The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 395
ครึ่งวันผ่านไป ซือหยูตื่นขึ้น จ้าววิหคเพลิงหายตัวไปแล้ว
เขารู้สึกสับสนเมื่อลืมตา เขารู้สึกได้ว่าพลังปีศาจที่บ้าคลั่งได้สงบลงแล้ว ไอโลหิตที่ผิวกายก็หายไปเช่นกัน ฐานพลังของเขามั่นคงอีกครั้ง อันตรายคลี่คลายไปแล้ว
เขาลุกขึ้นและเห็นว่าตัวเองไม่ได้สวมสิ่งใดเลย เขาพบของใช้สตรีสองชิ้นทิ้งไว้ที่พื้น บุพผาเปล่งประกายส่งกลิ่นหอมอันไร้สิ้นสุด
“นี่มันอะไรกัน..?”
ซือหยูเริ่มคิด เขาจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ซือหยู…”
เสียงดังเข้าสู่หูของเขา
เขามองไปทางต้นเสียงและพบสร้อยหนกที่ใช้เพื่อส่งข้อความ มันติดอยู่กับตัวของซือหยูและเริ่มส่งเสียง
“ธาตุหยินนับว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของพลังสตรี…”
เป็นเสียงของจ้าววิหคเพลิง
“ข้าขออภัยที่ไม่ถามความเห็นของเจ้า ข้าทำให้เจ้าสลบและรักษาเจ้า”
ซือหยูตัวสั่นอย่างบ้าคลั่ง อย่างที่คิด! จ้าววิหคเพลิงใช้ครั้งแรกอันล้ำค่าของนางที่นางเก็บไว้หลายสิบปีเพื่อช่วยซือหยู
“เจ้าไม่ต้องโทษตัวเองอีกแล้วล่ะ…”
“เจ้าตำหนักหลิงไม่ลังเลที่จะมอบชีวิตเพื่อช่วยเจ้า ข้าเพียงแค่ทิ้งส่วนหนึ่งของข้าไปเท่านั้น และเมื่อพวกเราเชื่อมต่อกัน ส่วนเล็กๆของพลังปีศาจในร่างเจ้าก็เข้ามาสู่ร่างข้าและกลืนกินพิษของโอสถนพอาสัญไป มันเปลี่ยนโอสถให้กลายเป็นพลังบริสุทธิ์ นอกจากได้ฐานพลังคืนมาแล้วข้ายังมีพลังเหนือกว่าเดิม ข้าหวังว่าจะได้เป็นราชามนุษย์ในอีกไม่นาน ถือว่าข้าได้สิ่งตอบแทนจากการสูญเสียนี้ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องรู้สึกผิด เรื่องระหว่างเจ้ากับข้าให้คลี่คลายลงเท่านี้เถอะ”
“สุดท้าย…”
“เก็บเรื่องนี้จากเซี่ยนเอ๋อแล้วลืมข้าไปซะ”
ประโยคสุดท้ายตามมาด้วยเรื่องสะอื้น
“แล้วก็…ถนอมตัวด้วย”
ซือหยูฟังข้อความ เขาตัวแข็งทื่อ จ้าววิหคเพลิง สตรีที่เขาแทบไม่รู้จัก ได้เลือกมอบตัวเองให้กับเขา เพียงเพื่อช่วยเขา
ความรู้สึกอบอุ่นก่อตัวในจิตใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แล้วเซี่ยนเอ๋อเล่า? บางทีพวกเขาอาจจะถูกลิขิตให้ไม่มีทางได้อยู่ร่วมกัน และเป็นเช่นเดียวกับเจียงซื่อฉิงและองค์หญิงหยุนหยาน เขาจะมีหวังได้ชดเชยพวกนางอย่างไร? พวกนางได้กลายเป็นความเสียใจตลอดกาลในจิตใจซือหยู
ซือหยูถอนหายใจและพาหลิงเสี่ยวเทียนหายตัวไปจากที่เดิม
******
หลายวันผ่านไป ที่ตำหนักรองทวีปเหนือ
เขตหยินหยูนั้นหนาวเย็นและแห้งแล้ง ความโศกเศร้าปะปนอยู่กับบรรยากาศ ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นในคณะวิหคเพลิงแพร่กระจายมาถึงที่นี่
ตำนานเกิดขึ้น เจ้าตำหนักหยินหยูได้เอาชนะผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดในทวีป เขาเป็นครองบัลลังก์ราชาไปหลายยุคสมัย ความเปล่งประกายเช่นนี้จุดประกายในใจของผู้คน
แต่ข่าวหลังจากนั้นก็คือข่าวที่เขาถูกจับตัวไปลงโทษในตำหนักหลัก
เด็กเล็กถอนหายใจมองผู้เฒ่าฟาง
“ผู้เฒ่าฟาง ท่านเจ้าตำหนักไม่อยู่ที่นี่แล้ว แม่นางฉีก็หายตัวไป เขตหยินหยูของพวกเรากลับไปเป็นดังเดิม”
ผู้เฒ่าฟางโศกเศร้า
“ผู้คนผ่านมาแะลจากไป ทุกคนก็แค่ผ่านมา…”
ในตอนนั้นเอง สายตาของผู้เฒ่าฟางเคร่งเครียด เขามองไปทางขอบนภา
“อู๋หยางหลง ปรากฏตัวออกมาเร็ว!”
