The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 420
เสียงของจางตี๋เก้อดังก้องทั่วเมืองก้นบึ้งไปถึงหูเล่ยมู่จนทำให้เขาตัวสั่น
“เร็วเหลือเกิน นางมาถึงแล้ว!”
เขาหันไปหาคนของตัวเอง
“ซัวหลี่ วางเวทย์ปกป้องให้ข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้ข้า! ข้าแค่ต้องการเวทย์าุดท้ายก่อนจะควบคุมกระบี่สายฟ้าและฆ่ามันได้!”
ซัวหลี่หยิบตุ๊กตาไม้ออกมา มันคือสมบัติของอรหันต์ หลังจากที่ทำลายมัน พลังมหาศาลก็ปกคลุมทั้งสอง
เล่ยมู่สบายใจขึ้น
“พลังอรหันต์นั้นมีผลอย่างมากกับพวกภูติผี”
“ข้ารู้ว่ายากที่เจ้าจะสละสมบัติที่ส่งต่อกันมาในตระกูล หลังเรื่องนี้จบลง เจ้าจะมีทุกอย่างที่ตังกุยมี!”
ซัวลี่ตื่นเต้น
“ขอบคุณท่านเจ้าตำหนัก!”
รูปปั้นอรหันต์นั้นเป็นของสืบทอดจากบรรพบุรุษ การทำลายมันจะทำให้พลังอรหันต์ภายในออกมาเป็นเกราะป้องกัน แม้แต่กึ่งเทพก็ต้องพยายามอย่างมากเพื่อทำลายเกราะป้องกันนี้
แม้่ว่าจางตี๋เก้อจะอยู่ในขอบเขตภูติ พลังอรหันต์ก็ชนะกับพลังภูติผีได้ชะงัก นางทะลวงการป้องกันนี้ไม่ได้แน่
จางตี๋เก้อหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“เจ้าต้องให้ข้าเชิญเจ้าออกมางั้นรึ?”
จางตี๋เก้อยื่นฝ่ามือเล็กๆและซัดลงไปอย่างรุนแรง
พลังวิญญาณจากรอบข้างปะทุออกมา แม้แต่ลมหายใจมังกรก็มารวมตัวกัน มันกลายเป็นฝ่ามือยักษ์ที่ขนาดเท่าครึ่งเมืองก้นบึ้ง
จางตี๋เก้อดันฝ่ามือลงกับพื้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง สิ่งปลูกสร้างมากกว่าครึ่งพังทลายลง รอยแยกกว้างหนึ่งลี้ปรากฏขึ้นบนพื้นโลก พลังความร้อนอันน่าตกใจแผ่ออกมาจากรอยแยก มันละลายหินโดยรอบจนเป็นสีแดงฉาน
จางตี๋เก้อสร้างสายลมรุนแรงพัดใส่หินที่ละลายไปอีกด้านเพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ
ต่อมาก็มีรังสีกระบี่ที่แข็งแกร่งอย่างมากพุ่งมาสู่นภา มันมีพลังสายฟ้าอันน่ากลัว ลมหายใจมังกรสลายไปไม่ว่ากระบี่จะผ่านไปทางไหน ราวกับว่าลมหายใจมังกรหวาดกลัวพลังนั้น เพราะอย่างไรสายฟ้าก็สามารถสวนกลับพลังอสูรได้
จางตี๋เก้อเลิกคิ้ว นางผสานมือเรียกพลังวิญญาณจากทั้งสองด้านมากดพลังของกระบี่สายฟ้าเอาไว้
นางต้องใช้ทั้งสองมือ รังสีกระบี่สายฟ้าแตกออกเป็นสายอัสนี ดูเหมือนว่านางจะหวาดกลัวพลังของอัสนี
ตอนนี้ทุกคนเห็นลาวาจากรอยแตกของพื้น กระบี่ยาวร้อยศอกปกคลุมด้วยสายฟ้า มันปล่อยรังสีกระบี่ที่แข็งแกร่งอย่างมากออกมา!
เล่ยมู่ถึงกับคลั่งเมื่อถูกเผยตัว เขาพยายามอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสร้างสัญลักษณ์ที่เก้า มันปล่อยหมอกดำออกมาอย่างต่อเนื่องและกำลังจะสำเร็จ!
