The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 388
“ไม่นะท่าน!”
หลิงเสี่ยวเทียนสีหน้าเปลี่ยนไป
เขาไม่คิดเลยว่าจ้าวเฉินยิ่งจะบอกว่าซือหยูเป็นคนผิดโดยไม่แม้แต่ตั้งคำถามและคิดจะประหารเขา!
“ทำไมกัน? เจ้ากังขาในคำตัดสินของข้ารึ?”
จ้าวเฉินยิ่งก้มลงมองหลิงเสี่ยวเทียน
หลิงเสียวเทียนพูดไม่ออก ความแตกต่างของตำแหน่งนั้นกว้างเกินไป ในอาณาจักรทมิฬ จ้าวแห่งความมืดนั้นมีอำนาจสูงที่สุด พวกเขาเป็นรองแค่ราชาแห่งความมืดเท่านั้น พวกเขาควบคุมชีวิตของผู้คน และเมื่อเขาต้องการให้ใครตาย พวกเขาก็สังหารได้ก่อนที่จะรายงานกับราชา
หลิงเสี่ยวเทียนนั้นเป็นที่ชื่นชอบต่อราชาแห่งความมืด และเขายังมีตำแหน่งที่สูง นั่นจึงเป็นเหตุที่จ้าวเฉินยิ่งไม่ฆ่าเขาตรงนี้ แต่สำหรับซือหยูนั้น….
หลิงเสี่ยวเทียนกัดฟัน เขากำลังถูกสงสัยว่าเป็นคนทรยศต่ออาณาจักร การเข้ารับคำตัดสินคือหนทางเดียวที่เขาจะเอาชีวิตรอด ถ้าเขาขัดคำสั่งในตอนนี้ ความผิดของเขาก็นับว่าเป็นเรื่องจริง
“ไม่นะ…”
“ท่านไตร่ตรองดูเถิด หยินหยูมีพรสวรรค์จนน่าขนลุก แม้ถ้าหากเขาจะทำผิดไปบ้าง การประหารเขาก็นับว่าเป็นการทำให้อาณาจักรต้องสูญเสียครั้งใหญ่! นั่นจะทำให้เหล่ายอดฝีมือที่ภักดีต่ออาณาจักรเสื่อมศรัทธา”
คำพูดของหลิงเสี่ยวเทียนมีเหตุผล จ้าวเฉินยิ่งจ้องหยินหยูและเห็นว่าเขาเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เขาใกล้ตายเต็มที่แล้ว
“ข้าไม่เข้าใจจริง…”
“อย่างไรมันก็กำลังจะตายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทำไมเจ้าถึงดื้อด้านนัก?”
จ้าวเฉินยิ่งเยือกเย็น
“หยินหยูทำผิดร้ายแรง เขาสังหารรองเจ้าตำหนักและสังหารผู้ตรวจการ เรื่องนี้มิอาจอภัยให้ได้ ตามกฎของอาณาัจกร เขาจะต้องถูกประหารในทันที! ทหาร ประหารเขาซะ!”
ผู้เฒ่าสองคนก้าวเข้ามาตามคำสั่งของเฉินยิ่ง
หลิงเสี่ยวเทียนขัดขืน ถ้าเขายอมจำนนตอนนี้และกลับไปยังตำหนักหลัก เขาก็อาจจะมีโอกาสได้พ้นผิด ถ้าหากเขาขัดขืนตอนนี้ ทุกอย่างก็จะจบลง
เขาไม่มีความสัมพันธ์ใดกันซือหยู พวกเขามิได้เป็นอาจารย์และลูกศิษย์ มิใช่สหาย หลิงเสี่ยวเทียนเพียงหวังจะได้ช่วยชีวิตซือหยูเท่านั้น
เขามิอาจทนมองดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะอย่างไรซือหยูก็พบเจอกับวิกฤติด้วยตัวเอง ไม่มีใครโทษหลิงเสี่ยวเทียนได้
ฟึ่บ–
สองผู้เฒ่าพุ่งเข้ามา สายลมรุนแรงพัดชุดของหลิงเสี่ยวเทียนจนปลิวไม่ต่างกับจิตใจของเขา เขามองซือหยูที่ใกล้ตาย เขาโศกเศร้าและโทษตัวเอง เขาพูดคำโตที่ร้อยดินแดนและสัญญาต่อหน้ายอดฝีมือทุกคนว่าตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ เขาจะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายซือหยู
และตอนนี้ซือหยูไม่ได้เพียงบาดเจ็บสาหัส ซือหยูนั้นใกล้ตายและกำลังจะถูกประหาร คำสัญญาของเขานั้นดูอ่อนแอและน่าขัน มันไร้พลังสิ้นดี
“ส่งตัวเขามา!”
