The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 305
“เจ้าตำหนักหยินหยู ทำไมไม่พาข้าไปด้วยเล่า? เจ้าอยากจะได้ความดีความชอบจากเจ้าตำหนักรองมิใช่รึ? ข้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”
ตู่หลงที่ถูกซือหยูพาตัวมาหัวเราะเยาะตนเอง
ซือหยูมองแขนขวาของเขาที่หายไป
“ข้าพาเจ้ามาเพราะมีเหตุผล เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
ตู่หลงประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างโดดเดี่ยว
“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากจะขอให้ท่านเจ้าตำหนักหยินหยูไปที่ป่าทมิฬเพื่อพบคนคนหนึ่งแทนข้า”
ป่าทมิฬงั้นรึ? ซือหยูไม่ตอบ
“เดิมที ถ้าข้าไม่มายุ่งน้องสองก็จะได้ไป แต่ท่านก็เจอโจรสลัดกลุ่มพวกข้ามาก่อนใช่หรือไม่ เขาคงจะตายด้วยมือท่านไปแล้วสินะ?”
ตู่หลงนั้นใจเย็นและแววตาไร้ซึ่งความเกลียดชัง
เขารู้ว่าโจรสลัดวารีทมิฬได้สร้างความทุกข์ทรมานมากมายในเขตหยินหยู
เป็นธรรมดาที่ซือหยูต้องกำจัดโจรสลัดวารีทมิฬ
“ถ้าข้าตาย ข้าหวังว่าท่านเจ้าตำหนักจะนำเถ้ากระดูกข้าไปให้ตระกูลตู่ในเมืองอันยี่แห่งป่าทมิฬ บอกพวกเขาว่าเป็นตู่หลงผู้ไม่คู่ควรผู้นี้ที่ทำให้ตระกูลตู่ผิดหวัง”
ตู่หลงอาลัย
“ข้าจะเขียนจดหมายให้พวกเขาให้ท่านใช้สระหมื่นพล”
เจ้าตำหนักอังฟางที่อยู่ใกล้ๆตกใจ นางพูดด้วยความตกตะลึง
“สระหมื่นพลแห่งอันยี่รึ? เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับตระกูลตู่รึ?”
เจ้าตำหนักอังฟางรู้จักตระกูลของตู่หลง!
แม้ว่าโจวลั่วฉิงจะมาจากตำหนักหลักก็ชักสีหน้า นางพูดด้วยความตกใจ
“หรือว่าเจ้าจะเป็นคนตระกูลตู่ที่มาจากเมืองอันยี่? เป็นไปไม่ได้ ถ้าเจ้าเป็นคนตระกูลตู่ เจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เอ๋? ตระกูลตู่ในป่าทมิฬมีชื่อเช่นนั้นเชียวรึ?
ตู่หลงหัวเราะเยาะตัวเอง
“ข้าเป็นแค่ลูกหลานที่ไม่คู่ควร ข้าละอายนักที่จะนับว่าเป็นคนตระกูลตู่”
ซือหยูมองโจวลั่วฉิง
“ตระกูลตู่เป็นส่วนของป่าทมิฬงั้นรึ?”
ถ้านางจำไม่ผิด ป่าทมิฬนั้นอยู่ที่ชายแดนตอนเหนือและตะวันออก ดินแดนกว้างใหญ่ทอดยาวหลายหมื่นลี้
เมืองอันยี่อยู่ที่ทวีปทางตอนเหนือ
มันถูกควบคุมโดยสามขุมกำลังทางตอนเหนือ หอสดับหิมะ พันธมิตรร้อยดินแดน และคณะวิหคเพลิง
นั่นเกี่ยวข้องกับตระกูลตู่งั้นรึ?
โจวลั่วฉิงไม่กล้าที่จะลังเล
“แปดสกุลแห่งจักรวาล ฉิน ชี่ หมิง ยี่ กุย ตู่ หวัง ลี่! แปดสกุลนี้คือสกุลที่เก่าแก่ทที่สุดตั้งแต่โลกได้ถือกำเนิด”
“เหมือนกับอาณาจักรทมิฬ พวกเขามีตัวตนมานานมากแล้ว! ตระกูลตู่คือหนึ่งในแปดตระกูลที่เร้นกายอยู่ในเมืองอันยี่มานาน”
“ข้าเคยได้ยินจ้าวไป่ลั่วพูดว่าถ้าเขาได้ครอบครองตระกูลตู่ เขาจะได้ครอบครองโลก! เหตุก็เพราะสระหมื่นพลของตระกูลตู่! มีคนบอกว่าสระหมื่นพลคือสุสานของเหล่าสมบัติเทพ สมบัติเทพนับไม่ถ้วนรวมถึงสมบัติเทพที่เสียหายอยู่ในสระนั้น!”
