The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 343
พริบตาเดียว ใต้เมฆามืดมิดและหิมะที่พัดปลิว ทุกสิ่งได้กลายเป็นน้ำแข็ง
“วิบัติ! อัสนี! เยือกแข็ง!”
ซือหยูชี้มือไปทางนภาและหลอมรวมกับศิลป์แห่งฟ้าดิน ราวกับว่าซือหยูกำลังบัญชาสวรรค์อยู่
ครืน—
ครืน—
อำนาจสวรรค์สร้างพลังมหาศาลจากฟ้าดิน พลังมหาศาลนี้มุ่งหน้าซัดใส่ผู้ตรวจการไป่ฮีผู้ที่อยู่ใต้เมฆามืดครึ้ม
ฟึ่บ–
มังกรอัสนียาวหมื่นศอกที่มีพลังทำลายล้างโลกได้ปรากฏตัวออกจากเมฆา
แต่ในมังกรอัสนีนั้นมิได้มีเพียงแค่สายฟ้าอยู่ภายใน มันยังมีน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ภายในอีกด้วย!
“ฎีกาสวรรค์ระดับเทพ!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีตกตะลึง
“เจ้าบ่มเพาะสิ่งเล็กจ้อยนี่มาถึงระดับเช่นนี้เชียวรึ?”
แต่สิ่งที่เล็กจ้อยนั้นก็แสดงพลังอันน่ากลัวเกินจินตนาการออกมา
“กายาเทียมระดับสอง!”
ในเวลาที่ย่ำแย่ ผู้ตรวจการไป่ฮีใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุด!
เขาใช้พลังวิญญาณหนึ่งในสามสร้างร่างเทียมออกมาหนึ่งร่าง
ร่างเทียมนั้นมีพลังเจ็ดในสิบส่วนของร่างหลัก!
ร่างเทียมเข้ามาขวางหน้าร่างหลักโดยไม่ลังเลและป้องกันมังกรอัสนีเยือกแข็งที่ยาวหมื่นศอก
แกร๊ก–
แต่ร่างเทียมถ่วงเวลาไม่ได้แม้แต่น้อย มันกลายเป็นน้ำแข็ง
และขณะเดียวกับ สายฟ้าทำลายล้างก็ทะลวงร่างเทียมที่กลายเป็นน้ำแข็งจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
พลังมังกรอัสนีเยือกแข็งไม่ได้ลดลง หลังจากที่บดขยี้ร่างเทียม มันพุ่งเข้าหาร่างหลัก!
เอื้อก–
ผู้ตรวจการไป่ฮีจะป้องกันการโจมตีอันน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
น้ำแข็งเย็นยะเยือกได้ลบพลังชีวิตของเขาหายไปกว่าครึ่ง และอัสนีทำลายล้างก็ซัดใส่ร่าง
ผู้ตรวจการไป่ฮีนั้นตัวไหม้เกรียวแต่ก็ไม่มีโลหิตแม้แต่หยดเดียวไหลออกมา
นั่นก็เพราะว่าทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังอันเยือกเย็น
ร่างของเขากลายเป็นน้ำแข็งจากภายในสู่ภายนอก!
การโจมตีนั้นเอาชีวิตเอาผู้ตรวจการไป่ฮีไป!
เหล่ายอดฝีมือที่หันมาดูนั้นอ้าปากค้าง!
ผู้ตรวจการไป่ฮีถูกเจ้าตำหนักหยินหยูฆ่าอย่างง่ายดายเช่นนี้เชียวรึ?
แต่เดิม ซือหยูไม่ได้เป็นที่สนใจนัก แต่ในการประมูล เขาได้แสดงพลังอันน่าตกใจ ต่อมาก็คือในตอนนี้ที่เขาปลดปล่อยจิตสังหารอันน่ากลัวไปทั่วเมืองอันยี่ สุดท้ายเขาก็ยังฆ่าผู้ตรวจการแห่งอาณาจักรทมิฬไปอีก!
พลังที่สั่นคลอนธรณีเช่นนี้ทำให้ทุกคนประทับใจ
พรึ่บ–
ซือหยูลงมาอยู่ที่หน้าผู้ตรวจการไป่ฮีและส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“ท่านผู้ตรวจการ ตอนที่เจ้าให้โอกาสข้าโจมตีก่อน เจ้ายังให้ชีวิตกับข้าอีก ข้าประทับใจยิ่งนัก”
เมื่อผู้ตรวจการไป่ฮีได้ยินคำถากถางของซือหยูในตอนที่กำลังจะตาย เขาก็เกลียดชังเป็นอย่างมาก
“หยินหยู! ข้าสาบานว่าเจ้าจะไม่ได้ตายดี! อีกไม่นานวันของเจ้าจะจบลง…”
ปั้ง—
เท้าเหยียบศีรษะที่เยือกแข็งเป็นเสี่ยงๆ
ซือหยูยกเท้าขึ้นช้าๆ
“มีคนมากมายนักที่คิดจะให้ข้าตาย แต่ก็น่าเสียดายที่พวกนั้นตายไปหมด เหลือแค่ข้าที่ยังรอดอยู่ตรงนี้”
ซือหยูค้นตัวผู้ตรวจการไป่ฮี เขาพบกล่องหยกใบเล็ก
หลังจากที่เปิดกล่อง เขาพบขวดหยกที่อยู่ในกล่อง ในขวดนั้นมีโอสถชะตาวิญญาณอยู่ด้วย!
