The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 411
ซือหยูไม่ใส่ใจนัก
“ก็ตอนที่เจ้าเตรียมวิชาลวงตาน่ะสิ!”
ในตอนนั้นรากษสสนใจอยู่กับการรับมือกับอีกสามคน เมื่อซือหยูฟื้นตัวจากวิชาลวงตาเขาก็แอบสร้างร่างเทียมอย่างรวดเร็ว ร่างเทียมของเขามีเพลิงบาดาลอยู่ด้วยและแอบเข้ามาอย่างลับๆ
ตอนนี้ซือหยูทำสำเร็จแล้ว มันกรีดร้องก่อนที่จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ตู้ม—
ซือหยูเดินไปในจุดที่มันถูกเผา เขาโบกมือสะบัดเถ้าถ่านกระจัดกระจายเผยให้เห็นแก้วทมิฬขนาดเท่าไข่ไก่
“แก้วทมิฬรึ?
ซือหยูตกใจ
เช่นเดียวกับจุดกำเนิดพลังของมนุษย์ที่ทำให้รวบรวมพลังวิญญาณ ภูติผีเองก็มีสิ่งที่ทำหน้าที่แบบเดียวกัน นั่นคือแก้วทมิฬ
แก้วทมิฬนี้มีพลังที่ภูติผีรวบรวมมาจากการฝึกฝนพลัง ภายในนั้นมีสีดำสนิท หรือว่ามันเป็น…ลมหายใจมังกรอสูร?
ซือหยูสังเกตแก้วทมิฬอย่างละเอียดและพบว่ารังสีพลังของมันนั้นเป็นแบบเดียวกับผลก้นบึ้งมังกร เว้นแต่ว่ามังแข็งแกร่งกว่าห้าเท่า!
แก้วทมิฬนั้นเทียบได้กับผลก้นบึ้งมังกรห้าลูก! และซือหยูยังรับรู้ได้ถึงพลังของดวงวิญญาณบริสุทธิ์อ่อนๆที่อยู่ภายในแก้วทมิฬ
ภูติผีเกิดจากพลังจิตวิญญาณที่สวมตัวกับพลังอสูรจากภายนอก แต่เพราะบางส่วนนั้นพิเศษ มันจึงมิอาจไปปะปนอยู่กับผนึกในแก้วทมิฬได้ ส่วนของพลังจิตวิญญาณนั้นได้เสียผู้ครอบครองไป มันไม่ได้ปะปนอยู่กับพลังอสูร ดังนั้นมันจึงเป็นส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดของวิญญาณ
ถ้าวิญญาณใช้ทำโอสถได้ก็จะทำให้วิญญาณของซือหยูแข็งแกร่งขึ้นไปอีก โอรสสวรรค์จ้องนภาของเขายังคงติดอยู่ในระดับหนึ่งขั้นกลาง แก้วทมิฬนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้บรรลุพลังอีกขั้น น่าเสียดายที่เขามีมันอยู่ไม่มาก
******
ในก้นบึ้งหวงห้าม ที่ตำหนักโบราณที่มีการป้องกันแน่นหนา
ชายชุดดำสองคนยืนอยู่ด้วยกันเป็นแถว คนข้างหน้านั้นตาบอดที่ข้างซ้าย แผลเป็นยาวประทับอยู่บนใบหน้าเสียครึ่งส่วน
ส่วนชายข้างหลัง ศีรษะของเขาเสียหายไปหลายส่วนราวกับถูกบางสิ่งกัดแทะกินไปนาน โชคดีที่เขารอดมาได้
ทั้งสองมองอยู่ที่ด้านหนึ่งของสระวิญญาณ สระนั้นสะท้อนภาพซือหยูสังหารภูติผี
“หึหึ…!”
ชายที่มีรอยแผลเป็นหัวเราะ
“เจ้าพวกนี้มาถูกเวลาพอดี พวกนั้นจะมาเป็นโลหิตบูชายัญให้มังกรอสูร มันจะมีทุกครั้งในร้อยปี และมันก็กำลังจะจบลงแล้ว แต่เพราะมันจะจบลง…มันเลยน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม!”
ชายอีกคนพูดอย่างเย็นชา
“ความเป็นตายของคนนอกไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องใส่ใจ มันก็แค่เด็กน้อยที่น่ากลัวอยู่บ้าง! ถ้าข้ามองไม่ผิด เขาน่าจะมีวิชาเคลื่อนไหวกับอัสนีที่ดี เขายังมีพรสวรรค์วิญญาณ นอกนั้นก็มีระดับวิญญาณที่น่าชมเชย ถ้าเขาตายไปทั้งอย่างนั้นก็น่าเวทนานัก”
ชายข้างหน้าพูดเบาๆ
“มันน่าเวทนาตรงไหนกัน? หรือว่าเจ้าเห็นใจคนนอกรึ? ทำไมพวกเขาถึงถูกจองจำอยู่ที่นี่กัน? ไม่ใช่เพราะฝีมือพวกมันเรอะ?”