“แต่เดิมสระหมื่นพลมิได้พิเศษนัก แต่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ตระกูลตู่จากรุ่นสู่รุ่นได้ใช้โลหิตพิเศษในการชำระล้างสระหมื่นพล นั่นทำให้สระหมื่นพลเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สมบัติเทพที่ถูกทำลายในสระหมื่นพลได้หลอมรวมกับโลหิตของคนตระกูลตู่ทำให้เกิดวารีวิญญาณประหลาดที่ทำให้สมบัติเทพได้เป็นเหมือนใหม่!”
สร้างสมบัติเทพขึ้นใหม่งั้นรึ?
ซือหยูใจเต้นแรง
นั่นหมายความว่าถ้าเขาได้สมบัติเทพของคนอื่น เขาจะลบล้างผู้ครอบครองเดิมและบังคับให้มันยอมรับเขาเป็นเจ้าของได้!
ไหมเทพน้ำแข็งที่เดินทางร่วมกับซือหยูมาโดยตลอดนั้นไม่ได้นับว่าซือหยูเป็นเจ้าของแม้แต่น้อย เหตุผลก็เพราะว่าเจ้าของของมันคือราชันย์แห่งอาณาจักรเทพน้ำแข็ง ไหมเทพน้ำแข็งนั้นมีเจ้าของมานานแล้ว ซือหยูจึงทำได้เพียงบังคับใช้วิชาที่บ่มเพาะทำให้ไหมเทพน้ำแข็งฝืนแสดงพลังออกมา แต่เขาก็ทำได้เพียงใช้พลังสามในสิบส่วนของมัน
ถ้าเขาได้เข้าไปยังสระหมื่นพลเร็วกว่านี้ ไหมเทพน้ำแข็งคงยอมรับเขาเป็นนายไปนานแล้ว แต่มันก็ถูกทำลายไปแล้วโดยสมบูรณ์
ในตอนแรก หัวหน้าองครักษ์ทำลายมันไปมากกว่าครึ่ง และยังหัวหน้าโจรสลัดวารีทมิฬที่สะบั้นมันจนหมดสิ้น
แต่ถ้าเขาได้สมบัติเทพจากสระวิญญาณประหลาดนั่น สมบัติเทพก็จะยอมรับเขาเป็นนาย! ยากที่จะเชื่อว่ามีเรื่องที่ขัดต่อบัญชาสวรรค์เช่นนี้อยู่บนโลก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจ้าวไป่ลั่วจึงพูดว่าถ้าเขาได้ครอบครองตระกูลตู่ เขาก็จะได้ครองโลก!
ตระกูลเก่าแก่ที่เกิดขึ้นมานานพอๆกับอาณาจักรทมิฬนั้นน่ากลัวยิ่งนัก!
ถ้าซือหยูมีโอกาส เขาอยากจะได้พบเจอมันด้วยตัวเอง
“ย่อมได้ ข้าสัญญา”
ซือหยูพยักหน้าเบาๆ
ตู่หลงยิ้ม
“ขอบคุณท่านมาก”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองวันผ่านไปในพริบตา
ซือหยูกับสตรีสามคนมาถึงศูนย์กลางของตำหนักรอง…ตำหนักหลิงเสี่ยว!
ตำหนักอันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่บนเขาสูงแปดหมื่นศอก
องครักษ์ชุดเงินและชุดดำมีมากมายในตำหนัก พวกเขาเข้าออกตำหนักเต็มไปหมด
ที่นี่คือที่มั่นสำคัญของตำหนักรองแห่งอาณาจักรทมิฬในทวีปตอนเหนือ
หลิงเสี่ยวเทียนทำหน้าที่ปกครองและบัญชาทุกคนในทวีปของอาณาจักร
องครักษ์ชุดเงินและชุดดำหลายหมื่นคนกระจายไปทั่วทุกส่วนของทวีป พวกเขาทำหน้าที่ตามคำสั่งทุกรูปแบบ
เฟ้นหายอดฝีมือ รวบรวมข่าวสาร มองหาต้นธาตุจักรวาล โอสถ วิชาบ่มเพาะ และอื่นๆ
คลื่นองครักษ์หน้าซือยหูนั้นเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ตำหนักรองที่แท้จริงไม่เคยเผยออกมาให้เห็น
“บอกนามเจ้ามา!”
เสียงตะโกนดังมาจากหมู่เมฆา
กลุ่มองครักษ์ชุดดำเข้ามาขวางพวกเขา
ซือหยูหยิบตราเจ้าตำหนักหยินหยูเพื่อยืนยันตัวตน
“รองเจ้าตำหนักหยินหยู! เจ้าตำหนักสั่งว่าให้พาไปที่ห้องฉิงเฟิงเมื่อท่านมา”
องครักษ์ชุดดำใบหน้าผ่อนคลาย
รองเจ้าตำหนักลำดับสิบที่ร่ำลือ หยินหยู!