โอสถนี้จะให้รองเจ้าตำหนักเดือนละครั้ง
เขาที่เป็นผู้ตรวจการย่อมต้องมีโอสถติดตัว
ซือหยูตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดว่าจะได้มันมา!
เขากำลังจะได้เป็นอำมฤตระดับสาม โอสถชะตาวิญญาณมาถูกเวลาพอดี!
แต่ที่ทำให้ซือหยูผิดหวังก็คือในกล่องหยกนั้นมีช่องใส่ของอันว่างเปล่า
ซือหยูบอกได้เลยว่าช่องว่างนั้นมีไว้เพื่อใส่ตำราบ่มเพาะ
แต่ในตอนนี้มันว่าลเป่า
นั่นทำให้ซือหยูผิดหวังเล็กน้อย
วิชาร่างเทียมของผู้ตรวจการไป่ฮีนั้นมหัศจรรย์อย่างมาก หลังจากบ่มเพาะแล้วจะสร้างร่างเทียมมาช่วยในการต่อสู้ได้ แต่มันก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับกายาแสงของฮั่วฉีหลานที่มีพลังเท่ากับร่างหลัก
แต่อย่างไร เจ็ดในสิบส่วนของร่างหลักก็มิใช่พลังที่จะประมาทได้เลย
ซือหยูอย่างจะได้พลังนี้มา แต่ก็ไม่คิดว่าผู้ตรวจการไป่ฮีจะไม่มีวิชาไว้กับตัว
มันควรจะถูกทำลายหรือถูกเขาเอาไปซ่อนไว้
ในตอนนี้ ผู้ตรวจการไป่ฮีตายไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่วิช่าบ่มเพาะจะปรากฏบนโลกอีกครั้ง
ซือหยูสะบัดดัชนี ร่างของผู้ตรวจการไป่ฮีถูกทำลายลง เขาลุกขึ้น
จักรพรรดิสัตว์อสูรกำลังไล่ล่าเจ้าเมืองอันยี่ อีกไม่นานมันน่าจะกลับมา ซือหยูไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานนัก
พรึ่บ–
เขาพาตู่หลงไปด้วยและหายลับนภา
เหล่ายอดฝีมือที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมิอาจใจเย็นลงได้เลย
ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น นามของหยินหยูนั้นเป็นที่รู้จักกันในหมู่คนเล็กๆเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ ทั้งทวีปได้รับรู้แล้วว่ามีอัจฉริยะยอดฝีมือปรากฏตัวขึ้น
ด้วยพลังเพียงอย่างเดียวก็จำกัดยอดฝีมือในเมืองอันยี่ได้ทั้งหมด เขาต่อกรกับตระกูลตู่แต่เพียงลำพังและสังหารคนตระกูลตู่นับไม่ถ้วน เหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งล้วนตายด้วยมือเขา
สุดท้าย ผู้ตรวจการที่แข็งแกร่งทรงอำนาจก็ยังตายด้วยมือหยินหยู!
สิ่งที่เขาทำในเมืองอันยี่จะต้องทำให้ทวีปตอนเหนือตกตะลึงอย่างแน่นอน!
ทุกคนมองซือหยูที่ออกจากเมืองอันยี่ด้วยความนับถือ เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในเมืองอันยี่ ในซากปรักหักพังของการต่อสู้ครั้งใหญ่ มืออันเหี่ยวเฉาได้สืบขึ้นมาจากพื้น
ชายแก่หน้าซีดที่ทั้งกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตได้ปีนขึ้นมา
“หยินหยู! เจ้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้รึ? เจ้ามันไร้เดียงสานัก! หลิงเสี่ยวเทียนยังทำไม่ได้ แล้วเจ้าจะทำได้เรอะ!”
เขาคือผู้ตรวจการไป่ฮี
เขาบ่มเพาะวิชาร่างเทียมจนทำให้สร้างร่างเทียมได้อีกร่าง
ในวันนั้น เขาใช้วิชานี้หลอกหลิงเสี่ยวเทียน และเขาก็ทำมันสำเร็จอีกครั้งในตอนนี้
เขาสัมผัสสิ่งของบนอกอย่างซาบซึ้ง
“ทั้งหมดต้องขอบคุณวิชานี้ ข้าถึงยังมีชีวิตอยู่ไ…”
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้น
“เจ้ามาซ่อนอยู่ที่นี่เองเรอะ! หาตัวยากนัก!”