เสียงสวรรค์ดังมาจากระยะหลายหมื่นลี้
เขตทั้งสิบในตำหนักรองได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน
“นี่มันท่านเจ้าตำหนักหยินหยู! เขายังไม่ตาย!”
เสียงความยินดีดังมาจากเขตหยินหยู ตำหนักหลักได้ตราหน้าว่าหยินหยูเป็นผู้ร้าย แต่ข่าวนี้ยังไม่มาถึง
อู๋หยางหลงยังคงอยู่ในตำหนักหลิงเสี่ยวเพื่อรอหลิงเสี่ยวเทียนกลับมา เขาบินไปเหนือน่านน้ำ
“ท่านเจ้าตำหนักหยินหยู!”
พรึ่บ–
จากนั้นซือหยูก็ร่อนลงมา
“ท่านผู้นำตระกูลอู๋หยาง…”
“ข้าขอพูดสั้นๆ สมบัติเทพโลงศพมังกรหมอกยังอยู่กับท่านหรือไม่?”
ซือหยูกลับมาที่ตำหนักรองเพื่อสมบัติเทพชิ้นนี้
อู๋หยางหลงครุ่นคิดและร่อนลงกับพื้น เขาเรียกโลงศพรูปร่างดั่งมังกรออกมา ซือหยูดีใจ เมื่ออู๋หยางหลงย้ายที่ตั้งของตระกูล เขาก็พาโลงศพมังกรหมอกมาด้วย
“ท่านเจ้าตำหนักหยินหยู หากท่านต้องการก็เอาไปได้เลย…”
อู๋หยางหลงพูดอย่างขอบคุณซือหยูจากก้นบึ้งของจิตใจ
“ขอบคุณเจ้ามาก…”
“โลงศพมังกรหมอกยังมีพลังที่ใช้รักษาข้าในตอนนั้นอยู่หรือไม่?”
อู๋หยางหลงตอบอย่างผิดหวัง
“ข้าเกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว การช่วยท่านนั้นเป็นเวลาที่สมบัติเทพต้องสะสมพลังมาร้อยปี พวกเราต้องรออีกร้อยปีเพื่อทำเช่นนั้น”
“มีทางอื่นที่จะสะสมพลังโดยเร็วหรือไม่?”
ซือหยูสีหน้าเคร่งเครียด
“มี! ต้องชำระมัน!”
อู๋หยางหลงตอบอย่างหนักแน่น
ชำระสมมบัติเทพ ซือหยูตาเป็นประกาย ในโลกใบนี้ มีแค่ตระกูลโบราณเดียวเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้ และในคนตระกูลตู่ มีคนเดียวเท่านั้นที่มีหยดหมื่นพล! นั่นคือเจ้าเมืองอันยี่!
“พันธมิตรอุดรทวีปตั้งตัวอยู่ที่ใดกัน?”
ซือหยูตาเป็นประกาย
อู๋หยางหลงตอบโดยไม่ลังเล
“ที่ป่าทมิฬ! นายน้อยของพันธมิตรอุดรทวีปยี่เหยา หรือที่เรียกกันว่าอู๋เหยายี่ได้ประกาศจะจัดงานวิวาห์ เขาได้เชิญยอดฝีมือไปจากทั่วทั้งทวีป”
อู๋เหยายี่…ยี่เหยา? ตระกูลยี่! หนึ่งในแปดตระกูลโบราณ!
