The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 393
“บนท้องนภา กระดูกขาวเยือกแข็งด้วยเหน็บหนาว เสียงปีศาจกระซิบบอกก้องจากนรก…”
หลิงเสี่ยวเทียนแหงนหน้าถอนหายใจ เขาถอนหายใจด้วยความโดดเดี่ยว
เฉินยิ่งเบิกตากว้าง
“ในแปดตระกูลโบราณ นั่นคือคำพูดแทนความโหดร้ายของตระกูลกุย แม้ว่าเจ้ากำลังจะตาย ทำไมเจ้าถึงพูดออกมาเล่า?”
ตระกูลกุย? ซือหยูเคยได้ยินมาก่อน
ในแปดตระกูลโบราณ ตระกูลกุยนั้นเป็นตระกูลที่ลึกลับและน่ากลัวที่สุด ว่ากันว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของภูติผี ตั้งแต่เกิด พวกเขามีสายเลือดของปีศาจ พวกเขาสามารถกลืนกินแก่นของมนุษย์เพื่อพัฒนาตัวเอง นั่นเป็นความสามารถที่น่ากลัวอย่างมาก
ในแปดตระกูลโบราณ เจ็ดตระกูลอื่นนั้นหวาดกลัวตระกูลกุยอย่างมาก แต่จำนวนคนของตระกูลกุยนับว่ามีน้อย และลดน้อยลงในทุกยุคสมัย มิเช่นนั้นด้วยพลังที่พวกเขาดูดซับเนื้อหนังและฐานพลังได้ พวกเขาก็คงจะได้ปกครองทวีปไปนานแล้ว
ซือหยูจดจำคำนั้นขึ้นใจ
บนท้องนภา กระดูกขาวเยือกแข็งด้วยเหน็บหนาว เสียงปีศาจกระซิบบอกก้องจากนรก…
บนท้องนภา เสียงปีศาจกระซิบบอกก้องจากนรก
บนท้องนภา เสียงปีศาจกระซิบบอกก้องจากนรก
บนท้องนภา เสียงกระซิบบอกก้องจากนรก
หลิงเสี่ยวเทียน! ภูติผี! ตระกูลกุย!
หลิงเสี่ยวเทียนเป็นคนตระกูลกุย!
หัวใจซือหยูเต้นอย่างรุนแรง
“ราชาแห่งความมืด ข้าติดหนี้ท่านที่ช่วยชีวิตข้าในศกนั้น…”
“กุยเสี่ยวเทียนผู้นี้จดจำได้ขึ้นใจ แต่ตอนนี้ข้ามิอาจรักษาสัญญาได้อีกแล้ว ข้ากำลังจะผิดคำพูดกับท่าน!”
หลิงเสี่ยวเทียนคุกเข่าและแสดงความนับถือต่อราชาแห่งความมืดที่อยู่ไกลออกไป
เฉินยิ่งหรี่ตา
“กุย…? กุยเสี่ยวเทียน?”
เขาตกตะลึง
“หลายสิบปีก่อน ราชาแห่งความมืดที่ไม่เคยออกจากกลางทวีปได้พาชายหนุ่มที่เกือบตายผู้ถูกสหายทอดทิ้งทางชายดินตอนใต้ เขาตั้งชื่อคนผู้นั้นว่าหลิงเสี่ยวเทียน…แต่ตระกูลเจ้าคือกุย…?”
“บนท้องนภา กระดูกขาวเยือกแข็งด้วยเหน็บหนาว เสียงปีศาจกระซิบบอกก้องจากนรก…บนท้องนภา กระดูกขาวเยือกแข็งด้วยเหน็บหนาว เสียงปีศาจกระซิบบอกก้องจากนรก…ปีศาจ!”
เฉินยิ่งท่องตามคำตระกูลกุย เขาสีหน้าเคร่งเครียด แววตานั้นตกตะลึง
“เจ้าปีศาจ! หลิงเสี่ยวเทียน! เจ้า…เจ้าเป็นคนตระกูลกุย!”
