The Devil's Cage - ตอนที่ 204
เฉียบแหลม
แกรดอนพุ่งเข้าไปในคุกใต้ปราสาทด้วยสีหน้ากังวลพร้อมกับกลุ่มผู้ชายถืออาวุธครบมือ
“มรดก” ชิ้นนั้นหายไป!
ตอนที่ข่าวนี้มาถึงหูเขา เขาก็อึ้งไป
เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหากข่าวนี้ไปถึงหูแกรนด์ดยุก
เขาจะสูญเสียทั้งตำแหน่งหน้าที่และชื่อเสียง
ในฐานะอัศวินของแกรนด์ดยุกและผู้บัญชาการตะวันออกของทั้งอาณาเขตนี้ ชื่อเสียงของแกรดอนนั้นสำคัญกับเขามากกว่าชีวิตของเขาเองเสียอีก
“ข้าต้องทำให้หัวขโมยโสโครกพวกนี้คายที่ซ่อน ‘มรดก’ ชิ้นนั้นออกมา!”
ด้วยความคิดนี้ในใจ แกรดอนเดินเข้าไปที่ปากทางที่คุมขัง
แต่ว่า ในตอนที่เขาเพิ่งก้าวเท้าแรกลงที่บันได เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ปลายสายตา
เขาชะงักทันที หน้าต่างปิดเอาไว้ แต่ว่าแผ่นไม้ที่ตอกปิดเอาไว้นั้นหล่นอยู่กับพื้น
มันไม่ได้สะดุดตา ก็แค่มุมหนึ่งของหน้าต่างที่แทบมองไม่เห็น ถ้าไม่ได้ให้ความสนใจมากพอ ก็คงจะมองข้ามแผ่นไม้นั่นไปอย่างง่ายดาย
แกรดอนเดินตรงไปที่มุมนั้นแล้วหยิบแผ่นไม้ขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องเป๋งอยู่ที่หน้าต่าง
ทันใดนั้น เขาผลักมันเปิดออก
ไม่มีอะไรที่ด้านนอก
“ไม่มีคน?”
แกรดอนชะโงกหน้าออกไปดูให้ชัด
เขามองซ้ายและขวาในความมืด แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่แปลกไป
เขาถอยกลับมาเหยียดตัวตรงและขมวดคิ้วก่อนที่อีกความคิดหนึ่งจะก่อตัวในใจเขา และเขาก็ชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างอีกครั้ง
คราวนี้เขามองขึ้นไปด้านบน แต่เขาก็ยังไม่เห็นใคร
“ฉันคิดมากเกินไปงั้นหรือ?”
แกรดอนถอยกลับเข้าไปในห้อง ยิ้มขำตัวเอง
จิตใจของเขานั้นคิดถึงแต่ ‘มรดก’ ชิ้นนั้น เขาไม่มีเวลาให้ปัญหาเล็ก ๆ อื่น เขาสั่งคนของเขายืนเฝ้าที่หน้าต่างและรีบมุ่งหน้าเข้าไปในคุก
…
ที่ด้านบนสุดของห้องโถงทางเข้าคุกนั้นมีอีกห้องที่ห่างออกมาราว ๆ ห้าเมตร จีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียน ที่เพิ่งกลับเข้ามาด้านใน ผ่อนลมหายใจโล่งอกทันทีที่แกรดอนไปลับ
“อันตรายมาก แหลมคมมาก! เขามาที่นี่เพื่อจัดการกับเรื่องเละเทะแต่กลับยังสังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ นี่ได้!” จีหรานพูดอย่างประหลาดใจ
ตอนที่แกรดอนไปถึงที่หน้าต่าง จีหรานนั้นตัดสินใจปีนขึ้นไปซ่อนที่สูงด้านบนอย่างหุนหัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงถูกพบตัวไปแล้ว
“ว้าว 2567! นายตั้งใจมากจริง ๆ! ขอบคุณพระเจ้าที่นายซ่อนสิ่งนี้เอาไว้ในปากแล้วก็เอามันเข้ามาในดันเจี้ยนได้!”
อู๋ฝ่าอู๋เทียนชี้ไปที่ [กุญแจกล] ในมือจีหราน
ตั้งแต่ไขกุญแจมือปล่อยอู๋ฝ่าอู๋เทียนไปจนถึงแงะแผ่นไม้ที่ปิดหน้าต่างเอาไว้อย่างเงียบ ๆ อุปกรณ์ที่ดูราวกับเส้นผมเส้นหนึ่งนั้นได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีประโยชน์มาก
ถ้าไม่มีมัน ทั้งสองคนก็คงไม่สามารถขึ้นมาถึงที่ซ่อนตัวใหม่นี้ได้โดยไม่ถูกจับได้
อู๋ฝ่าอู๋เทียนรู้สึกนับถือในอุปกรณ์ช่วยชีวิตนี่ และยิ่งกว่านับถือไปอีกกับจีหรานที่จัดการแอบเอามันเข้ามาในดันเจี้ยนได้
“ฉันบังเอิญคิดได้แล้วก็บังเอิญมีของชิ้นนี้อยู่พอดี มันเป็นเรื่องบังเอิญ”
จีหรานถ่อมตัว น้ำเสียงของเขาเป็นการเป็นงาน เขาไม่ได้แค่ทำเป็นถ่อมตัว
จากมุมมองของเขา มันก็เป็นเหตุเป็นผลดีที่จะทำเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเค้นสมองคิด ไม่ได้ถึงขนาดที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนคิด
“นี่มันไม่ใช่แค่ความคิดที่จู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมานะ! นี่คือพรสวรรค์ของนักฆ่า! เมื่อคิดถึงอายุของนายแล้ว…” เสียงของอู๋ฝ่าอู๋เทียนเบาลงเรื่อย ๆ จนคำสุดท้ายนั้นไม่ได้ยินไปเลย
“ที่นี่ไม่ปลอดภัย ถ้าคนพวกนั้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ในห้องขัง เขาต้องสั่งให้ปิดที่นี่! ตามที่ฮานส์บอก พวกเราอยู่ในทางเดินระหว่างคุกและทางเข้า ถ้าพวกเราต้องการไปที่ทางเข้าออกปราสาท พวกเราต้องผ่านหอคอยน้ำ ค่ายทหาร และคลังเก็บของ ที่ทางเข้า พวกเรายังต้องเจอกับทหารติดอาวุธครบมืออีกมากกว่าห้าสิบคนด้วย!”