ดวงตาซือหยูเปล่งประกายอย่างเยือกเย็น เขาสงสัยมานานแล้วว่าใครที่เป็นผู้บงการพันธมิตรอุดรทวีปที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศัตรูกับอาณาจักรทมิฬ ตอนนี้เขารู้แจ้งแล้ว ตระกูลยี่กลับมาแล้ว! แต่ซือหยูก็ไม่เคยคิดว่าอู๋เหยายี่ที่ปรากฏตัวในร้อยดินแดนจะเป็นนายน้อยตระกูลยี่!
เขาจะแต่งงานกับใครกัน? ซือหยูสงสัย เฟิงเซี่ยนที่โหดร้ายงั้นรึ?
“ขอบคุณท่านมาก…”
“ข้าจะไปแล้ว!”
อู๋หยางหลงรีบพูด
“ท่านเจ้าตำหนัก ท่านจะทำอะไรกัน?”
ซือหยูหยุดและตอบอย่างจริงจัง
“พวกเจ้าทุกคนก็ควรจะออกจากตำหนักรองโดยเร็ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าคนจากตำหนักหลักจะกวาดล้างตำหนักรองทวีปเหนือเพื่อกำจัดคนที่หลิงเสี่ยวเทียนไว้ใจ ตระกูลอู๋หยางก็เป็นหนึ่งในนั้น
อะไรกัน? อู๋หยางหลงชักสีหน้า เขานำคนทั้งตระกูลมาลี้ภัยที่อาณาจักรทมิฬ ในท้ายสุดก็กำลังจะเกิดภัย และในตอนนี้…เขาไม่เหลือที่ให้อยู่แล้วรึ?
“กลับร้อยดินแดนไปซะ…”
อู๋หยางหลงนิ่งเงียบ เขายังกลับร้อยดินแดนได้อีกรึ? ไม่มีที่ให้เขาอยู่แล้ว
“กลับไปซะ…”
ซือหยูพูดย้ำ
“ฮั่นเจียงหลินจะไม่ได้กลับไปอีกแล้ว!”
ซือหยูพูดจบและเปลี่ยนเป็นก้อนอัสนีทะลวงนภากว้างใหญ่ตรงไปยังป่าทมิฬ
******
เดือนต่อมา ที่ป่าทมิฬอันกว้างใหญ่
ป่าทมิฬเต็มไปด้วยผู้คน ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนจากขุมกำลังต่างๆถูกส่งมาด้วยเหตุผลเดียว ตระกูลเก่าแก่ที่ทำให้ทวีปสั่นคลอนได้ปรากฏตัวอีกครั้ง
ลึกในป่าทมิฬนั้นมีปราสาทลึกลับเก่าแก่ตั้งอยู่อย่างเงียบงันราวกับเพชรในยุคโบราณ จักรพรรดิสัตว์อสูรตัวใหญ่ยักษ์สองตัวบินอยู่บนนภาอย่างตระการตา
ยอดฝีมือมากมายนำของขวัญมาเพื่อแสดงความยินดีกับงานรื่นเริงของตระกูลยี่ ชายแก่ในชุดสีมรกตยืนต้อนรับอยู่หน้าทางเข้าด้วยรอยยิ้ม
“ตระกูลฉีแห่งแปดตระกูลมาถึงแล้ว!”
“ตระกูลหมิงแห่งแปดตระกูลมาถึงแล้ว!”
“ตระกูลหวังแห่งแปดตระกูลมาถึงแล้ว!”
“ตระกูลหลี่แห่งแปดตระกูลมาถึงแล้ว!”
ตระกูลทั้งหมดต่างมาพร้อมหน้าเว้นแต่ตระกูลฉิน…ที่เป็นผู้นำ…ตระกูลกุยอันลึกลับ…และตระกูลตู่ที่ยอมแพ้ ทั้งหมดมาเพื่อเป็นสักขีพยานแก่ตระกูลยี่!
“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาถึงแล้ว!”
แม้แต่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็ได้รับคำเชิญ
ข้างชายแก่ในชุดมรกตคือหวงเสี่ยวหยาน หญิงสาวตาเหล่ในงานประลองที่ร้อยดินแดน
“ฮ่าๆๆ! นายน้อยช่างยิ่งใหญ่จริงๆ”
หวงเสี่ยวหยานหัวเราะเสียงดัง
“เขามีกำลังมากมายเข้ามาสนับสนุนในงานแต่งงาน”
ชายแก่ยิ้มอย่างสุภาพ
“พวกเขาจะกล้าไม่มาร่วมงานรึ? ตระกูลยี่มีเก้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั้งคน ใครกันจะกล้าไม่มา?”
หวงเสี่ยวหยานตอบ
“แล้วตระกูลฉินกับตระกูลกุยเล่า?”