เฉินยิ่งแทบพูดไม่ออก
“เป็นไปไม่ได้! ตลอดหลายยุคสมัย แปดตระกูลโบราณคือศัตรูคู่แค้นกับอาณาจักรทมิฬ ราชาแห่งความมืดจะเอาเจ้ากลับมาและทำให้เจ้าเป็นเจ้าตำหนักทำไมกัน? เป็นไปไม่ได้!”
ตัวตนที่แท้จริงของหลิวเสี่ยวเทียนคือคนตระกูลกุยซึ่งน่ากลัวอย่างมาก แต่หลิงเสี่ยวเทียนก็หัวเราะมองซือหยู ใบหน้าเขาโศกเศร้า
“ข้าสัญญากับราชาแห่งความมืดว่าจะไม่ให้โลกได้รับรู้เรื่องนี้…”
“แต่ข้าผิดสัญญาไปแล้ว! ตลอดครึ่งเดือน ข้ามอบสายเลือดปีศาจใส่ในกายเจ้า นั่นคือสิ่งเดียวที่ข้าจะช่วยเจ้าได้ — อนาคตที่ข้าให้เจ้าได้!”
ปลายดัชนีของหลิงเสี่ยวเทียนก่อร่างคลื่นพลังโลหิตใส่ในกายซือหยู
“นี่คือ…สุดท้าย”
เป็นเรื่องจริงที่ซือหยูยังไม่ตาย เขากลับฟื้นฟูขึ้นอย่างช้าๆ นั่นเป็นเพราะหลิงเสี่ยวเทียนมอบสายโลหิตปีศาจให้กับซือหยูงั้นรึ?
ความชิงชังและความตกใจโอบล้อมจิตใจซือหยู
“ท่านเจ้าตำหนัก…”
“ท่านกับข้ามิใช่ญาติมิตรหรือสหาย ข้ามิอาจรับสายโลหิตของท่านได้หรอก! โปรดหยุดเถอะ!”
แววตาซือหยูเต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าเขาอยากจะต่อต้าน ร่างกายของเขาก็มิอาจขยับได้ คลื่นโลหิตสุดท้ายเข้าสู่ร่างของซือหยู
หลิงเสี่ยวเทียนเหนื่อยอ่อนจนถึงขีดสุด
“แต่เดิม…”
“ข้าคิดจะใช้เวลาอีกครึ่งวันในการเปลี่ยนร่างของเจ้าโดยสมบูรณ์ — เพื่อที่จะได้เป็นคนตระกูลกุยโดยแท้จริง แต่ก็น่าเสียดายนักที่เวลามิอาจรอคอยผู้ใด ข้าทำได้แค่สละโลหิตเพื่อแทนตัวเร่งสาลโลหิตของปีศาจ”
ตามแผนของหลิงเสี่ยวเทียน ร่างกายของซือหยูจะเปลี่ยนไปอย่างมากในอีกครึ่งวัน เขาจะใช้สายโลหิตของตัวเองเพื่อทำให้ซือหยูได้รับพรสวรรค์ของตระกูลกุย แต่ในตอนนี้หลิงเสี่ยวเทียนทำได้แค่ใช้โลหิตของเขาแทนเพื่อให้ขั้นตอนสมบูรณ์ก่อนเวลา และคนคนเดียวที่จะใช้โลหิตสังเวยได้นั่นก็คือตัวหลิงเสี่ยวเทียนเอง
ฟึ่บ–
หลิงเสี่ยวเทียนกระชากแขนและรินโลหิตใส่ร่างซือหยู ชั้นโลหิตล้อมกายซือหยูราวกับผิวหนังชั้นที่สอง มันไหลซึมเข้าสู่ร่างซือหยู
ในร่างของซือหยู พลังได้ซึมผ่านเข้าไป กระดูกที่แตกหักเชื่อมต่อกัน! ในพริบตา กระดูกที่แหลกละเอียดก็หายไป ผลของมันเทียบได้กับโอสถฟื้นฟูกายา! ไม่สิ– ผลของมันนั้นยิ่งใหญ่กว่า รุนแรงกว่า และยังเร็วกว่าโอสถฟื้นฟูกายา!
