The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 488
นางจู่โจมซือหยูท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย!
จางซื่อเหลียนอับอายเล็กน้อยที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่หลังคอ นางมิอาจโจมตีราชามนุษย์คนเดียวได้ทั้งๆที่พลังนางอยู่ในระดับนี้ ซ้ำร้ายยังเป็นนางอีกที่บาดเจ็บจากอีกฝ่าย!
หลายคนมองซือหยูด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าซือหยูนั้นมีภัยไม่มากที่สังหารกึ่งเทพได้สี่คนแต่เพียงลำพัง แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มระวังซือหยูแล้ว!
เขาต่อกรกับจางซื่อเหลียนได้…มีคนไม่มากนักที่จะมีพลังขั้นนี้ แม้ว่าคนที่มีพลังระดับซื่อหลิงยังต้องมองซือหยูด้วยความระมัดระวัง วิชาเลี่ยงสายฟ้าของเขานั้นเป็นภัยแก่ทุกคน
ซือหยูผิดหวังเล็กน้อย การโจมตีด้วยมีดของเขาเมื่อครู่นั้นสะบั้นคอของกึ่งเทพธรรมดาได้แต่ก็ทำให้จางซื่อเหลียนโดนเฉือนเท่านั้น ร่างกายของนางอ่อนแอกว่าซื่อหลิงเล็กน้อยแต่ก็ใกล้เคียงกันมาก
“ฮื่ม! เจ้าจะอวดดีไปแล้ว!”
จางซื่อเหลี่ยนถอนหายใจแรงด้วยความไม่พอใจ นางสะบัดมือส่งบรรดาบัวหิมะให้ลอยขึ้น
บัวหิมะเก้าดอกล้อมรอบกายจางซื่อเหลี่ยน แต่ละดอกปล่อยพลังเย็นยะเยือกออกมา กลีบดอกนั้นคมราวกับใบมีด!
“ไป!”
จางซื่อเหลียนชี้นิ้วสั่งการ
บัวหิมะทั้งเก้าพุ่งหายลับตาไปยังซือหยู
อ๊าก–
เสียงกรีดร้องดังขึ้น ไม่ว่าบัวหิมะทั้งเก้าจะผ่านไปทางใด โลหิตของเหล่ากึ่งเทพที่อยู่ระหว่างทางก็พุ่งพล่านออกมา กึ่งเทพบางคนถูกบัวหิมะสามดอกพร้อมกันและหายตัวไปทั้งร่างหลงเหลือแต่เพียงละอองโลหิต กึ่งเทพเจ็ดคนตายหรือบาดเจ็บในพริบตา การต่อสู้ที่วุ่นวายเริ่มซาลงไปบ้าง
คนอื่นเริ่มหนีกระจัดกระจายจนทำให้มีที่ว่างหลงเหลืออยู่ในสนามรบ ต่อหน้ากึ่งภูติ กึ่งเทพธรรมดาๆพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย! บัวหิมะทั้งเก้าไม่มีสิ่งกีดขวางใดอีก มันพุ่งเข้าใส่ซือหยู!
จางซื่อเหลียนขยับมือพร้อมกัน นางซัดบัวหิมะอีกสามดอกออกมาล้อมรอบกายเผื่อว่าซือหยูจะใช้วิชาของเขาโจมตีนางจากด้านหลังอีกครั้ง
แต่ซือหยูก็ไม่ได้ใช้วิชาอัสนี เขากลับสร้างผนึกด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับลูกแก้วสีน้ำเงินที่ลอยออกมาจากนิ้วชี้ ลูกแก้วปล่อยลำแดงสีครามออกมาโดยมีซือหยูอยู่ภายใน
ปั่ก ปั่ก ปั่ก—
เสียงกระแทกดังขึ้น บัวหิมะทั้งเก้าสร้างรอยแตกบนลำแสงเมื่อปะทะจากนั้นก็กระเด็นกลับไป ลำแสงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว บัวหิมะทั้งเก้าทำลายการป้องกันนี้ไม่ได้!