ผู้ติดตามจ้าวเฉินยิ่งสองคนเข้ามาหาซือหยูที่บาดเจ็บ
ตู้ม–
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้คว้าตัวซือหยู หลิงเสี่ยวเทียนก็ลงมือ เขาดันฝ่ามือไปข้างหน้าเพื่อผลักสองผู้ติดตามออกไป
“หยินหยูจะตายไม่ได้…”
“แม้เขาจะเหลือชีวิตเพียงน้อยนิด เขาก็เป็นชีวิตที่หลิงเสี่ยวเทียนผู้นี้มิอาจทำให้ผิดหวัง!”
หลิงเสี่ยวเทียนค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาลุกขึ้นยืน สายตาของเขาเด็ดเดี่ยวและเป็นอิสระ
“ข้าจะลืมคำสัญญาของข้าไปได้อย่างไร? ตราบท่าที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาตาย!”
ฟึ่บ–
หอกทลายโลกาที่ปักอยู่บนเขากลับมาที่ฝ่ามือหลิงเสี่ยวเทียน
จ้าวเฉินยิ่งสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงของเขาดุร้าย
“เจ้าคิดจะทรยศต่ออาณาจักรจริงๆรึ?”
หลิงเสี่ยวเทียนกำหอกทลายโลกาไว้แน่น เขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“นี่มิใช่การทรยศ นี่เป็นการทำตามคำสัญญา”
“แล้วมันต่างอะไรกัน”
จ้าวเฉินยิ่งส่ายหน้า
หลิงเสี่ยวเทียนพูดต่อ
“โปรดให้เวลาข้าอีกหน่อยเถอะ หยินหยูต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
จ้าวเฉินยิ่งหัวเราะ
“หลิงเสี่ยวเทียน ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่รู้สำนึกบุญคุณ ตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าเจ้ามันก็แค่คนอวดดี! เจ้ากุเรื่องหาข้ออ้างฟื้นฟูเขา แต่ความจริงเจ้าก็หาข้ออ้างให้ตัวเองได้หลบหนีเท่านั้น!”
จ้าวเฉินยิ่งมองด้วยความเหยียดหยาม
“ตามข้ามาแต่โดยดี มิเช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่ปรานี!”
หลิงเสี่ยวเทียนถอนหายใจยาว
“อย่าหยุดข้า! ให้ข้าได้ช่วยชีวิตเขาก่อน!”
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ”
จ้าวเฉินยิ่งหมดความอดทน
“จิน!”
จ้าวเฉินยิ่งปล่อยลมหายใจก่อร่างเป็นอักษร “จิน” ที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับ มันพุ่งเข้าใส่หลิงเสี่ยวเทียน
หลิงเสี่ยวเทียนยกหอกขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
ตู้ม—
คำว่า “จิน” ถูกป้องกัน แต่ก็มีเสียงกระดูกหักหลายแห่งลจากร่างหลิงเสี่ยวเทียน เขากัดฟันแน่น ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด ราวกับทั้งร่างของเขาถูกแรงดันมหาศาลกดทับ
ดูเหมือนว่าการโจมตีธรรมดาจะทำให้หลิงเสี่ยวเทียนที่ใช้แม้แต่สมบัติเทพของอาณาจักรทำอะไรไม่ได้! นี่คือระดับของราชามนุษย์! แม้ผู้คุมสวรรค์ที่ถือครองสมบัติเทพ แม้พลังจะใกล้เคียงกับราชามนุษย์ สุดท้ายเขาก็ทำอะไรจ้าวเฉินยิ่งไม่ได้แม้แต่น้อย
“เจ้าจะอวดีเกินไปแล้ว!”
“ตั้งแต่โบราณกาลก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะหันคมดาบใส่จ้าวแห่งความมืด! จิน!”
อักษร “จิน” กลายเป็นก้อนเพลิงปะทุรุนแรง หลิงเสี่ยวเทียนถูกล้อมด้วยเพลิงพิโรธ แต่เพลิงนั้นไม่ได้ทำอะไรเขา มันกลายเป็นแหเพลิงที่พันธนาการหลิงเสี่ยวเทียนไว้ภายใน
พรึ่บ–
หอกยาวพุ่งออกจากมือของเขาไปตามคำเรียกของจ้าวเฉินยิ่ง
หลิงเสี่ยวเทียนถูกพันธนาการ สมบัติเทพถูกชิงกลับ ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ความต่างระหว่างพลังนั้นราวฟ้ากับเหว
ไม่ว่าจะเป็นสามผู้คุมสวรรค์หรือจ้าววิหคเพลิง ทุกคนล้วนตกตะลึง นี่คือพลังของราชามนุษย์! เขาได้จองจำผู้คุมสวรรค์ในการลงมือครั้งเดียว
ซือหยูตกจากฟ้า เขาเกือบจะกลายเป็นเศษเนื้อ จ้าวเฉินยิ่งมองเขาและหัวเราะอย่างเย็นชา
“เขาสมควรตาย! ลงมือเลย!”