ชายอีกคนส่ายหน้า
“เห็นใจเรอะ? ข้าจะมีความรู้สึกไร้สาระเช่นนั้นรึ? ข้าก็แค่คิดว่าถ้าเด็กนั่นตายเพราะผีก็คงจะน่าสงสาร ไม่ใช่รึ…?”
ชายของหน้าดูเหมือนจะเข้าใจตรงกันแล้ว
“เจ้าจะพูดแบบนั้นหรอกรึ…?”
ชายอีกคนพยักหน้า
“งั้นก็ไปกันเถอะ…”
“ระวังพวกผีด้วย”
“เจ้ากังวลเกินไปแล้ว…”
“ถ้าไม่ใช่ภูติสวรรค์ ต่อให้อสุราขาวมา…”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
หลังจากรอให้ชายที่เนื้อหนังหายไปจากไป ชายที่เหลือเพียงตาขวาก็ทำสีหน้าดุร้าย
“ฮื่ม! ถ้าข้าสร้างกระบี่อัสนีเสร็จแล้ว คนอย่างเจ้าจะมีที่ยืนในก้นบึ้งหวงห้ามเรอะ? เจ้าคิดว่าเจ้าควบคุมผีได้แล้วจะมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าข้ารึ? กระบี่อัสนีข้าสำเร็จเมื่อไหร่ล่ะก็ ต่อให้ภูติสวรรค์มามันก็ได้แต่กลายเป็นฝุ่นควันเท่านั้น!”
เขาพูดกับตัวเอง อัสนีทมิฬล้อมรอบกาย
******
ซือหยูออกจากที่ที่มีเถ้าถ่านของรากษสทันที เขาเจอหลุมใต้ต้นไม้เหี่ยวเฉาและซ่อนอยู่ข้างใน
ซือหยูถือเพลิงบาดาลและเรียกร่างเทียมออกมา ดัชนีทั้งห้าดูดเพลิงบาดาลในพริบตาและถูกส่งต่อให้กับร่างเทียม
ฟรึ่บ–
ร่างเทียมสั่นอย่างบ้าคลั่งราวกับจะถูกเผาทั้งเป็น!
“ใช้วิชาระดับตำนาน!”
ร่างเทียมนั่งลงและใช้มือทำท่าทางอันน่าอัศจรรย์
แสงเพลิงประกายล้อมรอบกาย เพลิงบาดาลถูกดูดซึมอย่างช้าๆ สุดท้ายในร่างเทียมก็มีเพลิงสีมรกตสว่างออกมา
“อย่างที่คิดเลย…”
“ถึงเศษตำราระดับตำนานจะไม่บอกว่าทำให้ผู้ใช้กลืนกินเพลิงได้ มันก็ต้องมีจิตวิญญาณของผู้ใช้ที่จะควบคุมเพลิงบนโลก เหมือนกับอรหันต์แปดอักษรที่บัญชาพลังวิญญาณในจักรวาลเพื่อก่อร่างเป็นคลื่นเสียง ถ้าเป็นแบบนี้ การควบคุมเพลิงเพื่อให้ร่างกายแข็งแกร่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ซือหยูโล่งใจและทำให้ร่างเทียมแข็งแกร่งขึ้น
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม แสงกระจ่างสีมรกตปรากฏตรงหน้าซือหยู ร่างของมันกึ่งโปร่งแสง เพลิงนั้นอยู่ภายในร่าง ไม่มีความร้อนใดเล็ดรอดออกมา มันดูต่างจากร่างเทียมธรรมดาๆ
“หึ…”
“วิชานั่นทำให้ร่างเทียมข้าควบคุมเพลิงได้”
ซือหยูลูบคาง เขาพอใจมาก แม้แต่เขาก็มิอาจรู้สึกถึงรังสีเพลิงจากร่างเทียม นี่แตกต่างจากในอดีตที่ร่างเทียมนั้นร้อนผ่าวราวกับเพลิงอย่างสิ้นเชิง
ซือหยูหัวเราะ
“ถ้าเป็นแบบนี้ข้าก็อาจจะลอบโจมตีในเวลาสำคัญได้”
ซือหยูสลายร่างเทียม เขาเตรียมจะออกตามหาคนที่เหลือเพื่อรวมตัวกัน
ด้วยแก้วทมิฬที่ทำให้เขามีผลก้นบึ้งมังกรห้าลูกเต็ม เขาจะให้ผลก้นบึ้งมังกรที่มีกับเซี่ยนเอ๋อได้ นางจะได้หาผลทั้งสิบจนครบ
ส่วนฉิงจูกับยี่หยู ซือหยูไม่คิดจะเสี่ยงไปมากกว่านี้ในการเข้าไปยังก้นบึ้งหวงห้ามเพื่อสองคนนั้น
ตอนที่เจอกับอันตราย ฉิงจูได้แสดงธาตุแท้ออกมา เขาไม่คิดจะช่วยซือหยู หากฉิงจูผิดสัญญาแล้วซือหยูจะเสี่ยงไปทำไมกัน? และแม้ว่าซือหยูจะมองยี่หยูในแง่ดี มันก็ไม่ถึงกับต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อนาง
ซือหยูนั่งลงอีกครั้ง เขาใช้เนตรวิญญาณมองผ่านต้นไม้และเห็นหมอกหนาในไม่กี่ลี้ข้างหน้า
มีร่างหนึ่งเข้ามาข้างหน้า เขาคือหลงเฟยหยู
“นั่นมัน!”
ซือหยูตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหลงเฟยหยูจะตั้งใจมาช่วยเขา ซือหยูอาจจะตายไปแล้วด้วยรากษส นี่เป็นข้ออ้างที่ดีที่เขาจะใช้ได้
ในตอนนั้น สุนัขสีน้ำตาลตัวเล็กอยู่ในมือของหลงเฟยหยู มันตัวไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือของเขาและกำลังดมกลิ่นเห่ามาทางซือหยูตลอดเวลา
หลงเฟยหยูพุ่งตรงไปยังซือหยู
“อย่างที่คิด! ข้ารู้ว่าเจ้าต้องไม่ตายง่ายๆ!”
หลงเฟยหยูรีบเข้ามา
ซือหยูยืนขึ้นช้าๆ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้นานและต้องกลับไปรวมกลุ่มกับคนที่เหลือ
แม้เขาจะไม่กลัวที่จะต้องสู้กับหลงเฟยหยู สถานการณ์ในตอนนี้ก็อันตรายและคาดเดาไม่ได้ ถ้าเขาบาดเจ็บที่นี่ก็ไม่ต่างกับการตาย
แต่เมื่อซือหยูกำลังจะยืนขึ้นก็มีรังสีพลังที่ทำให้เขาตัวสั่น มันมาโดยไร้คำเตือน ซือหยูรีบย่อตัวลงเพื่อเก็บซ่อนพลัง พลังที่เขาสัมผัสได้ในตอนนี้เป็นของกึ่งเทพ!
เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริง มีกึ่งเทพอยู่ในก้นบึ้งมังกร!
ซือหยูเห็นผีที่เป็นรูปลักษณ์มนุษย์ ทั้งร่างของมันปกคลุมด้วยขนสีขาวและมีปีกสีดำที่ด้านหลัง
ใบหน้าของมันสีม่วงน่ากลัว มีเขี้ยวยื่นออกมา สายตามันเปล่งประกายโลหิต มือของมันถือกระบองหนามที่ยาวสิบศอก! มันดูเป็นภัยอย่างมาก
ในตอนนั้นมันหันกลับไปมองข้างหลัง มันมองไปในระยะหกลี้อย่างไม่รู้ตัว…มองมาทางซือหยู
ซือหยูตกใจ เขาหยุดในเนตรวิญญาณอย่างร้อนรน
หรือว่านั่นจะเป็นอสุราขาว? ซือหยูระวังตัวมากขึ้น
ดวงตาโลหิตของมันไม่ลังเล มันละสายตาจากซือหยูและพุ่งตรงไปยังหลงเฟยหยู
โฮ่ง โฮ่ง–
สุนัขตัวเล็กในมือหลงเฟยหยูเห่าด้วยความกลัว
หลงเฟยหยูตกใจ ใบหน้าเขาหม่นหมองลง เขารีบไปที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่
ฟิ้ว–
สายลมรุนแรงพัดผ่าน ร่างยักษ์สูงยี่สิบศอกที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยขนสีขาวทะยานเวหา ปีกของมันแข็งแกร่งทรงพลัง
หลงเฟยหยูอ้าปากค้างด้วยความกลัว กึ่งเทพ!
