The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 457
“ในที่สุดข้าก็ได้ออกมา!”
ภูติขนาดเท่าฝ่ามือหัวเราะ เสียงหัวเราะของมันทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน
ยู่จางชักสีหน้า นางรีบตะโกนอย่างไม่ลังเล
“ถอยเร็ว!”
หยางเจี้ยนกับอีกสองคนนั้นหวาดกลัวมานานแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาจะกล้าลังเลรึ?
ภูติผีที่หัวเราะอย่างป่าเถื่อนนั้นหัวเราะอีกครั้งอย่างชั่วร้าย
“หึหึ ถ้าพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าคิดว่าจะหนีออกไปได้ง่ายๆรึ?”
มันคว้าอะไรบางอย่างด้วยมือ หมอกภูติมหาศาลพุ่งออกจากตัวรวมกันเป็นกรงเล็บร้อยศอก
กรงเล็บนั้นเกิดจากหมอกภูติ มันพุ่งเข้าใส่ยู่จางกับคนของนาง พลังของกรงเล็บนั้นอยู่ในขอบเขตภูติ
ยู่จางชักสีหน้า
“ระวัง!”
นางตะโกน
พวกนางป้องกันการโจมตีด้วยพลังทั้งหมด นางร่ายมือสร้างบัวขาวอันงดงามขึ้นมาเหนือศีรษะ บัวขาวกระจ่างเปล่งแสงอันอ่อนโยนที่ปกคลุมกายหยางเจี้ยนที่อยู่ใกล้นางที่สุด
ส่วนอีกสองคนนั้นหวาดกลัว พวกเขาเรียกพลังวิญญาณออกมาป้องกันร่างกาย ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้ยันต์นับไม่ถ้วนที่มีแรงกดดันวิญญาณมหาศาลลงบนตัวเพื่อสร้างชั้นแสงมาป้องกันตัว
ปั้ง–
กรงเล็บภูติซัดเข้ามาอย่างป่าเถื่อน กะโหลกยักษ์สั่นอย่างรุนแรง กรงเล็บภูติระเบิดออกจากกันและแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นหมอก มันกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
จากนั้นในที่เดียวกันก็มีรอยกรงเล็บยักษ์ยาวสามสิบศอกปรากฏ! ในรอยกรงเล็บนั้นมีชุดขาวและชุดของราชวงศ์และก้อนเนื้อสองกอง ศิษย์น้องยี่และศิษย์พี่ไป่ที่เป็นกึ่งเทพทั้งคู่นั้นไม่มีแม้แต่เวลาจะกรีดร้อง พวกเขาตายในพริบตาเดียว
ที่ศูนย์กลางของกรงเล็บนั้นยังคงมีดอกบัวกระจ่างที่กลับร่วงโรย มันปล่อยแสงอันอ่อนโยนปกคลุมอย่างเคย และแสงที่ปกคลุมนั้นก็เต็มไปด้วยรอยแดงแต่ก็ยังคงปกป้องคนทั้งสองที่อยู่ภายในเอาไว้ได้ สองคนนั้นคือยู่จางและหยางเจี้ยน
สายโลหิตเล็กๆไหลผ่านมุมปากยู่จาง ร่างอันงดงามของนางสั่นเล็กน้อย ดอกบัวกระจ่างที่ถูกทำลายได้ทำให้นางบาดเจ็บ
แม้หยางเจี้ยนจะรอดตาย เขาก็ตกใจอย่างมาก เขาหน้าซีดราวกับกระดาษ แค่กรงเล็บเดียวก็เกือบทำให้กึ่งเทพสี่คนถูกสังหารจนหมดสิ้น
“โอ้ ฝ่ามือของข้าถูกป้องกันเอาไว้ได้รึ…”
ภูติตัวน้อยออกความเห็น มันตกใจอยู่เล็กๆ
ยู่จางรู้ว่ากำลังตกอยู่ในความยากลำบาก นางใช้พลังจนถึงขีดกำจัด นางไม่มีพลังจะต้านการโจมตีที่สองแล้ว
“น่าสนใจจริงๆ มาสิ”
ภูติน้อยพูดด้วยเสียงราวคำสัะ่ง
แม้ยู่จางจะลังเล นางก็ไม่กล้าที่จะขัดต่อภูติน้อย นางข่มความหวาดกลัวและบินเข้าไปด้วยความจำนน นางเหลือบตามองพวกซือหยูและโค้งทำความเคารพแก่ภูติน้อย
“ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ โปรดอภัยให้พวกเรา”
หยางเจี้ยนตัวสั่น เขาโค้งคำนับด้วยความกลัว
ภูติน้อยหัวเราะ
“เลิกพูดจาไร้สาระ พวกเจ้ารู้อยู่แล้วว่ามารบกวนข้า เจ้าควรจะรู้ผลที่ตามมา! แต่เจ้ารับการโจมตีของข้าได้ ข้ายังจะพอให้โอกาสเจ้าได้สักครั้ง”
ยู่จางกับหยางเจี้ยนแอบดีใจ ภูติน้อยนั้นยิ้มติดตลก มันหันไปหาพวกซือหยู
“ส่วนพวกเจ้าสามคน เห็นแก่ที่พวกเจ้าปลดปล่อยข้า ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้ามีชีวิตรอด!”