“ท่านเจ้าตำหนักโปรดตามพวกข้ามา!”
ห้องฉิงเฟิงคือหนึ่งในสี่ห้องใหญ่ของตำหนักหลิงเสี่ยว
มันเงียบ งดงามและสะดวกสบาย จะเปิดให้เฉพาะแขกพิเศษเท่านั้น
ตามปกติแม้แต่รองเจ้าตำหนักก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องฉิงเฟิง
เจ้าตำหนักอังฟางตกตะลึง เจ้าตำหนักหลิงที่นับถือซือหยูเช่นนี้เหนือกว่าที่นางคิดไว้ เจ้าตำหนักหลิงเปิดห้องฉิงเฟิงเพื่อแสดงว่าเขากำลังหนุนหลังซือหยู
พวกเขานั่งรออยู่ชั่วครู่
ฟึ่บ–
ฟึ่บ–
เสียงดังทำลายความเงียบ
เป็นหลิงเสี่ยวเทียนผู้รูปงามและดูกระฉับกระเฉง…และผู้ตรวจการไป่ฮี!
เมื่อซือหยูมองผู้ตรวจการไป่ฮี ดวงตาก็เปล่งประกายความเยือกเย็น
วันนั้นในเมืองพันธมิตร…เป็นผู้ตรวจการไป่ฮีที่ดึงดันจะสังหารซือหยูอย่างไร้เหตุผล
ซือหยูไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกครั้ง!
แต่จ้าวไป่ลั่วก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
“ข้ารับคำสั่งจากจ้าวไป่ลั่วให้มาสืบสวนเรื่องการตายของรองเจ้าตำหนักซางเจี้ยน!”
เขามองซือหยูด้วยสายตาคมกริบ
ส่วนหลิงเสี่ยวเทียนนั้นท่าทางผ่อนคลาย
“หยินหยู นั่งลงก่อนเถอะ”
และเขาก็มองดูซือหยูด้วยรอยยิ้ม ทีแรกเขาเพียงแค่มองผ่านเท่านั้น แต่เขาก็จริงจังและหัวเราะเสียงดัง
“เอ๋? อำมฤตระดับหนึ่งขั้นสูงรึ? แค่เดือนเดียวเจ้าก็ทะลวงพลังเช่นนี้ มหัศจรรย์ยิ่งนัก!”
ก่อนที่ซือหยูจะเข้าร่วมอาณาจักรทมิฬ เขาเป็นแค่มังกรระดับห้าขั้นสูงเท่านั้น
แต่เขาตอนนี้เป็นถึงอำมฤตระดับหนึ่งขั้นสูง!
การเติบโตของซือหยูนั้นเกินความคาดหวังของหลิงเสี่ยวเทียนไปมาก
แม้แต่โอสถชะตาวิญญาณก็ไม่มีผลอย่างที่หลิงเสี่ยวเทียนได้เห็นตรงหน้า
“ข้ายินดีนักที่ท่านเจ้าตำหนักชุบเลี้ยงข้า”
ซือหยูประสานหมัดด้วยรอยยิ้มตอบ
หลิงเสี่ยวเทียนหัวเราะเสียงดังอยู่นาน
“ข้าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ข้าได้หยิบสมบัติมาจริงๆด้วย!”
เมื่อย้อนกลับไป ฮั่นเจียงหลินพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะสังหารซือหยู บุรุษเช่นนี้ถูกเหยียบย่ำอย่างไร้เหตุผลจนทำให้เขาหนีออกจาเมืองพันธมิตร
โชคดีที่หลิงเสี่ยวเทียนมาเจอเข้า เขารับซือหยูและแต่งตั้งให้เป็นเจ้าตำหนักลำดับสิบ!
“ข้าคิดว่าฉีหลานผู้โง่เขลานั่นกำลังจะได้เจอกับศัตรูที่น่ากลัวซะแล้ว”
ฮั่วฉีหลานงั้นรึ? ซือหยูสับสน ฮั่วฉีหลานเป็นแค่มังกรระดับเจ็ดขั้นสูง แต่จากน้ำเสียงหลิงเสี่ยวเทียน…เขาพูดราวกับว่าซือหยูอ่อนแอกว่านาง
“ฮื่ม! เจ้าตำหนักหลิง เริ่มจัดการกับคนทรยศที่สังหารรองเจ้าตำหนักของเราทีเถอะ”
เสียงอันไม่น่ารื่นรมย์ทำลายบรรยากาศอันเป็นมิตร
ผู้ตรวจการไป่ฮีจ้องซือหยูอย่างเยือกเย็น
หลิงเสี่ยวเทียนหุบยิ้ม
“นี่เป็นเวลาที่จะต้องสะสางเรื่องความตายของซางเจี้ยน!”