ซือหยูประสานหมัดและลอยอยู่บนฟ้าเหนือศีรษะของไป่ฮี เขายิ้มเยาะ
ผู้ตรวจการไป่ฮีสีหน้าหม่นหมอง
“จะ…เจ้า…”
ซือหยูหัวเราะ
“เจ้าก็แค่ใช้กลเดิม หลังจากหลอกเจ้าตำหนักหลิงไปได้หนึ่งครั้ง เจ้าก็ยังคิดว่าเจ้าจะใช้กลเดิมได้อีกรึ?”
พรึ่บ–
ซือหยูเหยียบไป่ฮีที่อ่อนแอ
เขาย่อตัวลงและพบกับสร้อยหยกในอกของเขา
เขาจ้องมองมันและพบกับข้อความที่สลักเอาไว้หนึ่งบรรทัดว่า “วิชาร่างเทียม”!
ซือหยูหัวใจเต้นแรง!
มันคือวิชามหัศจรรย์นั่น!
“วิชาของข้า!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีทั้งตกใจและโกรธแค้น
พรึ่บ–
ซือหยูดีใจมาก เขาเก็บวิชาไว้ในคันฉ่องจักรวาล
“ท่านผู้ตรวจการช่างใจกว้างนัก แม้กำลังจะตายก็ยังเหลือมรดกไว้ให้ข้า ข้าต้องรับไว้ด้วยความขอบคุณอย่างสูง”
ซือหยูยิ้มเยาะ
“ข้ามั่นใจว่าข้าจะต้องทำให้ความปรารถนาของท่านเป็นจริงแน่นอน ท่านไปโลกหน้าได้แล้วล่ะ!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีกระอักเลือด เขาชี้นิ้วใส่ซือหยูด้วยร่างอันสั่นสะท้าน
“เจ้า….”
เอื้อก–
ครั้งนี้ ซือหยูเหยียบและบดขยี้ศีรษะของเขาอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้…ชีวิตเขาได้จบลงจริงๆ!
ผู้ตรวจการแห่งยุคตายไปด้วยเหตุนี้
ซือหยูบินออกจากเมืองในพริบตา
ที่ชานเมือง
ตู่หลงโค้งคำนับอย่างจริงใจ
“ข้าไม่มีวันตอบแทนเจ้าตำหนักหยินหยูที่มาช่วยข้าได้แน่!”
เขามิอาจตอบแทนความเอื้อเฟื้อจากซือหยูได้เลย
สำหรับเขา ซือหยูเข้ามาช่วยในยามวิกฤติที่สุด แค่น้ำใจเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้ตู่หลงตอบแทนด้วยชีวิตทั้งชีวิตแล้ว
ซือหยูส่ายหน้า
“ข้าทำด้วยความสำนึก เจ้ามิต้องจดจำใส่ใจ!”
“เมืองอันยี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว เจ้าควรจะไปเดี๋ยวนี้ เราจะแยกกันที่นี่! ข้าหวังว่าเจ้าจะได้หาบ้านใหม่ให้กลับไปอีกครั้ง!”
ซือหยูถอนหายใจเมื่อกำลังจะจากกัน
ตู่หลงยิ้ม
“ถ้าต้องลาจากกันเช่นนี้ ข้าก็คงไม่มีวันรู้สึกสบายใจไปตลอดชีวิต ก่อนจะไป ข้าจะให้ของขวัญกับท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”
หลังพูดจบ ตู่หลงก็ชี้ดัชนีเข้าใส่อก ดัชนีทะลวงอกและพุ่งออกมาพร้อมกับโลหิตหนึ่งหยด
โลหิตหัวใจ!
โลหิตหัวใจที่ทุกคนจะมีแค่หยดเดียวเท่านั้น!
สำหรับผู้บ่มเพาะพลัง โลหิตหัวใจนั้นเป็นแหล่งของพลังโลหิต เมื่อเสียไปก็ยากที่ร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้น ฐานพลังจะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงได้อีก
“ท่านรู้หรือไม่ว่าหยดหมื่นพลมีต้นกำเนิดมาจากที่ใด?”
ตู่หลงพูดอย่างสบายๆ
ซือหยูส่ายหัว
“นั่นเป็นเรื่องที่มีแต่ตระกูลเจ้าจะรู้ คนนอกอย่างข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”
ตู่หลงยิ้ม
“พลังที่ขัดบัญชาสวรรค์ที่หยดหมื่นพลมีนั้นมาจากพลังโลหิตของคนตระกูลตู่!”