“พวกเจ้าก็แค่ต้องภักดีต่อข้า!”
ภูติน้อยหัวเราะ
ภักดีต่อมันงั้นรึ? หลายคนทำได้แค่ลังเล
“ครับท่าน ผู้น้อยชื่อหยางเจี้ยน”
หยางเจี้ยนนั้นดูจะไม่ลังเลเลย เขาคุกเข่าทั้งสองข้าง เขาเลือกที่จะยอมรับภูติน้อยเป็นเจ้านาย
ยู่จางโกรธแค้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา แต่ในตอนนั้นเองภูติน้อยก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ข้ายังพูดไม่จบ คนที่จะมาเป็นคนของข้าในบรรดาห้าคน พวกเจ้าเป็นได้แค่สองคนเท่านั้น”
“ส่วนสองคนจะเป็นใคร…นั่นก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของเจ้า สองคนที่มีชีวิตรอดจะได้เป็นผู้ที่ยอมจำนนต่อข้า!”
นี่ไม่ใช่การบอกให้พวกเขาฆ่ากันเองหรอกรึ?
ทุกคนมองภูติน้อยและรู้สึกว่ามันโหดร้ายอย่างมาก!
“โปรดให้ข้าได้สู้เป็นคนแรกเถอะท่าน!”
หยางเจี้ยนกลอกตาอย่างรวดเร็ว เขาชิงความเป็นผู้นำ
ภูติน้อยกอดอก มันหัวเราะอย่างประหลาด
“ก็ย่อมได้ เริ่มจากเจ้าก่อน จงจำ นี่คือความเป็นความตายของเจ้า”
หยางเจี้ยนยืนขึ้น แววตาอันเยือกเย็นนั้นจับจ้องไปที่ซือหยูอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า! พลังของซือหยูนั้นอ่อนแอที่สุด และเขาคือคนที่จะสังหารได้โดยไร้ข้อสงสัย! และในเหตุการที่ทางเข้า ซือหยูได้ทำให้เขาต้องยอมรับความผิด นี่เป็นเวลาที่เขาจะได้ล้างแค้น
“มันต้องเป็นเจ้า ออกมาที่นี่!”
หยางเจี้ยนตะโกน
ต่อหน้ายอดฝีมือเร่ร่อนอย่างซือหยู เขาไม่สนใจผู้ใด ก่อนหน้านั้นเขาทำแม้แต่จะดูถูกพวกซือหยู
ยู่จางทำอะไรไม่ได้เช่นกันหากเรื่องมาถึงขั้นนี้ นางทำได้แค่เตือนเบาๆ
“อย่าประมาท อสุราที่ป้องกันที่นี่ถูกพวกนั้นสังหาร พลังพวกนั้นเกินกว่าที่คาด มีโอกาสสูงที่เขาจะเป็นผู้คุมสวรรค์ที่มีพลังประหลาด เจ้าต้องระวังให้มาก”
หยางเจี้ยนมองดูอสุราที่ระเบิดเป็นชิ้นๆ สีหน้าของเขาเยือกเย็น เขาหยุดประมาทพวกซือหยู
ซือหยูที่ถูกเลือกให้ต่อสู้ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็คืนสติ
“เจ้าอยากจะสู้กับข้ารึ? ข้าก็เหมือนกัน”
แก้วที่หลังหยางเจี้ยนเปล่งแสง กระบี่แก้วลอยออกมาจากข้างหลังมาประทับฝ่ามือ กระบี่แก้วนั้นเต็มไปด้วยพลังกระบี่อันคมกริบ
“เจ้าขยะ ครั้งนี้ถ้าไม่มีคำสาป เจ้าก็รับกระบี่ของข้าไม่ได้หรอก!”
