The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 422
“วิหารภูติ ออกมา!”
เฮ่ยลั่วตะโกน เพลิงทมิฬแผดเผาอกของเขาจนกลายเป็นรอยสักอสูร
รอยสักนั้นมีพลังภูติเอ่อล้นออกมา กรงเล็บมรกตโผล่ออกมาจากอกของเขา
มันพุ่งเข้าซัดซัวหลี่ด้วยความเร็วที่มิอาจมองได้ด้วยตามนุษย์!
ซัวหลี่ใส่พลังวิญญาณลงในคทา คทาเปล่งแสงราวกับตะวันยามบ่าย พลังภูติทั้งหมดในระยะร้อยศอกสลายไป
แกร๊ง–
แม้กรงเล็บภูติจะขนาดเล็กลงจากพลังอรหันต์ กรงเล็บนั้นก็ฉีกม่านวารีและไปคว้าคทาเอาไว้ได้ คทาหักเพราะกรงเล็บนั้น
ซัวหลี่โยนคทาที่พังทิ้งไปและรีบวางผนึกในร่าง ชั้นชุดเกราะก่อตัวขึ้นจากผนึกที่ปกคลุมผิวร่าง
แกร๊ง–
กรงเล็บปะทะกับชุดเกราะแต่กรงเล็บนั้นก็แข็งแกร่ง แม้กรงเล็บจะพังทลายจากแรงกระแทกในทันที มันก็ยังไม่ถูกชุดเกราะทำลายไปเสียทั้งหมด มันยังพุ่งทะลวงไปถึงอกของซัวหลีร่!
ร่างของซัวหลี่สั่นระริก สิ่งที่เขามองเขามืดหม่นลง เขาล้มลงและร่วงไปยังพื้นดิน
ซือหยูขนลุก ต่อหน้าพลังของอสุรา แม้แต่ซัวหลี่ที่มีสมบัติทรงพลังมากมายก็ไม่รอดพ้นชะตาเดียวกับคนที่เหลือ
ซือหยูตกอยู่ในสถานการณ์หนักอึ้ง ถ้าเขาไม่ใช้พลังสูงส่งกับเฮ่ยลั่ว เขาจะต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน!
เซี่ยจิงหยูซ่อนสีหน้าเอาไว้ แต่พลังอันน่ากลัวก็ก่อตัวล้อมกายนางราวกับว่านางกำลังจะใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง
ผีเสื้อยักษ์ที่เกิดจากการก่อตัวของวารีปรากฏที่เหนือศีรษะของนาง รายละเอียดของมันชัดเจนราวกับผีเสื้อของจริง
ซือหยูสร้างร่างเทียมเพลิงที่ข้างหลัง ด้วยพลังชีวิตของจางตี๋เก้อ ร่างเทียมในตอนนี้มีรูปลักษณ์ที่สมจริงขึ้น มันแทบจะใกล้เคียงกับซือหยูตัวจริง แต่มันก็ไม่ปล่อยพลังใดออกมา มันดูเหมือนกับร่างเทียมที่เกิดร่างพลังวิญญาณทั่วไป
ขณะที่เฮ่ยลั่วเฉือนร่างของซัวหลี่ ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูก็โจมตีไปพร้อมกัน เมื่อมันรับรู้ถึงการโจมตีที่ใกล้เข้ามา มันก็มีเพียงเวลาให้ดึงหอกกลับมาป้องกันตัวเองเท่านั้น
ซือหยูกับร่างเทียมรวมพลังกัน ทั้งสองกำหมัดแน่นพร้อมกับสร้างพลังมหาศาล สมุนไพรเทพที่อยู่ตรงจุดกำเนิดพลังในวิญญาณเปล่งประกายอย่างเยือกเย็น
ตู้ม—
พลังน้ำแข็งซัดเข้าใส่หอก จากนั้นชั้นน้ำแข็งก็ก่อตัวบนหอกตามด้วยร่างของเฮ่ยลั่วที่เริ่มถูกแช่แข็ง อสุราตกใจมาก
“บ่มเพาะวิชาน้ำแข็งมาจนถึงขีดสุดเช่นนี้…”
“แม้จะยังไม่ใช้ต้นกำเนิด! เป็นไปได้ยังไง…?”