จางตี๋เก้อสะบัดมือ พลังได้กลายเป็นศรคมกริบร่วงหล่นราวกับพิรุณ! ม่านพลังอรหันต์สั่นคลอน มันกำลังจะพังทลาย!
ซัวหลี่เบิกตากว้าง เขากระอักเลือดออกมา เขาพยายามจะรักษาพลังอรหันต์เอาไว้
“แย่แล้ว!”
เขาตะโกน
“ภูติสวรรค์นี้แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะเลย!”
พลังอรหันต์ได้แผ่ขยายพระพุทธรูปใหญ่โต ศรพิรุณร่วงโรยทำให้พระพุทธรูปสั่นสะเทอืน ทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยรอยแตก
ตู้ม—
สุดท้ายแล้วพระพุทธรูปก็มิอาจรับไหว มันแตกเป็นเสี่ยงๆ
ซัวหลี่หน้าซีด ม่านพลังอรหันต์หายไปแล้ว!
แต่ในตอนนั้นเอง เล่ยมู่หัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆ…! มันจบแล้ว!”
สัญลักษณ์สุดท้ายนั้นก่อตัวสำเร็จ เขาทำสำเร็จพอดิบพอดี!
“กระบี่สายฟ้า ขึ้นมา!”
เล่ยมู่สั่งการ เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาใช้แขนทั้งสองข้างควบคุมเวทย์สะกดกระบี่ พลังทมิฬโอบล้อมกระบี่
ครืน—
ด้วยผลของเวทย์ กระบี่สายฟ้าที่ยังไม่ถูกชำระได้ถูกฝืนควบคุมออกมา!
สายฟ้าจากกระบี่คำรามลั่น มันสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้ มันค่อยๆผุดมาจากลาวา พลังทำลายล้างได้พุ่งไปยังเบื้องบน!
แสงทะลวงไปทางสวรรค์! ก้อนหินทั้งก้นบึ้งมังกรราวกับอยู่ในวายุทะเล รากษสนับไม่ถ้วนหวาดกลัวและเริ่มขุดเพื่อซ่อนตัวในพื้นดิน ท้องนภาที่เต็มไปด้วยลมหายใจมังกรนั้นไม่มั่นคงยิ่งกว่าเดิม
จางตี๋เก้อดูกังวลกับพลังกระบี่ที่พุ่งเข้ามา นางมาถึงช้าไป! นางไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับมัน นางพาทุกคนหลบพลังกระบี่
ซือหยูตกใจ เขาเคยเห็นพลังเช่นนี้จากกระบี่เมื่อตอนที่เขายังเด็กและหลับตาใช้กระบี่โบราณจากหอสวรรค์
กระบี่นี้ไม่ใช่ของจากทวีปเฉินหลง! พลังเช่นนี้มากพอจะสังหารกึ่งเทพ ถ้ากระบี่นี้ปล่อยพลังสูงสุดออกมา แม้แต่จางตี๋เก้อก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน
“ฮ่าๆ!!”
เล่ยมู่หัวเราะอย่างอวดดี
“สวรรค์เข้าข้างข้า! ข้าอดทนมาร้อยปีและในที่สุดก็ได้สิ่งตอบแทน! ภูติสวรรค์ ข้าจะเอาเจ้าเป็นเครื่องเซ่นให้กระบี่เล่มนี้!”
ความมั่นใจของเล่ยมู่พุ่งทะยานเมื่อได้ครอบครองกระบี่สายฟ้า หลังจากที่เขาสังหารภูติสวรรค์ไปแล้วก็จะรวบรวมก้นบึ้งมังกรให้เป็นปึกแผ่น
แต่น่าแปลกที่จางตี๋เก้อเพียงระวังในช่วงแรก นางยิ้ม
“อย่างนั้นรึ?”
เล่ยมู่หัวใจแทบหยุดเต้น! มีอะไรผิดไปงั้นรึ? ทำไมนางไม่กลัวกระบี่กัน?