หยางเจี้ยนฟันกระบี่สู่นภา คมกระบี่พุ่งเข้าใส่อย่างแรง
ฟึ่บ–
เสียงระเบิดดังก้องบนนภา พลังกระบี่ที่เกิดขึ้นนั้นแผ่กระจายไปโดยรอบ
ภาพฝันที่ซือหยูถูกตัดขาดครึ่งนั้นอยู่ในความคาดหมาย แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นซือหยูก็ยังใจเย็นอย่างเคย เขาขยับมือสร้างก้อนน้ำแข็งหมุนวนในฝ่ามือ
มันคือต้นกำเนิดน้ำแข็ง! ต้นกำเนิดน้ำแข็งกลายเป็นหมอกเย็นเมื่อสะบัดมือ
แกร๊ง—
แกร๊ง—
กระบี่แก้วกับก้อนน้ำแข็งสัมผัสกัน จากนั้นชายในชุดสีอำพันก็ถอยไปอย่างรวดเร็ว
นั่นคือหยางเจี้ยนที่ประหลาดใจ เขาอุทาน
“ต้นกำเนิดน้ำแข็ง!”
กระบี่แก้วและฝ่ามือของเขาที่ถือกระบี่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ถ้าเขาลังเลเมื่อครู่ น้ำแข็งคงจะแล่นตามกระบี่มาถึงแขนของเขาเช่นกัน
ยู่จางคิ้วกระตุก นางตกใจ
“พวกยอดฝีมือเร่ร่อน มีไม่ถึงหนึ่งส่วนที่สำเร็จต้นกำเนิดน้ำแข็ง แม้ฐานพลังจะไม่สูง วิชาน้ำแข็งของเขาก็อยู่ใในระดับที่สูงมาก แต่ความต่างของฐานพลังก็มากเกินไป กระบี่เมื่อครู่ใช้พลังไปแค่สามส่วนของหยางเจี้ยน ถ้าเขามีพลังแค่นั้น เขาก็ไม่ใช่คู่มือของหยางเจี้ยนหรอก”
หยางเจี้ยนไม่สบายใจนัก เด็กน้อยที่เขาคิดว่าจะชนะได้อย่างง่ายดายกลับกลายเป็นคนที่รับมือยากกว่าที่คาด
“ฮื่ม! ไอ้บ้านนอก ข้ายอมรับว่าข้าประมาทเจ้าเกินไป แต่มันก็เท่านั้นแหละ!”
หยางเจี้ยนวาดมือ กระบี่แก้วในฝ่ามือบินด้วยตัวเอง
ยิ่งหยางเจี้ยนขยับมือเร็วเท่าใด กระบี่แก้วก็ยิ่งส่องสว่างและขยับเร็วขึ้นเท่านั้น
“อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่มีพลังต้นกำเนิดอยู่คนเดียว!”
หยางเจี้ยนตะโกน
เมื่อวิชาน้ำแข็งถูกบ่มเพาะจนถึงระดับสูงสุด ผู้บ่มเพาะจะได้พลังของต้นกำเนิด และเมื่อกระบี่ถูกบ่มเพาะจนถึงขีดสุด นั่นก็จะไปถึงระดับของความสมบูรณ์แบบ
“กระบี่บิน!”
ยู่จางมองมันอย่างนับถือ
“ในด้านวิชากระบี่ หยางเจี้ยนนั้นเหนือกว่าคนทั่วไป ทั้งพลังและกระบี่ ฐานพลังที่สูงกว่า ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าใครจะชนะในครั้งนี้”
กระบี่แก้วพุ่งเข้าใส่ซือหยูเมื่อเขาตะโกน! กระบี่นั้นเร็วอย่างมาก ตัวกระบี่หายไปอย่างไร้เงา
เมื่อซือหยูตอบสนองกระบี่นั้นก็มาจ่ออยู่ที่กลางอกแล้ว! กระบี่นั้นกำลังจะทะลวงร่างซือหยู
แต่ซือหยูก็ยังใจเย็นอย่างเคย เขาตบอกตัวเองด้วยมือเดียว มีดปรากฏบนฝ่ามือ
มีดนี้คือมีดเกล็ดทองคำ! ซือหยูแกว่งมีดปะทะกับกระบี่แก้วอย่างแม่นยำ
แคร้ง—
หยางเจี้ยนกับยู่จางเห็นภาพที่ทำให้ต้องตะลึง กระบี่แก้วที่เป็นสมบัติเทพระดับกลางนั้นถูกผ่าเป็นสองท่อนตั้งแต่ปลายจนถึงด้ามจับด้วยมีดทองคำ!
