The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 447
เมื่อซือหยูเหยียบร่างจ้าวเฉินยิ่งพร้อมกับเพลิงต้นกำเนิด ในตอนนั้นก็ไม่มีทางที่เฉินยิ่งจะมีชีวิตรอด ดังนั้นเจ็ดจ้าวแห่งความมืดจึงไม่ได้ลงมือทำอะไร
จ้าวเฉินยิ่งที่เป็นลำดับสองของเจ็ดจ้าวแห่งความมืดถูกสังหารไปด้วยเหตุนี้! กระโจมเทพสวรรค์เงียบกริบ
ไป่ลั่วสีหน้าหม่นหมอง
“เจ้าฆ่าเขา…”
ซือหยูชายตามองไป่ลั่วอย่างยินดีแทนที่จะหวาดกลัว
“ใช่ ข้าฆ่ามัน แล้วก็จงใจฆ่า! ถ้าเจ้าจะแก้แค้นก็เข้ามาได้เลย!”
คำพูดนั้นที่ไป่ลั่วพูดเพื่อปกป้องเฉินยิ่ง กลับกลายเป็นคำท้าทายให้อีกฝ่ายใช้ได้อย่างตระการตา
สีหน้าไป่ลั่วหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม
“ย่อมได้! หลังจากนี้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”
ซือหยูเยือกเย็น
“ข้าพร้อมทุกเมื่อ…”
เขาท้าทาย
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬเป็นผู้ชนะ”
มังกรตัวที่สี่ถูกปลดผนึก ซือหยูคนเดียวก็ปลดผนึกมังกรไปสามตัว! และมังกรทองบนศีรษะก็ยาวกว่าเดิมอีกสองเท่า
“ชนะต่อเนื่องสองครั้ง ตามกฎ ราชาปีศาจหิมะทมิฬจะต้องออกจากลานประลองตอนนี้ คนอื่นจากเสาศิลาเจ้าจะต่อสู้กับคนต่อไป”
ซือหยูบินกลับเสาศิลา ทุกคนมองซือหยูเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง!
ในตอนนี้ ไม่มีใครกังขาในชื่อเสียงของเขาที่ถูกนับว่าเป็นยอดฝีมืออีกแล้ว นอกจากพวกกึ่งเทพ เขาสังหารจ้าวเฉินยิ่งได้ง่ายดายเช่นนี้ ราชามนุษย์หน้าไหนจะกล้าต่อสู้กับเขา?
ฉินจิวหยางมองเขาอย่างนับถือ
“น้องหิมะทมิฬ เจ้าเก็บเร้นพลังไว้อย่างลึกล้ำ เจ้าสำเร็จต้นกำเนิดอัคคีแล้ว!”
พลังของต้นกำเนิดนั้นนับว่าทำร้ายกึ่งเทพได้เช่นกัน!
ซือหยูยิ้มอย่างนอบน้อม
“ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น…”
กังต้าเหล่ยกลับหัวเราะ
“เขาอาจจะสำเร็จต้นกำเนิดน้ำแข็งแล้วด้วยซ้ำ”
แม้จะเป็นคำพูดหยอกล้อ ฉินจิวหยางก็รู้สึกหนาวสั่น เขาจดจำใส่ใจ
“พี่กัง จะเป็นข้าหรือท่านดี?”
ฉินจิวหยางหยุดคิดและถาม
ตามกฎ ซือหยูชนะสองครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตัดสินกันว่าใครจะได้สู้ต่อ
กังต้าเหล่ยหัวเราะเสียงดัง
“จะเจ้าหรือข้าแล้วมันจะต่างกันยังไงรึ? อย่างไรศัตรูพวกเราก็มีแค่สองคน”
พวกเขาเป็นกึ่งเทพ พวกเขาย่อมไม่ลงจากที่สูงไปต่อสู้กับราชามนุษย์อยู่แล้ว
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปเอง”
ฉินจิวหยางยิ้มและมองไปยังหลงหวูชิงกับจ้าวไป่ลั่ว ท้ายสุดเขาก็มองจ้าวไป่ลั่ว
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเพิ่งจะได้เป็นกึ่งเทพเหมือนๆกับข้า เหมาะสมยิ่งนักที่ข้าจะประลองกับเจ้า”
ไป่ลั่วตาเป็นประกาย
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!”