ในตอนนั้นเอง เล่ยมู่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลและความเจ็บปวดสุดจะทานทน เขาก้มลงมองและเห็นฝ่ามือที่ทะลวงอกไปและควักหัวใจของเขาออกมา!
เล่ยมู่หันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ซัว…หลี่?”
เล่ยมู่ตกใจ
“เจ้า…? ทำไมกัน…?”
คนที่ลอบโจมตีเขาก็คือซัวหลี่ คนที่เขาไว้ใจ!
ซัวหลี่สีหน้าดุร้าย เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็นเมื่อบีบหัวใจของเล่ยมู่
“หึหึ เจ้าคิดว่าข้าจะเลือกสิ่งใดเล่า? จะเป็นหนึ่งในก้นบึ้งมังกรหรือออกไปสู่โลกภายนอก?
ซัวลี่พูดจบและบินขึ้นฟ้า เขาคุกเข่าต่อหน้าจางตี๋เก้อและยื่นคัมภีร์สีดำให้กับนาง”
“ของกำนัลท่านจางตี๋เก้อ…”
“นี้คือวิธีคุมเวทย์ ข้าขโมยมาจากเล่ยมู่ตามคำสั่งท่าน”
เล่ยมู่ค้นตัวและเงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อสายตา
“แก้วกำเนิด…”
“เป็นเจ้า…ที่ขโมยไป…”
ซัวลี่หัวเราะ
“ข้าเป็นคนของท่านจางตี๋เก้อตั้งแต่ที่เจ้าจะได้เจอกับกระบี่สายฟ้าเสียอีก! ส่วนเรื่องแก้วต้นกำเนิด…ฮ่าๆๆ! ถ้าข้าไม่ใส่ร้ายตังกุยแล้วกำจัดเขาไป ข้าจะมีโอกาสลอบฆ่าเจ้าได้รึ? เพราะอย่างไรตังกุยมันก็จิ้งจอกเฒ่า มันเจ้าเล่ห์นัก อันตรายเกินไปถ้าจะมีเขาอยู่ด้วย”
การมองเห็นของเล่ยมู่หายไป ก่อนเขาจะตาย เขารับรู้ทุกสิ่งในท้ายสุด…หนอนบ่อนไส้คือคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด!
จางตี๋เก้อก้มลงมอง นางเพิ่งจะจำซัวหลี่ได้ในตอนนี้
“เอ๋ เจ้าทำดีมาก มายืนหลังข้า ข้าาไม่คิดจะผิดสัญญากับเจ้า”
ซัวหลี่ดีใจ ในที่สุดเขาก็จะได้ออกไปจากที่นี่! แต่เล่ยมู่ที่ดูทุกข์ทรมานก็กลับมามีพลังอีกครั้ง เขาชี้กระบี่ออกไป มังกรอัสนีพุ่งออกมาจากกระบี่สายฟ้า
จางตี๋เก้อนั้นไม่ทันระวังตัว ก่อนที่นางจะได้ตอบโต้ มังกรอัสนีก็พุ่งเข้ามากลืนกินนางแล้ว! นางถูกกลืนลงไปในท้องของมังกรที่ล้อมรอยไปด้วยสายฟ้า!
“บัดซบ! เจ้ามีหัวใจสองดวง!”
จางตี๋เก้อร้องออกมาจากภายในมังกร
นางโกรธแค้น พลังอสูรพุ่งออกจากนภาจากร่างเล็ก นางพยายามจะป้องกันตัวไม่ให้ถูกทำลายจากสายฟ้าในมังกร แต่พลังของสายฟ้านั้นต่อกรกับภูติผีได้อย่างจัง มันทำให้จางตี๋เก้อติดอยู่ในตัวมังกร ต้องใช้เวลานานแน่กว่านางจะเป็นอิสระ!
“ฮ่าๆๆ”
เล่ยมู่หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ภูติสวรรค์! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้เรอะว่าซัวหลี่เป็นคนทรยศ? ข้ารู้ตั้งแต่วันแรกที่มันมาอยู่กับข้าแล้ว! ข้ามองดูมั่นเพื่อให้มันประมาท สุดท้ายข้าก็ได้โอกาสนี้!”