ราวกับมีดทองคำนั้นตัดเศษกระดาษ มันหั่นกระบี่แก้วจนเหลือครึ่งส่วน!
“กระบี่เกล็ดทองที่สร้างจากพันธะทองคำ!”
ยู่จางจดจำวัตถุดิบที่ใช้สร้างมีดได้ นางตกใจอยู่บ้าง
“จากที่ข้ารู้ หากใส่พันธะทองคำเข้าไปเล็กน้อย ความคมของอาวุธก็จะไปอยู่ในขั้นสูง ใครกันที่ได้ครอบครองพันธะทองคำที่หายากนี่ เจ้าผู้คุมสวรรค์คนนี้เป็นใครกันแน่? เขาดูไม่เหมือนกับยอดฝีมือเร่ร่อนทั่วๆไปเลย”
อั่ก—
เมื่อสมบัติเทพที่เขาชำระถูกทำลาย หยางเจี้ยนก็กระอักเลือดออกมาในทันที เขาตกตะลึงและรีบถอยออกไปอย่างบ้าคลั่ง!
แต่สิ่งที่เร็วกว่าเขาก็คือมีดเกล็ดทองคำ! หลังจากที่ผ่ากระบี่แก้วเป็นสองซีกมันก็ยังไม่หยุด มันพุ่งตรงไปยังหยางเจี้ยนอย่างรวดเร็ว!
หยางเจี้ยนนั้นไม่รู้จะทำอะไรในตอนนี้เมื่อสมบัติเทพถูกทำลาย กว่าเขาจะรู้ตัว มีดเกล็ดทองคำก็อยู่ห่างจากเขาแค่สิบศอก!
“อ๊าก! อย่าเข้ามา!”
หยางเจี้ยนเบิกตากว้าง เขาตกตะลึงจนถึงขีดสุด เขาร้องคำรามเรียกพลังวิญญาณมาป้องกันตัว
ฟึ่บ–
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามีดเกล็ดทอง พลังวิญญาณที่ปกป้องกายนั้นก็ไม่ต่างจากกระดาษ มันถูกเฉือนขาดในพริบตา แต่เคราะห์ดีที่พลังวิญญาณนั้นป้องกันมีดเอาไว้ได้ หยางเจี้ยนหนีรอดจากความตายไปได้หวุดหวิด เขารอดจากท่าที่ทำให้เขาตายได้แล้ว
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากยู่จาง
“ไม่นะ!”
จากนั้นหยางเจี้ยนก็รู้สึกเพียงร่างกายที่หนาวเย็น เขาก้มลงมองและพบว่าอกของตัวเองถูกแทงทะลุ กระบี่น้ำแข็งเจาะหัวใจของเขาแล่นผ่านร่างกาย
เขาหันกลับไปมอง ซือหยูดึงกระบี่น้ำแข็งออกมาอย่างไร้อารมณ์
“ขออภัย ข้าทำให้เจ้าต้องตายด้วยมือของคนบ้านนอก”
สิ่งที่มองเห็นมืดลง หยางเจี้ยนมิอาจเชื่อว่าชีวิตเขาจะจบลงเช่นนี้ ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียก ชีวิตของเขาดับมอดลงอย่างรวดเร็วและมลายหายไป
ซือหยูยกมือเรียกมีดเกล็ดทองคำกลับมา เขาหันไปมองยู่จาง
“เหลือเจ้าแค่คนเดียว ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีโอกาสแล้วนะ”
กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางก้าวไปข้างหน้า พวกเขายืนข้างซือหยู ในบรรดาสามคนที่เหลือจะมีสองคนที่รอดไปได้ ดังนั้นแล้ว พวกเขาจะต้องต่อสู้กันอย่างแน่นอน
แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาจะต้องกำจัดยู่จางเสียก่อน นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเข้าใจ
สามต่อหนึ่ง!
แม้แต่อสุราตนนั้นก็ถูกสามคนนี้สังหารอย่างโหดร้าย แล้วยู่จางตรงหน้าล่ะ?…แม้ว่านางจะแข็งแกร่ง แต่นางก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าอสุรา
ยู่จางใบหน้าเปลี่ยนไป นางคิดจะหนี แต่ภูติน้อยมองดูอยู่จากด้านข้าง…นางจะกล้าแม้แต่จะหนีรึ?
“ถ้าเช่นนั้นก็ให้ข้าดูพลังของพวกเจ้าสามคนเถอะ!”
ยู่จางไม่มีทางเลือกนอกจากการต่อสู้อย่างยากลำบาก!