เหล่าคนในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดตกตะลึง พวกเขาต้องมองลูกแก้วสีครามอย่างปรดหลาด พวกเขาทั้งสับสนและงุนงง บางคนรู้ว่ามันคือสิ่งใด แต่พวกเขาก็มิอาจแน่ใจนัก
จางซื่อเหลี่ยนใบหน้าบิดเบี้ยว นางตกตะลึง
“ลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือด!”
ในฐานะศัตรูของสำนักศีลหวนคืน สำนักบัวขาวย่อมต้องรู้จักของสิ่งนี้
ขณะที่จางซื่อเหลียนตกใจ ภาพติดตาเก้าสายพุ่งออกจากพื้นใกล้ตัวนางสร้างข่ายแห มันเป็นการโจมตีแบบไม่ให้ทันตั้งตัวแต่จางซื่อเหลียนก็ระวังตัวอย่างดี บัวหิมะทั้งสามที่ล้อมรอบกายหมุนวนปะทะกับเข็มเหล็กทั้งเก้าให้กระเด็นกลับไป แต่เมื่อเข็มกระเด็นก็มีลำแสงพุ่งเข้าใส่นาง มันคือลูกแก้วครามที่เท้าของซือหยู
จางซื่อเหลียนสีหน้าจริงจังขึ้น นางใช้พลังชีวิตของตัวเอง พลังชีวิตเอ่อล้นจากร่างไปรวมตัวกันที่หมัดทั้งสองข้าง นางปล่อยหมัดสวนกลับพร้อมกับใช้บัวขาวทั้งสิบสองปะทะกับลูกแก้ว
ลูกแก้วครามถูกการโจมตีอย่างต่อเนื่อง จางซื่อเหลี่ยนหน้าแดงก่ำ นางถอยไปหลายก้าว มือทั้งสองข้างที่เรียบเนียนสะอาดสะอ้านของนางเริ่มมีรอยฉีก สายโลหิตหลั่งไหลออกมา หากเผชิญหน้ากันตรงๆ จางซื่อเหลียนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
นางสะบัดมือด้วยความเหยียดหยาม
“ข้าเคยหวังว่าคนพิเศษจากตำหนักศีลหวนคืนจะเป็นเช่นใดถึงต้องส่งเข้ามาในกระโจมเทพด้วยวิธีอื่น แต่ดูเหมือนว่าคนนั้นก็แค่คนธรรมดาทั่วไป รับพลังของข้าได้แค่ครึ่งส่วนแม้จะมีสมบัติล้ำค่าอย่างลำดับห้าธาตุ”
ถ้านางอยากจะฆ่าคนจากตำหนักศีลหวนคืน นางคงจู่โจมยู่นางที่มีฐานพลังสูงกว่าก่อน! แต่เป็นเพราะตัวตนพิเศษของซือหยู นางจึงเลือกที่จะจัดการกับเขา แต่เดิมนางก็ไม่สบายใจและอยากจะทดสอบพลังของเขาอยู่แล้ว หลังจากที่ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่า นางแน่ชัดแล้วถึงพลังและพื้นเพของอีกฝ่าย
เขามีลูกแก้วจากลำดับห้าธาตุ ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากตำหนักศีลหวนคืนจริงๆและได้รับมอบมันมา ยู่จางจะต้องไม่โกหก แต่พลังของเขาก็แค่ทั่วๆไป ความกังวลในใจนางคลายไปมาก
โจวฉีหมิง ไป่ฉี และหมิงเฟยที่มองดูจากด้านข้างต่างครุ่นคิด โจวฉีหมิงกับหมิงเฟยไม่ได้สนใจมากนัก แต่ไป่ฉีกลับตื่นเต้น พลังของซือหยูเพิ่มขึ้นมามากนับจากตอนที่พบกันครั้งแรก
ยิ่งซือหยูแข็งแกร่งเท่าใด ไป่ฉีก็ยิ่งมั่นใจว่าจะสังหารชายแก่ในภาพเขียนได้มากเท่านั้น
จางซือเหลียนโบกมือเรียกบัวหิมะทั้งสิบสองกลับมา นางไม่คิดจะต่อสู้อีก
“หยุดสู้กันเถอะ…”
จางซื่อเหลียนพูดอย่างเรียบเฉย
“พลังเจ้ามันก็เท่านั้น เจ้าจะตายเปล่า”
แต่ซือหยูก็ยิ้มออกมา
“เจ้ายังไม่ได้ถามข้าเลย เจ้าลอบโจมตีและเกือบจะเอาชีวิตข้าไป แต่ตอนนี้เขากลับอยากจะจบมันด้วยคำพูดเดียวงั้นรึ?”