เขาตอบ
ทั้งสองบินไปยังที่ประลองและยืนห่างกันร้อยศอก เขามองหน้ากันไปมา
“ข้าคือฉินจิวหยาง”
ฉินจิวหยางประกาศชื่อตัวเอง
จ้าวไป่ลั่วไม่สนใจ เขาเรียกอีกฝ่าย
“จิวหยาง เข้ามาได้เลย ถ้าเจ้ารับข้าได้เกินสิบกระบวนท่า ชัยชนะจะเป็นของเจ้า”
ฉินจิวหยางคิ้วกระตุก แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม จ้าวไป่ลั่วที่กล้าพูดเช่นนั้นจะต้องมั่นใจอย่างมาก เขามีไพ่ตายให้ใช้แน่นอน
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไม่พูดให้มากความ…”
ฉินจิวหยางไม่กล้าจะปฏิเสธ
ฉินจิวหยางถอดหมวกหยก เส้นผมดำยาวร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงอย่างแผ่วเบา บรรยากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป
เขาหยิบเอาปิ่นปักผมที่บางและยาวอย่างมากออกจากหมวกหยกในมือ ปิ่นปักผมนั้นดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่พลังจากที่ใส่พลังวิญญาณเข้าไปมันก็ปล่อยแรงกดดันวิญญาณออกมา นั่นคือสมบัติเทพระดับกลางชั้นแนวหน้า
“ระวังล่ะ…”
ฉินจิวหยางโยนสมบัติเทพขึ้นฟ้า
ภาพลวงตาปิ่นปักผมเก้าสิบเก้าเล่มปรากฏบนท้องฟ้า! ทุกเล่มนั้นดูสมจริงอย่างมาก ไม่มีสิ่งแตกต่างระหว่างกันเลย ปิ่นลวงตายังส่งแรงกดดันวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมาด้วย
ฉินจิวหยางแตะนิ้ว ปิ่นทั้งเก้าสิบเก้าเล่มพุ่งออกไปดั่งพิรุณดอกท้อที่ร่วงโรยใส่ไป่ลั่วจากด้านบน ปิ่นเหล่านั้นที่แยกไม่ออกว่าเล่มไหนเป็นของจริงมีพลังอันน่าตกตะลึง
ซือหยูตกใจ มีสมบัติเทพที่มีพลังเช่นนี้อยู่ด้วยรึ?
ไป่ลั่วมองปิ่นเก้าสิบเก้าเล่มที่พุ่งเข้าใส่ตัว เขาชมเชยอย่างเรียบเฉย
“สมบัติเทพชั้นดี แม้ปิ่นจะดูเหมือนภาพลวง แต่ทุกเล่มเป็นของจริง! ถ้าคิดว่าเป็นภาพลวงข้าก็คงตายไปแล้ว”
เขาพูดจบและวาดวงกลม จากนั้นก็เกิดภาพอันน่าตกใจ…วงกลมนั้นเกิดเป็นวายุ เหล่าปิ่นที่ร่วงหล่นมานั้นถูกดูดเข้าไปในวายุ
ฉินจิวหยางชักสีหน้า ไม่เพียงแต่ไป่ลั่วจะมองความลับของปิ่นออก เขายังรับมือได้อย่างง่ายดาย! วงกลมประหลาดนั่นดูดปิ่นทั้งหมดไปตรงๆ
“วิชาบ่มเพาะนั่นมันอะไรกัน…ไม่สิ นั่นไม่ใช่วิชาบ่มเพาะ…แต่เป็นคุณสมบัติ! พรสวรรค์มิตินั่นสร้างมาเพื่อดูดกลืนสมบัติเทพ!”
ฉินจิวหยางใบหน้าเคร่งเครียด
ไป่ลั่วหัวเราะ
“เจ้าตัดสินได้ดี แต่เจ้าก็ถูกเพียงครึ่งเดียว พรสวรรค์ยักย้ายพื้นที่ของข้ามิใช่แค่ดูดกลืน มันยัง…ใช้ขยับได้ด้วย!”
ฉินจิวหยางตัวแข็งทื่อ เขาชักสีหน้าและขยับหนีออกจากที่เดิมไปร้อยศอก!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–
ในตอนนั้น วายุมิติปรากฏที่ด้านหลัง จากนั้นปิ่นปักผมมากมายจึงพุ่งออกมา!
นั่นคือกระบวนท่าของฉินจิวหยาง! ไป่ลั่วใช้พลังมิติเพื่อสะท้อนการโจมตีของอีกฝ่ายกลับไป!