“ไม่นะ!”
หลิงเสี่ยวเทียนมองซือหยูที่ร่วงหล่น เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น
ฉั่วะ–
หลิงเสี่ยวเทียนพุ่งออกมาจากแหเพลิง เขาบินไปคว้าตัวซือหยูแม้ร่างเขาจะถูกแผดเผาด้วยเพลิงพิโรธ
“เจ้ายังกล้าขัดขืนอีกเรอะ!”
จ้าวเฉินยิ่งตะโกน
หลิงเสี่ยวเทียนหันไปซัดฝ่ามือ
“เปล่าประโยชน์!”
จ้าวเฉินยิ่งชี้ดัชนีไปข้างหน้า
ตู้ม—
โลหิตกระจัดกระจาย ฝ่ามือของหลิงเสี่ยวเทียนระเบิดออก ร่างของเขาราวกับถูกซัดด้วยอัสนี เขาหล่นลงกับฟื้นเร็วเสียยิ่งกว่าซือหยู!
ตู้ม—
ฝุ่นควันกระจัดกระจายพื้นที่เป็นวงกว้าง หลิงเสี่ยวเทียนบาดเจ็บ ชุดของเขาเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต กระดูกขาวเห็นได้เพียงมองออกไป การโจมตีเดียวก็ทำให้หลิงเสี่ยวเทียนบาดเจ็บรุนแรง
ตู้ม–
ซือหยูกระแทกลงกับพื้น และด้วยการดึงจากพลังวิญญาณ ซือหยูจึงได้ตกลงบนตัวของหลิงเสี่ยวเทียน
หลิงเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างน่าเวทนา
“โชคดีนักที่เจ้าไม่เป็นอะไร…”
เขาไม่สนใจตัวเองแต่เป็นห่วงซือหยู
จ้าวเฉินยิ่งร่อนลงมาและขมวดคิ้ว เขาคิดอยู่ชั่วครู่
“เอาเถอะ พาหยินหยูไปด้วย เราจะกลับตำหนักหลักไปสอบสวนพวกมันทั้งสองคน!”
หากมีหยินหยูในมือ หลิงเสี่ยวเทียนน่าจะให้ความร่วมมือมากขึ้น เมื่อพวกเขากลับไปถึงตำหนักหลัก หลิงเสี่ยวเทียนก็อาจจะเป็นห่วงซือหยูที่เป็นตัวประกันและต้องกับดักของพวกเขา จ้าวเฉินยิ่งเปลี่ยนใจในไม่นาน
พวกเขาถูกพาตัวไปโดยผู้ติดตามทั้งสอง หลิงเสี่ยวเทียนเจ็บปวดอย่างมาก เขาแอบใช้ฝ่ามือแตะแผ่นหลังของซือหยูและปล่อยพลังโลหิตให้กับเขา
ในตอนนั้นเอง จ้าวเฉินยิ่งยกมือคว้าตัวจ้าววิหคเพลิงที่บาดเจ็บเอาไว้
“ต้องมีพยานในเรื่องนี้…”
“ตามพวกข้ามมาเถอะจ้าววิหคเพลิง”
เขาอยากให้จ้าววิหคเพลิงบอกทุกคนว่าหลิงเสี่ยวเทียนใช้สมบัติเทพในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรทมิฬ และในตอนที่หลิงเสี่ยวเทียนทรยศเขาต่อหน้าทุกคน
เหล่าหญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงชักสีหน้า พวกนางพุ่งคำรามเข้ามา
“อย่านะ!”
จ้าววิหคเพลิงหยุดพวกนาง ด้วยพลังของพวกนาง พวกนางทำได้แค่ถูกสังหารจากจ้าวเฉินยิ่ง
“พวกเจ้ารีบถอยไปให้ไกลจากคณะวิหคเพลิง ถ้าข้ารอดมาได้ ข้าจะสร้างคณะวิหคเพลิงขึ้นใหม่!”
เหล่าศิษย์ใจเย็นลง จ้าววิหคเพลิงถูกส่งไปยังตำหนักหลักของอาณาจักรทมิฬ อาณาจักรทมิฬอาจจะไม่ฆ่านางถ้าไม่มีเหตุผลพิเศษ เก็บกำลังเอาไว้คงจะช่วยให้คณะวิหคเพลิงได้กลับมาฟื้นฟูในอนาคต
มู่เทียนฟางและเหล่าสตรีวิหคเพลิงทั้งแปดทำความเคารพจ้าววิหคเพลิง
“พวกเราจะรอท่านกลับมา!”