ฟึ่บ ฟึ่บ–
เสียงของเหลวไหลเวียนดังมาจากภายในร่างของซือหยู ราวกับมีบางสิ่งกำลังจะตื่นขึ้น
แสงสีแดงซึมผ่านรูขุมขนของซือหยู มันกลายเป็นสีดำสนิทผ่านโลหิตที่รินไหลจากแขนของหลิงเสี่ยวเทียน ปีศาจได้กลืนกินโลหิตไปมหาศาล มันได้ส่งกลับมาถึงร่างกายของซือหยู นั่นทำให้ซือหยูฟื้นตัวด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
ส่วนแขนของหลิงเสี่ยวเทียนนั้นเหี่ยวแห้งไปอย่างรวดเร็ว ผิวของเขาคล้ำลง ในพริบตา แขนนั้นแห้งราวกับกิ่งไม้
เนื้อหนังที่ถูกกลืนกินไปนั้นถูกกลืนกินไปพร้อมกับฐานพลัง ฐานพลังระดับผู้คุมสวรรค์ตกระดับลง และในเวลาเดียวกันฐานพลังของซือหยูก็เปลี่ยนแปลงจากอำมฤตระดับสามขั้นกลางมาเป็นระดับสามขั้นสูง!
เมื่อรับรู้ความตั้งใจของหลิงเสี่ยวเทียนก็ทำให้ซือหยูน้ำตาคลอ ลำคอของเขาแหบพร่า เขาตะโกนออกมาอย่างทุกข์ทรมาน
“หยุดเถอะ!”
หลิงเสี่ยวเทียนใช้ฐานพลังและเนื้อหนังของตัวเองในการทำให้พลังปีศาจเติมเต็มร่างกายของซือหยู! หลิงเสี่ยวเทียนจะตาย ทั้งหมดก็เพื่อซือหยู คนที่เขารู้จักมาไม่ถึงครึ่งปี คนที่ไม่ใช่ญาติ เพื่อเด็กหนุ่มที่กำลังจะตาย เขาใช้ชีวิตตัวเองปกป้องชีวิตของซือหยู!
ซือหยูตกใจจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณ เขามองดูหลิงเสี่ยวเทียนปล่อยให้พลังปีศาจกลืนกินพลังของเขาอย่างสงบ ใบหน้าเขาเหี่ยวเฉาราวกับว่าเขาแก่ตัวลงไปยี่สิบปีและแก่ตัวลงในทุกวินาที ใบหน้านั้นแสดงเป็นนัยว่าเขากำลังจะเป็นอิสระ
“สายเลือดปีศาจเป็นทั้งพรและคำสาป…”
“ราชาแห่งความมืดบ่มเพาะข้าเพื่อหวังว่าจะได้ใช้ข้าในเวลาย่ำแย่ ภารกิจนี้…ข้าขอส่งต่อให้เจ้า…”
สายเลือดทำงาน ความเร็วในการดูดกลืนเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ น้ำตาไหลอาบแก้มซือหยู เขาโศกเศร้าเป็นที่สุด เหตุใดหลิงเสี่ยวเทียนจึงต้องสละตัวเองเพื่อเขากัน?
“ไม่ต้องเศร้าหรอก…”
“ราชาแห่งความมืดบอกว่าภารกิจของข้าจะจบลงเมื่อข้าตาย ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของข้า และข้ากำลังจะตาย ข้าเพียงแค่ส่งพลังปีศาจให้เจ้าล่วงหน้าไม่กี่เดือน ข้าขอโทษที่มิอาจช่วยเจ้าได้ ข้าเพียงแค่ได้แต่ฝืนฝากภาระหนักอึ้งและภารกิจฆ่าตัวตายให้เจ้า”
เสียงของหลิงเสี่ยวเทียนเบาลงอย่างมาก เนื้อหนังในกายเขาแทบไม่มีเหลือ เส้นผมขาวซีดและหลุดลอย เขาคือชายแก่ที่กำลังจะตาย! แต่เขาก็ยังคงมองซือหยูด้วยความเวทนาและความรู้สึกผิด ใบหน้าเขายินดีแม้จะรู้ว่าเขากำลังจะต้องแยกจากกับซือหยู
ชีวิตของเขาเกือบถึงขีดจำกัด เขากำลังจะตาย!