เฮ่ยลั่วกำหมัดสะบั้นน้ำแข็งบนตัวและใช้พลังอสูรขับน้ำแข็งออกจากร่าง แต่ในตอนนั้นผีเสื้อวารีของเซี่ยจิงหยูก็มาถึง
ผีเสื้อวารีสะบัดปีก โลหิตหลั่งไหลออกมาจากรูขุมขนของเฮ่ยลั่ว หากมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นโลหิตหลายสายที่พุ่งเข้าหาผีเสื้อ ผีเสื้อนั้นกลืนกิดโลหิตเปลี่ยนปีกให้กลายเป็นสีแดงชาดในพริบตา
หัวใจเฮ่ยลั่วเต้นแรง เขาพยายามจะควบคุมโลหิตของตัวเองแต่โลหิตของเขาเองนั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมเลย! โลหิตสองในสิบส่วนถูกดูดออกไปจากรจ่างของเขา
“วิชาวารีระดับสูงสุด!”
เฮ่ยลั่วตะโกน
“เป็นไปไม่ได้!”
คลื่นพลังเอาโลหิตของเขาไป และนี่คือครั้งแรกที่มันได้รู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา สายตาของมันดุร้าย
“เจ้าบังคับข้าให้ทำอย่างนี้เองนะ!”
ปั้ง—
เฮ่ยลั่วออกแรงจากมือทั้งสองข้างและหักหอกเป็นสองท่อน เกล็ดทมิฬหล่นลงมาจากหอก
“เกล็ดมังกรอสูร!”
จางตี๋เก้ออุทาน
“เจ้าแอบต่อรองกับมังกรอสูรลับหลังข้าเรอะ? เจ้าสมควรตาย!”
เฮ่ยลั่วไม่สนใจนาง เขาสะบั้นเกล็ดเป็นเสี่ยงๆ หมอกทมิฬหนาปกคลุมรองข้าง มังกรตัวเล็กที่ขนาดเท่าฝ่ามือของเฮ่ยลั่วก่อตัวขึ้นจากหมอก มันดูตัวเล็กน่ารักแต่ก็ปล่อยพลังอันน่ากลัวออกมา! พลังมันใกล้เคียงกับขอบเขตภูติ!
“สุดท้ายเจ้าก็ต้องใช้ข้า…”
มังกรน้อยพูด
“ต่อรองสำเร็จ! โจมตีแทนเจ้าหนึ่งครั้ง…แลกกับแก่นโลหิตของเจ้าสามส่วน”
มังกรอสูรตัวน้อยกัดข้อมือเฮ่ยลั่วเพื่อดูดซับแก่นโลหิต!
จางตี๋เก้อขมวดคิ้ว
“เจ้าสองคนรับพลังของมังกรอสูรไม่ได้หรอก!”
ทั้งสองคนจะอยู่ในระดับกึ่งเทพหากร่วมมือกัน ทำให้จางตี๋เก้อมีหวังอยู่บ้าง แต่การปรากฏตัวของมังกรอสูรทำให้นางโศกเศร้า
“หนี! หนีเร็ว!”
ยี่หยูกับซือหยูรับฟังคำสั่ง ทั้งคู่หันเตรียมจะหนีแต่อสุราก็ส่ายหน้า
“สายไปแล้วถ้าจะหนีตอนนี้!”
มังกรอสูรดูดแก่นโลหิตไปมากพอและคำรามออกมา เสียงของมันเต็มไปด้วยพลังอสูร ผีเสื้อวารีหายไปในทันที เฮ่ยลั่วหลุดออกจากการดูดพลัง
มังกรอสูรเปล่งแสงทมิฬ มันไปถึงด้านพลังของเซี่ยจิงหยูในพริบตา! กรงเล็บสีดำไม่สนใจการป้องกันของนาง มันฉีกม่านวารีอย่างง่ายดายและตรงเข้าไปที่แผ่นหลัง
เอื้อก–
เซี่ยจิงหยูเบิกตากว้าง โลหิตไหลออกมาจากปาก นางล้มลงไปด้านหน้าและหมดสติไปจากแรงกระแทก
ซือหยูตกใจที่การโจมตีธรรมดาส่งผลอันน่ากลัวเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีเวลาให้เขาต้องห่วงเรื่องนี้เพราะมังกรอสูรหันมามองเขาแล้ว มันเปล่งแสงทมิฬอีกครั้ง!
