The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 493
เมื่อนางสะบัดแขน ร่างอันงดงามของนางก็หายไปจากท้องฟ้า นางปรากฏตัวที่ครั้งในจุดที่ห่างจากเรือบินเทวะหมื่นศอก และนางกำลังไล่ตามเรือบินเทวะด้วยความเร็วสูง
หากมองจากระยะไกลจะพบเงาสองเงาที่ไล่ล่าและหนีกันไปตามๆกัน เสียงจากการกรีดอากาศดังลั่น
หมื่นศอก!
พันศอก!
ร้อยศอก!
เพียงไม่นานนางก็ตามทัน! นางกำหมัดขาวราวหิมะซัดไปยังเรือบินเทวะอย่างแรง เรือบินเทวะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันถูกทำลายจากภายใน!
ที่ท้ายเรือนั้นมีนรอยหมัดใหญ่ยักษ์ประทับอยู่! เพียงแค่การเหวี่ยงหมัดก็ทำให้สมบัติวิญญาณเกิดความเสียหาย! ซือหยูรู้สึกเจ็บปวด ดวงตาลุกเป็นเพลิงด้วยความแค้น เขาโดนนางไล่ตามมานานพอแล้ว
“นังหญิงโง่!”
เขาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นระหว่างเรา เจ้าก็ยังไม่คิดจะปล่อยข้าไป!”
ลู่จือยี่หัวเราะเยาะ
“ถึงเจ้าจะชิงสมบัติของข้าไป เจ้าก็ยังกล้าพูดว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกเรอะ!”
ซือหยูหัวเราะเมื่อได้ยิน
“ตลกสิ้นดี! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้เจ้าระวัง ข้าบอกว่าเจ้าจะเสียใจถ้าเจ้าจะจู่โจมข้า แล้วใครกันที่ดึงดันไม่หยุด? นังโง่! ไม่สายไปที่จะถอย มันจะสายไปแล้วถ้าเจ้าจะไปเสียใจทีหลัง!”
ลู่จือยี่โกรธแค้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำขู่
“เจ้ากล้าขู่ข้าเรอะ? ข้าจะปล่อยเจ้าไปหลังจากที่เจ้าเอาของของข้าไปได้ยังไง?”
ลู่จือยี่ปล่อยหมัดอีกครั้ง นางอาจจะทำลายเรือบินเทวะได้ในสามหมัด
เมื่อเห็นว่าลู่จือยี่ไม่คิดจะปล่อยเขาไป ซือหยูแววตาดุร้ายขึ้น
“นังโง่! เจ้ารนหาที่เองนะ!”
สิงโตมรกตปรากฏในฝ่ามือของซือหยู พลังชีวิตอันแข็งแกร่งถูกกักเก็บอยู่ในร่างของมัน และมันยังมีพลังโจมตีในระดับขอบเขตภูติ! นี่เป็นของช่วยชีวิตที่ซือหยูได้มาจากไป่หยู มันคือสมบัติที่มีพลังระดับขอบเขตภูติ
ลู่จือยี่ที่กำลังจะปล่อยหมัดสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง นางงุนงงไปชั่วครู่ก่อนจะมีสีหน้าหวาดกลัว ในสถานการณ์ที่ฐานพลังถูกจำกัด ยากมากที่นางจะป้องกันอาจโจมตีของขอบเขตภูติได้ด้วยร่างกายเพียงอย่างเดียว
แต่เมื่อนางมองเด็กหนุ่มผมสีเงินตรงหน้า นางก็รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก นางกัดฟันและพุ่งไปข้างหน้าแทนที่จะถอยหนี
“บัดซบ! ถึงข้าจะบาดเจ็บ ข้าก็ต้องสั่งสอนเจ้าให้ได้!”
เส้นโลหิตบนหน้าผากซือหยูปูดโปน แม้ว่านางจะดูไม่สนใจอะไรในเบื้องหน้า แต่นิสัยของนางนั้นดื้อรั้นเป็นอย่างมาก!
“ก็ได้ เจ้าขอเองนะ!”
สิงห์วิญญาณหยกมรกตในมือปล่อยแสงสีมรกตออกมาสว่างจ้า
รอยฝ่ามือสีเขียวปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ มันมีพลังมหาศาลและกำลังพุ่งเข้าหานาง!