ส่วนซือหยู กระดูกที่แตกหัก เส้นโลหิตที่ขาด และอวัยวะภายในที่บาดเจ็บฟื้นฟูกลับมาสู่สภาพเดิม ฐานพลังของเขาพุ่งขึ้นมาจากอำมฤตระดับสามขั้นกลางมาเป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นสูง!
ฐานพลังของหลิงเสี่ยวเทียนที่บ่มเพาะมาตลอดชีวิตได้ถูกส่งมาที่ซือหยูโดยสมบูรณ์!
ขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกราวกับตลอดกาล เมื่อเฉินยิ่งกลับมาได้สติ ทุกอย่างก็จบลงแล้ว
“พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว!”
เขาร้องคำราม ยากที่จะบอกว่าสีหน้าของเฉินยิ่งเป็นอย่างไร เขาตะโกนและดันฝ่ามือไปที่ศีรษะของหลิงเสี่ยวเทียน
ราชาแห่งความมืดได้พาหลิงเสี่ยวเทียนมาเพื่อเหตุผลอันยิ่งใหญ่ ถ้าราชาแห่งความมืดยังไม่ตายและรู้เรื่องว่าเฉินยิ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้…หลิงเสี่ยวเทียนกับคนของเขาตาย!
หลิงเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างโล่งใจ แม้เขากำลังจะตาย เขาก็เผชิญหน้ากับความตายด้วยความหนักแน่น
“ไม่นะ! ท่านเจ้าตำหนัก!”
ซือหยูคำรามอย่างโกรธแค้น น้ำตาหลั่งไหลไม่ขาดสาย
ด้วยความตั้งใจอันแข็งแกร่ง ร่างของเขา — ที่ยังฟื้นฟูไม่เสร็จสิ้นดี…ถูกฝืนให้ขยับตัว
“อ๊าก! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ซือหยูยื่นฝ่ามือออกไป พลังปีศาจที่กลืนกินหลิงเสี่ยวเทียนได้กรีดร้องและย้ายตัวเองเข้าใส่เฉินยิ่ง เฉินยิ่งมิอาจป้องกันได้ แขนขวาของเขาถูกพลังเข้ากลืนกิน
อ๊าก—–
เฉินยิ่งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แขนขวาของเขาได้กลายเป็นฝุ่นเถ้าในทันที! เนื้อหนังจากทั้งแขนของเขาถูกกลืนกินทั้งหมด!
แต่พลังปีศาจก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันยังเคลื่อนตัวจากแขนไปยังลำตัว! แต่แม้จะเจ็บปวด เฉินยิ่งก็ยังคงตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด เขารีบตัดแขนตัวเองเพื่อสลัดให้ร่างหลุดจากพลังปีศาจ
โลหิตกระจายไปทั่ว ความเจ็บปวดหยั่งลึกไปถึงดวงวิญญาณ ใบหน้ากระวนกระวายของเขาอัปลักษณ์ราวกับวิญญาณอาฆาต
“ขะ…แขนข้า!”
เขาตะโกนร้อง
“แขนข้า!”
ใบหน้าทั้งหวาดกลัวและชิงชัง
“เจ้าต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตาย!”
พลังของราชามนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ พลังโลหิตหลอมรวมเป็นหนึ่ง ซือหยูที่เป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงกระเด็นลอยออกไป
พรึ่บ–
ซือหยูสะบัดมือสร้างสายลมรุนแรงเพื่อพาตัวหลิงเสี่ยวเทียนที่กำลังจะตายไปกับเขา เขาใช้แรงกระแทกเพื่อหลบหนี!
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
เฉินยิ่งตะโกน แววตานั้นเกลียดชังอย่างมาก เขาดูเหมือนอสูรจากส่วนลึกสุดของนรก
โฮก—
แต่พลังปีศาจก็พุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง เฉินยิ่งไม่มีทางเลือกนอกจากถอยกลับ
ซือหยูใช้โอกาสนี้เก็บหลิงเสี่ยวเทียนในหน้ากากนิรันดร์และหนีต่อไป
น้ำตาจากซือหยูที่อยู่กลางอากาศหลั่งริน เขาตาแดงก่ำด้วยความแค้นไร้ขอบเขต
“พวกเจ้าทุกคนที่เปื้อนโลหิตเขาต้องตาย!”