หลงเฟยหยูทั้งโศกเศร้าและเกลียดชัง เขาหวังจะใช้โอกาสนี้กำจัดซือหยู เขาเสี่ยงอย่างมากกลับมามองหาซือหยู แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับอสุราขาว!
“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว…”
อสุราขาวประกาศ
“ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว”
อสุราขาวก้มหัวหัวเราะ มันแกว่งกระบองหนามลงมา
ครืน ปั้ง–
หินก้อนใหญ่แยกเป็นสองส่วนทันที เผยให้เห็นหลงเฟยหยูที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
“หึหึ!”
อสุราขาวหัวเราะ
“ฐานพลังราชามนุษย์ที่มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ หึหึ ช่างเหมาะสมจะเป็นวัตถุดิบในการบูชายัญโลหิต พลังวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกมนุษย์โสโครกในก้นบึ้ง!”
อสุราขาวยื่นมือไปคว้าตัวหลงเฟยหยู
หลงเฟยหยูตกตะลึงแต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาซัดฝ่ามืออกไปและชักแส้ยาวออกมา เขาสะบัดแส้ด้วยความเร็วสูงล้อมรอบหินก้อนใหญ่จากหลายพันศอกที่ไกลออกไป เขาใช้หินนั้นเป็นหลักในการดึงตัวเองเพื่อหนี และแส้นั้นก็ยังเปลี่ยนเป็นเงาลางๆที่จู่โจมอสุราขาว
เขาทำทุกอย่างในระยะเวลาสั้นๆ แต่อสุราขาวก็ยังคงนิ่งเงียบ มันยิ้มเยาะ กระบองหนามของมันที่หนักไม่ต่ำกว่าหลายพันกิโลเบาราวกับขนนกในมือของมัน การแกว่งกระบอกทำให้ฝ่ามือที่ซัดเข้ามาหายไป และเวลาเดียวกันมันก็คว้าแส้เอาไว้
“สมบัติเทพระดับกลางนี้ยอดเยี่ยมนัก…”
อสุราขาวกล่าวชม
“แต่เจ้าของนั้นน่าเศร้านัก”
มันยิ้มเยาะและดึงแส้
ปั้ง–
หลงเฟยหยูที่หนีไปได้หลายพันศอกถูกดึงกลับมาเร็วยิ่งกว่าตอนที่เขาหนี! เขาถูกดึงพุ่งตรงมายังฝ่ามือของอสุราขาว
“จงเป็นเครื่องบูชายัญโลหิตซะ…”
มันพูดและทุบให้หลงเฟยหยูสลบ
อสุราขาวมองมาทางซือหยูอีกครั้ง มันลังเลและบินไปยังต้นไม้แห้งเหี่ยวที่ซือหยูซ่อนตัว
อสุราขาวจ้องมองต้นไม้แก่ จากนั้นมันจึงดีดนิ้ว ต้นไม้ระเบิดหายไป
พลังอบอุ่นยังอยู่ในต้นไม้นั้น
“ความรู้สึกนั่น…”
“ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ภาพลวง!”
“ช่างเถอะ จะเป็นใครก็หนีไปจากก้นบึ้งมังกรเก้านรกนี้ไปไม่ได้หรอก”
พรึ่บข-
มันสะบัดปีกและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ผ่านไปนาน ผืนดินใต้ต้นไม้ขยับ ศีรษะหนึ่งโผล่ขึ้นมาบนพื้นดิน
หลังจากที่ใช้เนตรวิญญาณมองรอบๆแล้วเขาก็โล่งใจขึ้น
อะไรคือการบูชายัญโลหิตกัน? ซือหยูสงัสย แล้วคนอื่นเล่า? พวกเขามามากกว่าหนึ่งคนหรือไม่?
ซือหยูใจหาย แล้วถ้าหากเซี่ยนเอ๋อกับคนที่เหลือได้เจอกับอสุราขาวเหมือนกันล่ะ?
โฮ่ง โฮ่ง–
เสียงเห่าเบาๆดังมาจากเท้าของซือหยู มันคือสุนัขวิญญาณที่หลงเฟยหยูทิ้งเอาไว้เมื่อถูกจับตัว ซือหยูรีบเก็บสุนัขวิญญาณเอาไว้และกลับไปยังซากศิลาในพริบตา
ที่ซากศิลา
ฉิงจูหน้าซีดเผือด เขากำลังหนีโดยแบกเซี่ยจิงหยูและฉินเซี่ยนเอ๋อ ข้างหลังเขาคืออสุราขาวหน้าดำที่ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ ในมือของมันถือหอกที่มีจิตสังหารมหาศาล