ลู่จือยี่กัดฟัน ความดื้อรั้นสุดหัวใจนี้ทำให้นางต้องรับการโจมตีนี้ หมัดที่จะใช้โจมตีเรือบินต้องเปลี่ยนทิศทางไปหาฝ่ามือที่กำลังเข้ามา นางเตรียมตัวที่จะบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
แต่ที่แปลกก็คือฝ่ามือนั่นไม่ได้จะปะทะกับนาง มันกลับเปลี่ยนทิศทางไปที่ด้านข้าง มันล้อมลู่จือยี่เป็นวงกลมและปะทะกับพื้นดินที่ใต้เท้าของนาง!
ลู่จือยี่ตัวแข็งทื่อ นางระวังตัวอย่างมาก
“ฮื่ม! เล่นกลอะไรของเจ้า! รับไปซะ!”
นางพูดจบและซัดหมัดไปอีก ส่วนซือหยูนั้นขยับมือขวาเก็บเรือบินเทวะและใช้ร่างกายฝืนรับหมัดนั้น
แกร๊ง แกร๊ง—
รอยมือปรากฏที่เกราะราชาศิลานิรันดร์อีกครั้ง ส่วนซือหยูที่รับแรงกระเด็นออกไปหลายร้อยศอก พลังโลหิตในร่างสั่นคลอนรุนแรง เขากระอักเลือดออกมา
ปั้ง–
การโจมตีจากขอบเขตภูติซัดเข้าใส่พื้น!
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของซือหยูไม่ได้เล็งมาที่ตัว ลู่จือยี่ก็เริ่มสงสัย นางระวังตัวยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าใช้กลไม้ใดกัน…?”
แต่ก่อนที่นางจะพูดจบก็มีเสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังมาจากพื้นดิน นางก้มลงไปมองและพบกับด้ายโลหิตหลายร้อยเส้นที่อยู่เบื้องล่าง มันสะบัดไปมาราวกับอสรพิษโลหิต!
การโจมตีจากขอบเขตภูตินั้นเฉือนอสรพิษโลหิตจนขาดครึ่ง หัวของมันยังคงดิ้นได้และเตรียมจะกระโดด มันกำลังจะพุ่งเข้าใส่ลู่จือยี่!
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีของซือหยู ลู่จือยี่ก็คงจะถูกสัตว์ประหลาดจู่โจมไปแล้ว!
“เจ้าอสูรนั่น!”
ใบหน้างดงามของนางแข็งทื่อในทันที
นางเห็นแล้วว่าด้ายโลหิตเหล่านี้ดุร้ายเพียงใด ความเร็วของมันยังมหาศาล ถ้าหากไม่เตรียมรับมือล่วงหน้า นางก็คงจะถูกแทงทะลุไปแล้ว เลือดเนื้อของนางก็คงจะถูกสูบเอาไป!
ครู่ก่อนนางโกรธแค้นอย่างถึงขีดสุด นางคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องไล่ตามซือหยู ดังนั้นนางถึงไม่รู้ตัวเลยว่าเหล่าด้ายโลหิตบนพื้นกำลังจะจู่โจมนาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะซือหยู นางก็อาจจะตายไปแล้ว!
เมื่อนางคิดถึงตอนที่การโจมตีของซือหยูเปลี่ยนทิศทางไปอย่างประหลาด นางก็มองซือหยูด้วยอารมณ์ที่ต่างออกไป จิตสังหารในดวงตาเริ่มอ่อนลง
เมื่อนางมองรอยมือบนอกซือหยูและไอโลหิตจากมุมปากก็ใจสั่น นางทำใบหน้าสำนึกผิด
ซือหยูพยายามจะช่วยชีวิตนาง นางกลับใช้โอกาสนี้ทำร้ายเขา!
ซือหยูมองนางด้วยความเงียบและไม่พูดอะไร เขาตรวจสอบร่างกายตัวเองและรีบบินขึ้นฟ้า ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่ลู่จือยี่จะถูกด้ายโลหิตเหล่านั้นสังหาร และถ้านางตาย เป้าหมายต่อไปก็คงจะเป็นเขา
ซือหยูลอยเหนือนภาราวกับราชา เขาใช้เนตรวิญญาณมองเบื้องล่างอย่างเคร่งเครียด จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขามองเห็นพื้นที่กว้างนั้นเต็มไปด้วยทะเลโลหิตที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย!