ฉินจิวหยางกำลังจะลงมือแต่เขาก็ต้องชักสีหน้าอีกครั้ง
เขารีบหนีไปอีกสามสิบศอกโดยไม่ลังเล! วายุมิติได้ปรากฏจากข้างหลัง แต่มันก็ไร้ซึ่งอาวุธ แต่เป็นฝ่ามือของไป่ลั่ว!
เขามองดูรอบๆและพบว่าไป่ลั่วยังคงยืนมือไพล่หลังอยู่ดังเดิม จากมุมของฉินจิวหยาง เขามองไม่เห็นว่ามือของไป่ลั่วนั้นถูกโอบล้อมด้วยวายุมิติ
ซือหยูตกใจเล็กน้อย เขาก็มีพลังมิติเช่นกัน แต่คนก็สับสนว่านั่นคือพลังแต่กำเนิด ในตอนนี้ที่เขาเห็นไป่ลั่วใช้ด้วยตัวเอง เขาก็รู้แล้วว่าความน่ากลัวของพรสวรรค์มิติของจริงเป็นยังไง!
เขาใช้มันส่งส่วนของร่างกายออกไปอย่างง่ายดาย นั่นเป็นพลังที่น่ากลัวมาก
“โอ้? เจ้าตอบสนองได้ไม่เลว…”
ไป่ลั่วชมเชยและหัวเราะ
ฉินจิวหยางรู้สึกตึงเครียดกว่าเดิม เขาคิดอยู่ชั่วครู่
“ดูเหมือนข้าจะออมมือไม่ได้แล้ว”
เขาใช้ผมยาวพันรอบดัชนี จากนั้นเขาก็พูดคำแปลกๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซือหยูรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคำพูดแล่นผ่านปากของฉินจิวหยาง เขายังรู้สึกชิงชังอย่างแรงกล้า ทุกคนก็แสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใจเขาจึงทำเช่นนั้น
แต่เซี่ยจิงหยูนั้นโบกมือขาวอันนิ่มนวล ชั้นวารีปกคลุมกาย ตาเปล่าจะมองเห็นม่านวารีที่เป็นคลื่นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามีบางอย่างที่มองไม่เห็นเข้าจู่โจมม่านวารี
หลังจากที่เห็นฉินเซี่ยนเอ๋อกับซือหยู เซี่ยจิงหยูจึงส่งข้อความให้รับรู้
“ในบรรดาแปดตระกูล ทุกตระกูลจะมีสิ่งที่ถนัด ตระกูลยี่เชี่ยวชาญการควบคุมสัตว์อสูร ตระกูลตู่เชี่ยวชาญการชำระสมบัติเทพ ส่วนตระกูลฉิน พวกนั้นเชี่ยวชาญวิชาคำสาป”
“วิชาสาปไม่ได้มีต้นกำเนิดจากทวีปเฉินหลง ส่วนที่มานั้นยังคงอยู่ในการหาข้อมูล”
ซือหยูนั้นยอมรับในความรู้ของจ้าวยี่หยู เขาตกใจเช่นกัน วิชาคำสาปคืออะไรกัน?
ฉินจิวหยางร่ายคำสาป เส้นผมที่พันรอบดัชนีหายไปอย่างประหลาดไม่เหลือสิ่งใด! แต่ต่อมาเส้นผมนั้นก็ปรากฏอีกครั้งที่ดัชนีของไป่ลั่ว!
ไป่ลั่วชักสีหน้า เขาทำลายเส้นผมเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่รอยรัดของเส้นผมยังคงถูกทิ้งเอาไว้
“วิชาประหลาด…”
ไป่ลั่วหยุดประมาทฉินจิวหยาง เขาสร้างพลังมิติที่เท้าของฉินจิวหยาง!
พลังวิญญาณยิงออกไป แต่แปลกที่ฉินจิวหยางยิ้มออกมา เขาไม่คิดจะหลบการโจมตีนั้นด้วยซ้ำ
ที่ใต้เท้าของเขาถูกพลังทะลวงเข้าไป เขาร้องครางด้วยความเจ็บปวด เท้าของเขาจะต้องถูกแทงทะลุแน่ๆ
แต่จ้าวไป่ลั่วก็ชักสีหน้า ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวไป นั่นก็เพราะเขาเจ็บปวดอย่างสุดขั้ว
เขาก้มลงมองแผลของตัวเองและพบกับรูโลหิตที่เท้าขวา โลหิตไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเท้าของฉินจิวหยางนั้นไม่เป็นอะไรเลย!