“หยินหยูผู้นี้จะใช้จิตวิญญาณ ชีวิต และทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสาบานในครานี้ ถ้าข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าให้หมด ข้าจะจมอยู่ในก้นบึ้งของโลกไปตลอดกาล!”
จมอยู่ในก้นบึ้งของโลกไปตลอดกาล! ความชิงชังของเขาดังก้องไปทั่วระยะสามหมื่นลี้ของอาณาจักรทมิฬ คนมากมายตกใจเมื่อได้ยิน เมื่อพวกเขาเงยหน้าก็เบิกตากว้าง
จิตสังหารช่างกล้าแกร่งนัก! ความชิงชังอันหยั่งรากลึก! มันไม่ต่างกันกับสวรรค์พิโรธ เสียงสะท้อนก้องไปทั่วสามหมื่นลี้! ไม่นานอาณาจักรทมิฬก็สั่นคลอน
เฉินยิ่งตกใจ ดวงวิญญาณของเขาสั่นสะเทือน ความแค้นในใจถูกข่มเอาไว้! ความชิงชังในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้าที่กัดกินดวงใจ
จากนั้นเขาก็เยือกเย็นลงและสลัดพลังปีศาจออกไป เขาไม่พบตัวซือหยู แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ทำให้ทุกคนตกใจ จ้าวแห่งความมืดทั้งห้ามาถึงเป็นกลุ่มแรก พวกเขาตกตะลึงเมื่อได้ยินคำสาบานที่ดังก้องนภา
“เกิดอะไรขึ้น…?”
ฉิงจูเริ่มถาม เขาตัวแข็งทื่อเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
“เฉินยิ่ง แขนเจ้า…”
เขาพบแขนของเฉินยิ่งที่เหือดแห้งเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต เขามองอย่างหวาดกลัว
จ้าวแห่งความมืดคนอื่นก็หวาดกลัวเช่นกัน
จ้าวเฉินยิ่งเป็นคนผิด เขาทำได้แค่กัดฟัน
“เป็นฝีมือหยินหยู เขาพาตัวหลิงเสี่ยวเทียนไปแล้ว!”
ทุกคนหรี่ตา หยินหยูแข็งแกร่งเพียงใดกัน? เขาช่วยคนที่อยู่ในมือจ้าวเฉินยิ่งได้อย่างไร? และหลิงเสี่ยวเทียนก็ควรจะอยู่ในคุก เขาจะถูกพาตัวมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?
ใบหน้ายี่หยูเยือกเย็นเล็กน้อย
“เจ้า…พยายามจะประหารเขาล่วงหน้างั้นรึ? ลอบสังหารนักโทษน่ะรึ? กล้าดียังไง!”
นางโกรธแค้นและตกใจ นางคิดหาวิธีช่วยหลิงเสี่ยวเทียนมาตลอดครึ่งเดือน นางไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย
เฉินยิ่งแสร้งใจเย็น
“ข้าเพียงพาเขาออกมาไตร่สวนเท่านั้น แต่เป็นหยินหยู เขา…เขาคือปีศาจจากตระกูลกุย!”
ทุกคนเบิกตากว้าง ตระกูลกุยรึ? ตระกูลที่น่ากลัวและลึกลับที่สุดในบรรดาแปดตระกูลโบราณน่ะรึ?
ทุกคนไม่ค่อยพอใจเมื่อก้มลงมองฝ่ามือของเฉินยิ่ง แปดตระกูลโบราณเป็นศัตรูอาฆาตแค้นของอาณาจักรทมิฬ คนเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์มาที่ตำหนักหลักของอาณาจักร เขาจะต้องซ่อนตัวในตำหนักรองเพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง
ฟึ่บ–
เงาปรากฏขึ้น เป็นภาพฉายจากจ้าวไป่ลั่วที่อยู่ห่างออกไปสามพันลี้
“สั่งการแก่เหล่าจ้าวแห่งความมืด…”
จ้าวไป่ลั่วประกาศ
“ปีศาจมิอาจปล่อยให้รอดออกไปได้! ไล่ล่าหยินหยู ห้ามพลาดเด็ดขาด!”