ซือหยูใช้ปีกตระกูลหวังและห่างออกไปในพริบตาถึงพันศอก
ครืน—
มังกรอสูรมาถึงตัวเขาในทันที กรงเล็บของมันซัดใส่เขา! มันฉีกกระชากมิติออกไป! นี่เป็นการโจมตีที่เกิดจากขอบเขตภูติเท่านั้น!
ซือหยูขนลุกซู่
มังกรอสูรหัวเราะอย่างเยือกเย็น มันหันหน้ามองซือหยูอย่างไร้อารมณ์อีกครั้ง ดวงตาดำสนิทของมันทำให้ซือหยูเย็นยะเยือก
ซือหยูเหลือบมองเซี่ยจิงหยูที่หมดสติ เขายกมือขึ้นรวบรวมพลังวิญญาณในระยะสามร้อยลี้เหนือศีรษะก่อตัวเป็นอักษรคำว่า “หลิน!”
จิตสังหารจากคนทั้งกองทัพรวบรวมอยู่ในคำคำเดียว
เฮ่ยลั่วสีหน้าเคร่งเครียด
“นั่นมัน…วิชาระดับตำนาน!”
มังกรอสูรตัวแข็งทื่อ ดวงตาดำสนิทนั้นแสดงความประหลาดใจ
จางตี๋เก้อที่ติดอยู่ในมังกรสายฟ้าราวกับได้เห็นคนแปลกหน้า
“เจ้าครอบครองวิชาระดับตำนานงั้นรึ…เป็นไปไม่ได้!”
“หลิน!”
ซือหยูคำราม
อักษรซัดเข้าใส่ทั้งมังกรอสูรและอสุรา
อักษรระเบิดออกเป็นคลื่นเสียงและสายลมเชี่ยวกราก เมฆาโดยรอบแหวกทางให้กับคลื่นเสี่ยง พื้นดินก่อตัวเป็นหลุมลึก พลังทำลายล้างบดขยี้ทุกสิ่งที่สัมผัส
ผ่านไปครู่หนึ่งก่อนที่ฝุ่นควันจะสลายไป ใบหน้าของเฮ่ยลั่วบวมช้ำ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นเพื่อป้องกันลำตัวเอาไว้ แต่ผิวของมันนั้นเต็มไปด้วยโลหิต บาดแผลบางจุดลึกจนมองเห็นกระดูก แม้แต่มังกรอสูรก็ต้องพยายามรักษารูปลักษณ์เอาไว้ แสงทมิฬของมันหม่นลง
“ทำให้ข้าบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้…”
เฮ่ยลั่วโกรธแค้น ในตอนนี้เขาชิงชังจนถึงขีดสุด
“ไอ้เด็กบัดซบ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
“หึหึ!”
มังกรอสูรตัวน้อยหัวเราะ
“วิชาระดับตำนาน คนที่รู้จักวิชาตำนานในโลกว่างเปล่าไม่น่าจะมีอยู่จริง แต่ถ้ามันไม่ได้อยู่ในขั้นเริ่มต้น ข้าก็อาจจะไม่ต้องระวังเจ้ามากนัก!”
ซือหยูใจหาย หลิน นั้นมีพลังใกล้เคียงกับกึ่งเทพอย่างมาก แต่ก็มิอาจทำให้ศัตรูถึงตายได้
แต่สายตาเขาก็เปล่งประกาย มังกรอสูรตกใจกับอันตรายที่จู่ๆก็ปรากฏตัว ร่างเพลิงมาอยู่ที่ด้านหลังของมัน
ร่างเทียมของซือหยูคว้ามังกรอสูรไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง! เพลิงรุนแรงก่อตัวขึ้นในมือเผามังกรอสูร
“อ๊ากก! ไอ้เด็กบ้า! บังอาจ…!”