นั่นคือด้ายโลหิตมากมายนับไม่ถ้วน จำนวนของมันถึงหลายร้อยล้านเลยรึ? ไม่ว่าด้ายโลหิตจะผ่านไปทางไหน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็ถูกกลืนกิน รวมถึงสิ่งเล็กๆอย่างแมลง ปลา วิหค และสัตว์ป่า เหล่าสัตว์อสูรที่ใหญ่กว่าบินหนีอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่มีตัวใดหนีจากทะเลโลหิตนี้ไปได้!
จากด้านบน ซือหยูมองเห็นทะเลโลหิตทอดยาวอย่างน้อยล้านลี้ ดูเหมือนว่ามันอยากจะทำลายกระโจมเทพชั้นเจ็ดทั้งชั้นให้สิ้นซาก!
ซือหยูตกใจมาก นี่มันมากไปแล้ว! ทะเลโลหิตกำลังปกคลุมพื้นที่ที่เหลืออยู่ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ มันกลืนกินทั้งขุนเขาและสายวารี
ส่วนผู้โชคดีอย่างซือหยูกับลู่จือยี่นั้นอยู่ข้างหน้าทะเลโลหิตพอดี! ก้อนด้ายโลหิตที่เขาพบเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงหนวดเส้นเดียวที่ยื่นออกมาจากทะเลโลหิต!
ในไม่ถึงเวลาหนึ่งถ้วยชา พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทะเลโลหิตตรงๆ! ที่ทำให้ซือหยูตกใจยิ่งกว่าก็คือเมื่อทำลายหนวดเส้นนั้นไปแล้ว ทะเลโลหิตทั้งหมดก็ได้สนใจมายังเขา มันเร่งความเร็วขึ้นอีก
ซือหยูใจหาย ถ้าเขาจมลงไปในทะเลโลหิต แม้จะมีพลังมหาศาลเพียงใดก็อาจจะไม่พอ!
ลู่จือยี่ที่อยู่ไม่ไกลจากเขาอ้าปากค้าง
“มันเติบโตจนแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้วรึ…?”
แสงสีม่วงฉาบดวงตาอันงดงามของนาง ดูเหมือนว่าจะเป็นวิชาเนตรบางอย่างที่ทำให้นางมองเห็นเหล่าทะเลโลหิตที่อยู่ใต้ดินได้
ซือหยูหันกลับบินหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างไม่ลังเล โชคดีที่ทิศทางนั้นคือป่าศิลา!
แต่ทะเลโลหิตนั้นก็เร็วกว่าซือหยูมาก!
พรึ่บ–
กลิ่นหอมหวานพัดเข้ามา เงางดงามปรากฏ ฝ่ามือยกขึ้นคว้าตัวซือหยู ซือหยูตกใจมาก ไหล่ของเขาทั้งสองถูกจับเอาไว้ เขาตกใจและกำลังจะจู่โจม แต่เขาก็ได้ยินเสียงเตือนจากลู่จือยี่
“ถ้าเจ้าไม่อยากจะเป็นสารอาหารของมันก็อยู่นิ่งๆ!”
เมื่อได้ยินที่นางพูดซือหยูก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะลดมือลง เมื่อเขาเหลือบตามองก็พบว่าแก้มใสของนางนั้นแดงระเรื่อ เขายิ้ม ดูเหมือนว่านางจะหยาบคายไม่มีเหตุผลเหมือนกับหวูอู๋ยี่หลานสาวของนาง แต่นางก็ยังคงมีสติ นางรู้จักการตอบแทนบุญคุณ
ซือหยูเรียกลำดับห้าธาตุออกมาและปล่อยใบไม้ทองคำที่อยู่ในผนึก เขาโยนมันให้กับลู่จือยี่ นางรับใบไม้ทองคำกลับไปด้วยสีหน้าประหลาด นางกระซิบเบาๆด้วยความเขินอาย
“ใครบอกให้เจ้าคืนมันให้ข้า?”
ซือหยูหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่ตอบอะไร ลู่จือยี่จ้องมองซือหยูด้วยความเขินอายและหงุดหงิด นางหน้าแดงราวกับหญิงสาวที่ถูกมองทะลุปรุโปร่ง ตั้งแต่ที่บ่มเพาะพลังมาจนถึงตอนนี้ นางผู้ที่ได้รับพรจากพระเจ้ามิเคยได้พบเจอกับสถานการณ์น่าอายเช่นนี้มาก่อน ไม่ต้องพูดถึงการที่ถูกช่วยจากคนที่นางไล่ล่าไม่ลดละ แต่สมบัติของนางเองยังถูกเอาคืนมาอีกด้วย ในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด เรื่องแบบนี้มิอาจเกิดขึ้นได้ แต่ที่นี่คือกระโจมเทพสวรรค์!
“ฮื่ม!”
นางรู้สึกขอบคุณและจ้องมองซือหยูอย่างดุร้ายตามเดิม นางใช้ใบไม้ทองคำที่พลังสูงสุด พื้นที่รอบๆถอยไปหลายพันลี้อีกครั้ง ราวกับว่าตำแหน่งของดวงดาวก็เปลี่ยนไปด้วย
ทะเลโลหิตดูเหมือนจะรู้สึกถึงความประหลาดจากซือหยูและลู่จือยี่ มันร้องคำรามออกมา จากนั้นทะเลโลหิตก็พวยพุ่งขึ้น ฝ่ามือใหญ่ร้อยศอกถูกสร้างขึ้นมา ฝ่ามือนั้นต่างกับด้ายโลหิตเล็กน้อย มันเปล่งแสงสีเงิน
วาบ–
ฝ่ามือยักษ์หายไปจากกลางอากาศ!
มันปรากฏตัวอีกครั้งและอยู่ห่างจากซือหยูและลู่จือยี่หมื่นลี้
ลู่จือยี่ขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากด้านหลัง
“มันเร็วมาก!”
นางอัดพลังชีวิตลงในใบไม้ทองคำมากยิ่งกว่าเดิม พื้นที่รอบเท้าเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
มันเกิดขึ้นสามครั้ง ในสิบลมหายใจ พวกเขาเดินทางหนีมาล้านลี้ พวกเขากลับมาที่ป่าศิลาได้สำเร็จ
ในตอนนั้น โจวฉีหมิงกับอีกสองคนรออยู่ที่เวทยักย้ายด้วยความจำนน พวกเขาไม่กล้าจะหนีไปได้
เมื่อเห็นว่าซือหยูโดนจับ พวกเขาก็ตกใจมาก พวกเขาคิดว่าซือหยูต้องโดนจับ แต่ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานเช่นนี้
เมื่อถึงพื้น ลู่จือยี่มองเวทยักย้ายและรีบพูด
“ต้องมีโลหิตอีกเท่าใด?”
โจวฉีหมิงตอบ
“เรายังขาดโลหิตของกึ่งภูติหนึ่งคน จากนั้นมันจะใช้งานได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น กึ่งภูติทั้งสามหวาดกลัวและเป็นกังวลไปตามๆกัน ทั้งสามคือกึ่งภูติที่เหลืออยู่เท่านั้น!
แต่ลู่จือยี่ก็เดินไปที่เวทยักย้ายและกัดปลายดัชนี โลหิตหนึ่งหยดหยดลงไปในเวทัยกย้าย โลหิตของนางมีพลังวิญญาณที่เข้มข้นอย่างมาก
พลังวิญญาณแผ่ออกมาจากโลหิตหยดนั้นราวกับว่าเป็นโลหิตที่มีชีวิตด้วยตัวเอง เมื่อมันตกลงสู่เวทยักย้ายก็มีเสียงดังขึ้น เวทปล่อยแสงโลหิตออกมา มันถูกใช้งานแล้ว!
ซือหยูตกใจมาก โลหิตเพียงหยดเดียวจากจ้าวเทวะก็เทียบเท่ากับโลหิตทั้งร่างของยอดฝีมือในขอบเขตภูติ! ไม่แปลกเลยถ้านางจะเหนือว่ากึ่งภูติสามคนโดยที่ไม่ใช้ฐานพลังที่แท้จริง!
นางน่ากลัวจนเกินกว่าจะคาดคิดได้
“เวทอีกด้านถูกทำลาย เวทยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งถ้วยชากว่าจะทำงานเต็มที่”
โจวฉีหมิงพูดอย่างสบายใจ
ครึ่งถ้วยชารึ? ลู่จือยี่กับซือหยูขมวดคิ้ว ฝ่ามือโลหิตยักษ์นั่นกำลังจะตามทันพวกเขาอยู่แล้ว!