งได้”
จากนั้นนางก็ใช้ดัชนีแตะโจวฉีหมิงเบาๆ พลังชีวิตที่ปกป้องร่างกายของเขามิอาจต้านทานได้ ดัชนีนางผ่านม่านพลังชีวิตไปถึงแผ่นหลังของโจวฉีหมิง
โจวฉีหมิงกรีดร้องออกมาทันที ทั้งร่างของเขากระเด็นไปไกลราวกับถูกฟ้าผ่า เขาหมุนวนอยู่กลางอากาศราวแปดตลบ
โจวฉีหมิงดูเหมือนจะไม่สนใจในความเจ็บปวด เขากลับมีสีหน้าประหลาด
“ทำอะไรกับหัวใจข้า?”
ลู่จือยี่พูดอย่างเฉยเมย
“ข้าจองจำเจ้า!”
นางพูดจบและหันไปทางไป่ฉีและหมิงเฟยที่ได้โอกาสหนี นางเพียงแค่ยืนอยู่กับที่อยู่นานโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย ดัชนีทั้งห้ายื่นไปด้านหน้า!
เสียงกรีดอากาศดังขึ้น พื้นที่สั่นสะเทือน และสองคนก็ถูกยักย้ายกลับมาถึงความว่างเปล่าตรงหน้า! ไป่ฉีกับหมิงเฟยที่อยู่ห่างไกลหมื่นลี้ถูกพาตัวมายังนาง
ทั้งสองยังคงอยู่ในท่าหนีตามเดิม…ทั้งคู่ตัวแข็งทื่อ ทั้งสองราวกับซากศพที่ถูกกักขังอยู่ในอะไรบางอย่าง สีหน้านั้นหวาดกลัว
นั่นมันพลังอะไรกัน? แช่แข็งจากระยะหมื่นลี้และลักพาตัวกลับมาราวกับไม่ได้ทำอะไรเลย
ซือหยูอ้าปากค้างเมื่อมองดู พลังมหัศจรรย์ของจ้าวเทวะนั้นเหนือกว่าที่เขาคาดคิด!
ลู่จือยี่ใช้ดัชนีแตะสองครั้งที่ตำแหน่งหัวใจของภูติทั้งสอง คนชั่วร้ายทั้งสามที่ทรงอำนาจในกระโจมเทพชั้นเจ็ดผู้ที่สังหารเหล่าศิษย์จากดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดได้กลายเป็นทาสนางในที่สุด และทุกสิ่งก็เกิดขึ้นในไม่กี่อึดใจ!
หลังจากที่จับตัวทั้งสาม ลู่จือยี่หันไปมองซือหยู นางขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ดูเหมือนพลังเจ้าจะมีเศษเสี้ยวของหลานสาวข้า เจ้าไปกับข้าด้วย”
อย่างที่คิด! แม้ว่าหวูอู๋ยี่จะไม่แสดงตัวออกมา ลู่จือยี่ก็ระแคะระคายซือหยู!
แทบจะทันที สาวฟ้าเปล่งประกายรอบตัวซือหยู ทั้งร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและหายไปจากที่เดิม
ลู่จือยี่ดูจะเหนื่อยหน่าย
“วิชาอัสนีรึ? ไม่เลว…”
แต่สีหน้าเหนื่อยหน่ายนั้นก็แทนที่ด้วยความแปลกใจ
“นั่นไม่ใช่วิชาอัสนีธรรมดา! แสนลี้ในพริบตาเดียว แม้แต่วิชาในตำหนักเมฆาม่วงก็ทำเช่นนั้นไม่ได้”
จากนั้น ลู่จือยี่ก้าวอย่างสง่างามออกไป นางกำลังพุ่งเข้าไปหาซือหยู! ในระยะแสนลี้ไกลออกไป สายฟ้าเปล่งประกาย ซือหยูออกมาจากสายฟ้า จากนั้นเขาก็เรียกเรือบินเทวะออกมาอย่างไม่ลังเล
เขารีบอัดพลังวิญญาณลงในเรือบินเทวะอย่างบ้าคลั่ง แต่เพียงแค่สามอึดใจเขาก็รู็สึกได้ถึงพลังที่โอบล้อมตัว มิติรอบๆเขาหยุดนิ่งไป! นางใช้วิชาย้ายมิติอีกแล้ว!
ซือหยูตะโกนลั่น สายฟ้าในร่าเปล่งประกายพร้อมกับร่างกายเขาที่หายไป ในครั้งนี้เขาปรากฏตัวอีกครั้งในระยะห้าหมื่นลี้ วิชาเลี่ยงสายฟ้านั้นใช้สายฟ้าจำนวนมากในร่างกาย วิชานี้จะได้ผลลดน้องลงทุกครั้งที่ใช้งาน
ซือหยูรู้สึกแบบเดิม เขาขมวดคิ้วด้วยความเศร้า การที่จ้าวเทวะผู้นี้ปรากฏตัวในกระโจมเทพสวรรค์…มันไม่ยุติธรรมเลย!
ซือหยูฝืนใช้เลี่ยงสายฟ้าอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาเดินทางได้เพียงสองหมื่นลี้ หลังจากที่หนีได้ไม่นาน ความรู้สึกว่ามิติเข้ากดดันก็มาถึงตัวเขาอีกครั้ง
ท้ายที่สุด ซือหยูใช้สายฟ้าที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดในร่างใช้เลี่ยงสายฟ้าย้ายตัวเองไปไกลหมื่นศอก แต่เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งดวงตาเขาก็ว่างเปล่าด้วยความตกตะลึง ลู่จือยี่ตามเขาทัน นางมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดี!
ซือหยูอ้าปากค้าง แก้มเรียบเนียน ใบหน้าราวผลงานชั้นยอด ผิวขาวใส จมูกอันงดงามราวหยก ดวงตาที่แผ่ความหลงใหลราวอัญมณี…สิ่งเหล่านั้นอยู่ใกล้กับเขาอย่างมาก กลิ่นหอมหวานบางๆจากร่างกายของนางค่อยๆลอยเข้าจมูก
ลู่จือยี่ยิ้มเยาะ นางยื่นดัชนีแตะหน้าผากซือหยู