ผู้คนตกตะลึง ซือหยูใช้ไพ่ตายไปแล้วและทำได้แค่เสมอกับพลังครึ่งเดียวของจางซื่อเหลียน แต่เขาก็ยังยั่วยุอีกฝ่ายให้ต่อสู้อีกรึ? เขาอยากตายรึไงกัน?
จางซื่อเหลียนตัวแข็งทื่อ นางมองดูซือหยูและหัวเราะออกมา
“หึหึ…เจ้าคิดจริงๆรึว่าเจ้ามันเก่งนักหนา? เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว! ไสหัวไปให้พ้นตาข้าก่อนที่ข้าจะโมโห มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องเจ็บปวดแน่!”
จิตสังหารฉาบแววตาของนาง
ซือหยูเงียบกริบราวกับยอมรับว่าจะเกิดอะไรขึ้น จางซื่อเหลียนเหลือบมองเขาด้วยความเหยียดหยาม นางละสายตาและหันหลังพุ่งไปที่อื่น
นางลอบโจมตีซือหยูและเกือบจะฆ่าเขาสองครั้งสองครา แต่นางกลับคิดจะจบเรื่องราวทั้งหมดในคำพูดครั้งเดียวรึ? นางเห็นเขาเป็นอะไรกัน?
ซือหยูพูดมาจากด้านหลัง
“คิดว่าข้าจะหยุดเพราะคำพูดไร้สาระของเจ้ารึ?”
จางซื่อเหลียนหยุดเคลื่อนไหว นางหันกลับไปจ้องมองซือหยูด้วยแววตาน่ากลัว
“หุบปาก! ถ้าเจ้ารนหาที่นัก ข้าก็จะจัดให้ตามที่เจ้าต้องการ!”
นางขว้างบัวหิมะสิบสองดอกออกมาจากแขนแต่ละข้างรวมเป็นยี่สิบสี่ดอก มันหมุนวนเหนือศีรษะของนาง แต่ละดอกนั้นใสดังแก้ว มันสะท้อนแสงตะวันขับกล่องให้ร่างกายของนางราวกับอยู่ในฝัน
เหล่ากึ่งเทพต่างถอยหลังหนี บัวหิมะทั้งยี่สิบสี่ดอกนั้นมากพอที่จะดับลมหายใจของกึ่งเทพอย่างน้อยยี่สิบคน พลังในการต่อสู้ของนางมิใช่สิ่งที่จะพูดเล่นๆ
“จงเจ็บปวด!”
จางซื่อเหลียนตะโกน
พิรุณบัวหิมะโปรยปรายเข้าใส่ซือหยูด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทัน
ซือหยูไม่ได้ประมาทนาง เขารู้อยู่แล้วว่าพลังของนางเป็นของจริง เขาปล่อยลำแสงออกมาจากลูกแก้วสีครามเพื่อป้องกันตัวจากเหล่าบัวหิมะ
จางซื่อเหลียนยิ้มดูถูก
“เปล่าประโยชน์ แม้สมบัติเจ้าจะแข็งแกร่ง เจ้าก็ไม่มีพลังชีวิตอยู่เลย เจ้าใช้พลังของลำดับห้าธาตุได้แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น!”
บัวหิมะทั้งยี่สิบสี่ดอกพุ่งเข้าใส่ซือหยู
ดูจากการปะทะคราวก่อน การโจมตีนี้จะทำลายลำแสงได้ไม่ยาก แต่เมื่อบัวหิมะดอกแรกปะทะกัน แม้มันจะทำให้ลำแสงแตกไม่ได้ แรงกระแทกนั้นก็เหนือกว่าที่เขาคิดเอาไว้! ซือหยูกระเด็นลอยไปพร้อมๆกับลูกแก้วสีคราม!