ในเรื่องนี้ ซือหยูรู้อยู่แล้ว ว่ากันว่าคนตระกูลตู่มีสายเลือดพิเศษ ดังนั้นโลหิตของพวกเขาจะต้องมีพลังที่ชำระสมบัติเทพได้
“หากเป็นพลังโลหิต หยดหมื่นพลก็ต้องมาจากโลหิตของคนตระกูลตู่…หนึ่งเดียวเท่านั้นที่มีนั่นคือโลหิตหัวใจ!”
“ในรุ่นก่อนหน้า คนในตระกูลที่กำลังจะตายนั้นจะมอบโลหิตหัวใจไว้ก่อนหน้า จากนั้นมันก็จะกลายเป็นหยดหมื่นพลของตระกูล”
“มีเพียงโลหิตหัวใจของเจ้าตระกูลเท่านั้นที่มีพลังบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงมีหยดหมื่นพลอยู่น้อยมาก”
ตู่หลงเงยหน้ามองนภา
“ข้าคือลูกชายของเจ้าตระกูลคนก่อน โลหิตหัวใจของข้ายังนับว่าบริสุทธิ์ แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าของท่านพ่อ มันก็ยังบริสุทธิ์เท่ากับหยดหมื่นพลแปดหยดที่ถูกเจือจาง”
“โลหิตนี้คือของขวัญอำลาและเป็นการตอบแทนน้ำใจจากข้า เห็นแก่ข้า โปรดอย่าปฏิเสธมันเลย!”
ตู่หลงไม่มีอะไรจะพูดต่อ เขายัดโลหิตใส่ฝ่ามือของซือหยู
ซือหยูตกใจมากเมื่อรับรู้ถึงความจริงของหยดหมื่นพล แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือการกระทำของตู่หลง!
นี่เทียบเท่ากับตู่หลงสละอนาคตของตัวเอง!
แต่ซือหยูก็เข้าใจเสียยิ่งกว่าว่าตู่หลงไม่คิดจะบ่มเพาะพลังอีกแล้ว
โลหิตนี้คือการตอบแทนน้ำใจซือหยู ถ้าซือหยูไม่รับไว้ ตู่หลงก็จะต้องแบกรับมันไปตลอดกาลและยากที่จะลืมน้ำใจจากซือหยูไปได้
“ข้าจะรับไว้ ขอบคุณมาก”
ตู่หลงยิ้มอย่างเคย
“ด้วยสิ่งนี้ ข้าไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ท่านหยินหยู ไว้พบกันในสักวันหนึ่ง ลาก่อน!”
ซือหยูประสานหมัด พวกเขาแยกกันไปคนละทาง หนึ่งคนมุ่งหน้าขึ้นเหนือส่วนอีกคนลงใต้ ทั้งสองหายลับขอบนภาและไม่ได้เห็นกันและกันอีก
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
จักรพรรดิสัตว์อสูรกลับมาและจ้องมองเมืองรกร้าง มันสะบัดปีกสร้างวายุ
เมืองอันยี่ที่เคยยืนตระหง่านดั่งยักษ์ในป่าทมิฬมาหลายร้อยปีได้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยวายุกระหน่ำของมัน
“จักรพรรดิสัตว์อสูรขนทองคำ เจ้าจับเจ้าเมืองอันยี่ได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มที่มากับชายแก่ในชุดสีมรกตร่อนลงจากเมืองอันยี่และถามอย่างเยือกเย็น
จักรพรรดิสัตว์อสูรมองกลับ มันรีบตอบเมื่อรู้สึกถึงความเหยียดหยาม
“เขาหนีไปได้!”
เพราะเป็นเจ้าตระกูลตู่ เขาครอบครองสมบัติเทพมากมายทำให้ยากที่คนนอกจะคาดเดา แม้จักรพรรดิสัตว์อสูรจะแข็งแกร่ง มันก็มิอาจเอาชนะเจ้าเมืองอันยี่ในเรื่องของกลยุทธ์ได้
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแต่ก็คลายลงในทันที
“ช่างเถอะ ข้าไม่ต้องสนใจมันแล้ว การกระทำของเจ้าก็เป็นการประกาศให้โลกรู้แล้วว่าตระกูลอู๋กำลังจะกลับมา!”
ชายแก่ข้างหลังมองอย่างคาดหวัง
“ฮ่าๆๆ ข้าส่งบุตรเชิญงานแต่งงานของนายน้อยกับแม่นางม่ออู๋ให้ขุมกำลังใหญ่ในทวีปไปแล้ว ข้ามั่นใจเหลือเกินว่าตอนนั้น…มันจะกลายเป็นการประชุมครั้งใหญ่ของทวีป!”
“นามตระกูลอู๋จะต้องรุ่งเรืองขึ้นนับแต่นี้ไป!”