“ฮื่ม! วันหนึ่งสองตระกูลนั้นจะถูกท่านเก้าศักดิ์สิทธิ์กำจัด!”
ชายแก่ในชุดสีมรกตไม่ยอมรับสองตระกูลที่เหลือ
ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนได้มาถึงอีกกลุ่ม เขาคือฮั่นเจียงหลิน เจ้าเมืองอันยี่ และเฟิงเซี่ยน
ชายแก่พูดตามปกติ
“พันธมิตรอุดรทวีปมาถึงแล้ว!”
ฮั่นเจียงหลินกับคนอื่นไม่พอใจ แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ในเบื้องหน้า พวกเขาเป็นกำลังหลักของพันธมิตรอุดรทวีป แต่ในความจริงแล้วเป็นตระกูลยี่ที่บงการอยู่เบื้องหลัง
คนที่ไม่พอใจที่สุดคือเจ้าเมืองอันยี่ ตระกูลยี่…ที่ทำลายตระกูลของเขา…กลับอยากจะให้เขามาแสดงความยินดี
“ผู้นำตระกูลตู่ ท่านได้เตรียมของขวัญมาหรือไม่?”
ชายแก่ถามอย่างหยาบคาย
เจ้าเมืองอันยี่โกรธแค้น นอกจากเขาจะต้องเสียอำนาจและตำแหน่งไป เขายังต้องมาแบกรับความอัปยศเช่นนี้! เขาเป็นเจ้าตระกูลหนึ่งในแปด แต่กลับต้องถูกชายแก่ที่มีพลังอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงมาพูดขู่ แม้ชายแก่จะเป็นคนที่ยี่เหยาเชื่อใจที่อยู่ข้างกายยี่เหยามาตลอด คำพูดของเขาก็มากเกินไป!
แม้เจ้าเมืองอันยี่จะโกรธอยู่ภายใน เขาภายนอกก็ต้องรักษาท่าทางเอาไว้
“ข้าเอามาอยู่แล้ว”
“ฮ่าๆ! ข้าเชื่อเหลือเกินว่าท่านต้องรู้ว่าควรเอาของขวัญแบบใดมาให้พวกเรา…ใช่หรือไม่?”
ชายแก่พูดเบาๆ
เจ้าเมืองอันยี่ถอนหายใจแรง
“ไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมหยดหมื่นพลมาเป็นอย่างดี”
“พวกเราต้องการแค่หยดตั้งต้น อย่าเอาหยดเจือจางมาทำให้ตัวเองขายหน้าล่ะ”
เจ้าเมืองอันยี่โกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม ตระกูลยี่บังคับให้เขามอบรากฐานของตระกูลตู่! หยดหมื่นพลตั้งต้นในตอนนี้มีอยู่เพียงสิบหยด มันเหนือยิ่งกว่าคำว่าล้ำค่า
“ข้ารู้ดีว่าต้องทำอะไร”
เจ้าเมืองอันยี่พูดก่อนจะเข้าไปยังปราสาท
หลังจากที่ต้อนรับผู้คน ชายแก่พูดอย่างเหยียดหยาม
“แม้จะเป็นแขกตระกูลยี่ เจ้าก็ยังกล้าทำตัวก้าวร้าวอย่างนั้นรึ?”
หวงเสี่ยวหยานโกรธแค้น
“มีใครยังไม่มาอีกหรือไม่?”
ชายแก่เปิดตำราดูรายการแขกที่เชิญ
“ทุกคนมาถึงแล้ว เข้าไปกันเถอะ งานวิวาห์จะเริ่มแล้ว”
ทันใดนั้นหวงเสี่ยวหลานก็เห็นอะไรบนขอบนภา สิ่งนั้นมาทางพวกเขา แฝงอยู่บนหมู่เมฆา
“ยังมีคนอื่นอีก!”
ชายแก่มองตามนางขึ้นไป เขาสับสน คนที่มานั้นอ่อนเยาว์อย่างมาก แต่ชายหนุ่มนั้นก็ประหลาดอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขากำลังแบกโลงศพยักษ์อยู่!
ซือหยูมองปราสาทที่ประดับไปด้วยแสงสี เขาสีหน้าเยือกเย็น
“พวกเจ้าจะใช้งานแต่งนี้สร้างชื่อไปทั่วโลกงั้นรึ?”
“ฮ่าๆๆ…ข้าจะทำให้เจ้าเอง! วันนี้ ข้าจะชำระหนี้ของคณะวิหคเพลิงทั้งหมด…ในคราเดียว!”