ซือหยูตัวสั่น วิชาสาปประหลาดนั้นน่าประทับใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าคนที่บาดเจ็บคือฉินจิวหยาง แต่บาดแผลกับถูกส่งต่อให้กับไป่ลั่ว!
ไป่ลั่วโกรธแค้นอย่างออกนอกหน้า
“ย่อมได้! ข้าประมาทเอง! ข้าจะไม่ออมมืออีกแล้ว”
ฟึ่บ–
มิติล้อมรอบฉินจิวหยาง มันปรากฏพร้อมกันเก้ามิติและกีดขวางทางหนีทั้งหมดำ ฉินจิวหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าไป่ลั่วจะรู้ว่าบาดแผลจะหวนคืนกลับมา แต่ตอนนี้เขาตั้งใจจะทำอะไรกัน?
ไป่ลั่วหยิบเอาเข็มเก้าเล่มออกมา ทุกเล่มนั้นคือสมบัติเทพระดับกลางเหมือนกัน! เขาขว้างเข็มเหล็กขึ้นฟ้า พลังมิติอ่อนๆล้อมรอบเข็มเหล่านั้น
เข็มเหล่านั้นปรากฏอีกครั้งจากมิติทั้งเก้าที่ขวางฉินจิวหยางเอาไว้ เข็มทั้งเก้าเล่มพุ่งออกไปจากทิศที่แตกต่างกันด้วยความปรารถนาที่จะทะลวงฉินจิวหยางและสังหารให้ตาย!
ไป่ลั่วพูดอย่างเยือกเย็น
“ทุกวิชาจะใช้ได้เมื่อผู้ใช้ยังมีชีวิต ถ้าคนใช้ตาย วิชาก็จะไร้ผล ถ้าข้าฆ่าเจ้าในพริบตา วิชานั่นก็ไร้ผลเช่นกัน บาดแผลของเจ้าก็จะไม่ถูกส่งมาหาข้า!”
ฉินจิวหยางตัวสั่น ความลับของเขาถูกเปิดเผยแล้ว
“หยุดนะ ข้า…”
ฉินจิวหยางรู้สึกว่าเขากำลังจะตาย เขายอมแพ้ในทันที
แต่ดวงตาไป่ลั่วก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร เหล่าเข็มโลหะพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง มันทะลวงหัวใจฉินจิวหยางโดยไม่แม้จะปล่อยโอกาสให้ยอมแพ้!
บอกได้เลยว่าไป่ลั่วนั้นเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อน! แต่ไป่ลั่วก็ต้องเคร่งเครียดเมื่อร่างของฉินจิวหยางที่ถูกฆ่านั้นเลือนลางไป มันเปลี่ยนเป็นหุ่นไล่กาขนาดเท่าฝ่ามือ! เหล่าเข็มโลหะนั้นแทงทะลุหุ่นไล่กา!
ส่วนหุ่นไล่กาในมือฉินยู่ชางที่อยู่ข้างซือหยูนั้นหายไป แทนที่ด้วยฉินจิวหยางที่ปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า!
นั่นคือวิชาคำสาปอีกหนึ่งวิชา!
การต่อสู้ของทั้งสองนั้นเปิดหูเปิดตาให้ซือหยูเป็นอย่างมาก และวิชาคำสาปของฉินจิวหยางยังทำให้ทุกคนต้องยอมรับ!
ถ้าหากคนที่ถูกเส้นผมสร้างรอยเอาไว้ไม่มีพลังที่จะฆ่าฉินจิวหยางได้ในพริบตา เขาก็จะถูกฉินจิวหยางสังหาร และถ้าหากฆ่าฉินจิวหยางได้ในพริบตา ฉินจิวหยางก็ยังมีหุ่นเชิดที่เป็นวิชาประหลาดที่จะช่วยชีวิตเขา
ทุกคนมองฉินจิวหยางด้วยความหวาดกลัว! แม้แต่หลงหวูชิงเองก็มองฉินจิวหยางด้วยความกลัวเล็กน้อย แม้ว่าฉินจิวหยางจะแพ้ก็ไม่มีใครกังขาในพลังของเขา!