หลังพูดจบ พวกนางกลายเป็นภาพติดตาหายไปยังขอบนภา
แม้ว่าฮั่นเจียงหลินกับคนอื่นจะรู้สึกไม่เป็นธรรม พวกเขาก็บาดเจ็บหนัก และด้วยตัวตนของจ้าวแห่งความมืด พวกเขาจะกล้าทำอะไรรึ? เพราะจ้าวเฉินยิ่งคงไม่สังหารเหล่านักสู้ระดับธรรมดาอยู่แล้ว
“ไปกันเถอะ!”
จ้าวเฉินยิ่งกับกลุ่มหายไปทันที ไม่เหลือแม้แต่ภาพติดตา
คณะวิหคเพลิงถูกทำลายและเต็มไปด้วยซากศพ เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า
ฮั่นเจียงหลินกุมอก เขาสำลักอย่างแหบพร่า จิตใจนั้นหวาดกลัว สถานการณ์ตรงหน้าเขานั้นโหดร้าย เขาเกือบตาย ฮั่นเจียงหลินหันไปตะคอก
“เฟิงเซี่ยน! คณะวิหคเพลิงถูกกำจัดไปแล้ว พันธมิตรทวีปอุดรถูกก่อตั้งแล้ว แล้วคนที่เจ้าพูดถึงจะมาเมื่อใดกัน?”
จ้าวหอสดับหิมะกับเจ้าเมืองอันยี่หันไปมองเฟิงเซี่ยนพร้อมกัน
“ตามคำสัญญา อาณาจักรทมิฬน่าจะรู้ถึงการมีอยู่ของพันธมิตรอุดรทวีป”
“ถ้าพวกนั้นรู้ถึงภัยและเจ้าโจมตีเรา เจ้าจะต้องรายงานคนคนนั้นทันที!”
ไม่แปลกใจที่พวกเขากล้าท้าทายอาณาจักรทมิฬ ยังมีคนอยู่เบื้องหลังพวกเขา
เฟิงเซี่ยนยิ้มเยาะ
“เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยรึ? ถ้าอาณาจักรทมิฬอยากจะฆ่าพวกเจ้า จ้าวเฉินยิ่งก็ลงมือไปแล้ว เขาจะรอครั้งหน้าทำไมกัน?”
ทั้งสามคนมองอย่างไม่พอใจ
“อวดดีนัก! เจ้าพูดกับพวกข้าเช่นนี้เรอะ?”
ฮั่นเจียงหลินโกรธเกรี้ยว
“เจ้าเป็นแค่สตรีวิหคเพลิงต่ำต้อย– เป็นแค่ตัวกลางของพวกเรากับบุคคลในตำนาน เจ้าคิดว่าเจ้าทำอะไรพวกข้าได้งั้นรึ?”
เฟิงเซี่ยนหัวเราะ
“อย่างน้อยตำแหน่งของข้าก็สูงส่งกว่าพวกเจ้าล่ะนะ”
“เจ้าอยากตายเรอะ!”
เจ้าเมืองอันยี่ตะโกน
ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น พวกเขาได้รับคำอนุญาตจากบุรุษผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าคนคนนั้นจะไม่แสดงตัวออกมา รังสีพลังที่เขาปล่อยออกมาก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าโลกจะถูกทำลาย และเป็นเพราะคนคนนั้นพวกเขาถึงได้กล้าโจมตีคณะวิหคเพลิงในวันนี้
ส่วนเฟิงเซี่ยนนั้นครอบครองฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์และเข้าใจกฎแห่งฟ้าดิน นั่นหมายความว่านางจะรับคำชี้แนะจากคนคนนั้นได้จากระยะสามล้านลี้ที่ไกลออกไป ดังนั้นนางจึงกลายเป็นสื่อกลาง แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าเฟิงเซี่ยนจะอวดดีกล้าดูหมิ่นพวกเขา
“คนที่อยากตายก็คือเจ้านั่นแหละ!”
นางพูด
ตู้ม–
ทันใดนั้นก็มีแสงพุ่งมาจากระยะไกล มันคือวิหคทองคำตัวใหญ่ยักษ์ ร่างของมันเปล่งรังสีทำลายล้าง
“จักรพรรดิสัตว์อสูร! จักรพรรดิสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด!”
วิหคทองคำในแสงเทพง้างกรงเล็บ ร่างหนึ่งล้มลงกับพื้น จ้าวหอสดับหิมะได้กลายเป็นซาก
จ้าวหอสดับหิมะไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ตอบสนอง! เขาถูกสังหารไปทั้งอย่างนั้น