มังกรอสูรคำราม มันขัดขืนด้วยพลังทั้งหมดเพื่อที่จะสลัดให้หลุดจากมือของร่างเทียม
เพลิงมีพลังที่จะข่มพลังอสูร และแสงทมิฬบนตัวมังกรก็เริ่มหายไป มันกำลังถูกเผา!
ซือหยูไม่รีรอ นี่คือโอกาสของเขา
“ดัชนีพันสายฟ้า!”
เขาเรียกวงแหวนสายฟ้าทั้งสามออกมาและซัดใส่มังกรอสูร วงแหวนสายฟ้าพันธนาการร่างของมังกรอสูรเอาไว้อย่างแน่นหนา
พลังสายฟ้าทำให้มังกรกรีดร้องด้วยความเข็บปวด พลังของมันกระจายออกไป สุดท้ายมันก็กลับไปเป็นเกล็ดทมิฬเช่นเดิม
ร่างเทียมหยิบเกล็ดขึ้นมาและพุ่งไปที่ข้างซือหยู
ทั้งหมดเกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีแต่รู้สึกราวกับเป็นนิรันดร์ มังกรอสูรที่ดูไร้เทียมทานถูกไล่ออกไปแล้ว
แน่นอนว่าส่วนใหญ่นั้นเกิดจากพลังของซือหยูที่ได้เปรียบพลังอสูรโดยธรรมชาติ ถ้าหากเขาได้เจอกับกึ่งเทพของจริง ทางเลือกเดียวที่เขาเหลือก็คงมีแต่การหลบหนี
เฮ่ยลั่วหายใจแรง เขาเบิกตากว้าง เวลาครึ่งก้านธูปกำลังจะหมดลงแล้ว
ในตอนนั้น เล่ยมู่ได้ควบคุมกระบี่สายฟ้าได้สำเร็จอีกครั้ง รังสีกระบี่พุ่งสู่นภา
“ฮ่าๆๆ! ภูติสวรรค์! สุดท้ายข้าก็ชนะ!”
เล่ยมู่ตะโกนเสียงดัง เขาหัวเราะอย่างชั่วร้ายและวางมือลงบนกระบี่สายฟ้า
เฮ่ยลั่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาบาดเจ็บและแก่นโลหิตสามส่วนก็ถูกมังกรอสูรเอาไป และยังมีโลหิตสองส่วนที่ถูกผีเสื้อวารีกลืนกินไปอีก เขาอ่อนแออย่างมาก ในตอนนี้เขาเอาชนะราชามนุษย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้ายังต้องสู้ต่อ เขาคงถูกมนุษย์ฆ่าตาย
จางตี๋เก้อตาเป็นประกาย นางกัดฟันและมองซือหยู
“มานี่!”
ซือหยูบินไปหานางอย่างไร้อารมณ์ต่อหน้ามังกรสายฟ้า
“ถ้ามาถึงขั้นนี้ เราก็ได้แต่เดิมพันครั้งสุดท้าย…”
“โชคดีนักที่เจ้ามีสายเลือดปีศาจ แต่…”
จางตี๋เก้อรู้สึกถึงความลักลั่น แต่เมื่อได้เห็นกระบี่สายฟ้า นางก็ทำได้แค่ยอมรับชะตา
“ข้าจะมอบตำราลับร้อยภูติให้กับเจ้า ด้วยตำรานี้ เจ้าจะเอาฐานพลังของข้าไปได้ช่วงหนึ่ง มันจะทำให้เจ้าได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ!”
ฐานพลังถูกยืมได้ด้วยรึ? ซือหยูยืนคิด แม้แต่ขอบเขตภูติน่ะรึ?
ซือหยูพยายามสุดฝีมือเพื่อที่จะเก็บซ่อนความคิดและการแสดงสีหน้าเอาไว้