แน่นอนว่าพรสวรรค์มิตไป่ลั่วก็ประหลาดเช่นกัน! เขาปล่อยมิติได้เก้าครั้งพร้อมกันเพื่อกีดขวางทางหนีของอีกฝ่าย จากนั้นเมื่ออีกฝ่ายขยับไม่ได้ เขาก็ใช้เข็มเก้าเล่มที่เป็นสมบัติเทพสังหารศัตรู
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังคำสาปของฉินจิวหยางที่ทำให้เขายื้อชีวิตไว้ได้ ในตอนที่เขาถูกขังก็เหมือนกับการมีตราแห่งความตายตีไว้บนแผ่นหลัง
นี่คือการต่อสู้ของเหล่ากึ่งเทพที่หลายคนคาดหวัง ไม่ดีแน่ถ้าจะทำให้ใครโกรธแค้น!
“จ้าวไป่ลั่วชนะ”
ลายมังกรบนพื้นตัวที่ห้าส่องสว่าง และเหนือศีรษะไป่ลั่วยังมีมังกรทองยาวหกนิ้วเท่าซือหยูอยู่ด้วย
“ข้าปลดผนึกได้แค่ตัวเดียวเองรึ?”
ไป่ลั่วไม่พอใจในผลที่ได้เลย
จากการต่อสู้อันเข้มข้นเมื่อครู่ มันควรจะเหนือกว่าการต่อสู้ของซือหยู แต่เขาไม่คิดเลยว่าผลที่ได้จะไม่น่าพอใจอย่างนี้
ชายแก่ขี้เมาพูดขึ้นมา
“โอ้ มังกรตัวที่หาถูกปลกผนึก ไม่เลว นี่มันแข็งแกร่วกว่าเมื่อหมื่นปีก่อน จากนี้ก็มาดูกันเถอะว่ามังกรตัวที่หกจะถูกปลดจากผนึกหรือไม่ หากมันถูกปลดได้ ที่ที่พวกเจ้าได้ไปก็จะมีทรัพยากรเทียบเท่ากับคนของจิวโจว แล้วก็มีโอกาสมากนักที่พวกเจ้าหลายคนจะได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ”
เสียงกระซิบทำให้เหล่าผู้คนตื่นเต้น ไป่ลั่วเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็เป็นคราวที่ไป่ลั่วจะต้องเลือกศัตรู! วิชาลับมิติของเขานั้น…ใครที่ต้องพบเจอจะต้องตาย!
“ไป่ลั่ว ไม่คิดจะประลองกับข้ารึ?”
กังต้าเหล่ยลืมตา แสงที่ฉาบร่างของเขากระจายออกไป เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงบางๆ
แม้ว่าซือหยูกับกังต้าเหล่ยจะพบเห็นกันมานาน ซือหยูก็เห็นเพียงแค่อวตาลของกังต้าเหล่ย เขาไม่เคยเห็นร่างจริงของกังต้าเหล่ยกับตาตัวเอง
“หึหึ! เสาของพวกเจ้าต่อสู้มามากพอแล้ว ให้พวกข้าได้สู้บ้างเถอะ”
หลงหวูชิงเหลือบมองโดยไม่ปล่อยให้กังต้าเหล่ยได้พูดอะไร
ไป่ลั่วไม่สนใจทั้งสองคน เขาจ้องมองไปที่ซือหยูตรงๆและท้า
“เจ้ายังคิดว่าเจ้าโชคดีอยู่หรือไม่? ถึงข้าไม่พูดเจ้าก็น่าจะรู้ว่านี่คือตอนที่เจ้าจะต้องลงมา!”
คนที่เขาอยากจะสู้ด้วยคือซือหยู! และมันเป็นการต่อสู้ที่หมายจะห้ำหั่นเอาชีวิตกัน!
“เจ้าพูดกับอะไรกัน?”
เสียงดังมาจากข้างหลังไป่ลั่ว
ไป่ลั่วหันไปมองด้วยความตกใจ ซือหยูอยู่ข้างหลังเขา!
เขาหันไปมองซือหยูบนเสาศิลาอีกครั้ง ร่างนั้นค่อยๆจางหายไป มันเป็นเพียงแค่เงาที่หลงเหลืออยู่!
“เร็วมาก!”
ฉินจิวหยางกับกังต้าเหล่ยเบิกตากว้าง พวกเขาสัมผัสไม่ได้เลยแม้ว่าจะอยู่ข้างๆซือหยู!