“พวกเราต้องผ่านการต่อสู้อันยากลำบากถ้าจะผ่านออกไป และบาดแผลของพวกเราก็จะทำให้พวกเราช้าลง!พวกเราต้องหายารักษาตัวเองก่อนที่จะหาทางหนีได้! พวกเรายังต้องการม้าและอาหารระหว่างทาง และที่เหนือกว่านั้น พวกเรายังต้องหาตำแหน่งของฮานส์! ถ้าพวกเราทำไม่ได้ ทุกอย่างก็จะนับว่าเสียเปล่าแล้ว!”
จีหรานไม่ได้สังเกตุว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนพึมพำกับตัวเอง เขาเพ่งสมาธิอยู่กับรอบตัวพวกเขาและคิดหาแผนการ
“ไอ้เจ้าฮานส์งี่เง่า! เขาถูกพาไปที่ไหนกันแน่?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดพร้อมขมวดคิ้ว
เขาพยายามติดต่อกับฮานส์ผ่านช่องพูดคุยของทีมแต่ว่าก็ยังได้รับการแจ้งเตือนแบบเดิม ๆ [พื้นที่พิเศษ การสื่อสารถูกจำกัด]
“เขาน่าจะยังอยู่ในปราสาท พวกเราต้องหายารักษาตัวเองกันก่อน ฮานส์น่าจะต้องรอก่อน นายจำได้ไหมว่าห้องพักของหมอของแกรนด์ดยุกอยู่ตรงไหน?” จีหรานถาม
“แน่นอนสิ! นายไม่ไปด้วยเหรอ?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพยักหน้าก่อนที่จะมีปฏิกริยากับคำถามแปลก ๆ ของเขา
“เมื่อคิดถึงว่าคนพวกนั้นระมัดระวังและยังความรู้สึกไว มันไม่ยากที่เขาจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของพวกเรา พวกเราต้องเบี่ยงเบนความสนใจของเขา พอนายได้ยามามากพอ ไปเจอกันฉันที่ห้องครัวของปราสาท!” จีหรานชี้ไปที่ชั้นใต้เท้าของเขา
“ระวังตัวด้วย!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนเตือนเขาก่อนที่จะผลุบหายไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ค้านเพราะเขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเขามีแล้ว
ด้วยบาดแผลของพวกเขา ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็ถูกกระทบไปด้วย หากพวกเขาไม่กลับสู่สภาพสมบูรณ์ของตัวเองโดยเร็ว แผนการที่เหลือของพวกเขาก็ยากที่จะใช้ออกแล้ว พวกเขาไม่สามารถหาตัวฮานส์หรือว่าหนีออกจากอาณาเขตของมอร์โก้ได้
จีหรานมองอู๋ฝ่าอู๋เทียนจนเงาร่างของเขาหายลับไป จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวบ้าง
…
แกรดอนรีบร้อนไปที่ชั้นแรกของคุก เขาไม่สนใจคำเยินยอของพวกผู้คุม เขาแค่ให้ผู้คุมเหล่านี้นำทางไปเท่านั้น
เขารู้ดีว่าผู้คุมพวกนี้นั้นเป็นคนอย่างไร พวกเขาก็แค่ไฮยีน่าฝูงหนึ่งที่รุมกินศพ ไม่เหมือนผู้คุมคุกเลยสักนิด
“รีบหน่อย!” แกรดอนเร่งผู้คุม
ตอนที่เขาพบว่ารีดรัลมาที่นี่เขาก็กระวนกระวายอย่างยากจะอธิบาย
นิสัยใจแคบของรีดรัลนั้นเป็นที่รู้กันทั่วไปในปราสาทนี่ กระทั่งคนตาบอกยังรู้
รีดรัลนั้นจับจ้องตำแหน่งแกรนด์ดยุกตาเป็นมันแต่นิสัยอันน่าสะอิดสะเอียนของเขานั้นทำให้พวกหนุ่ม ๆ เก่งกาจรังเกียจ
แต่ว่านั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ารีดรับนั้นเป็นบุตรชายคนเล็กของแกรนด์ดยุก ถ้าเขาล่วงหน้าไปก้าวหนึ่งในการตามหา ‘มรดก’ นั่น เช่นนั้น…
แกรดอนยิ่งกระวนกระวายกว่าเดิมเมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นในใจเขา
แกรนด์ดยุกนั้นยังมีบุตรคนอื่นนอกจากรีดรัลอยู่ รีดรัลไม่ใช่คนโปรดของตัวแกรดอนเองอย่างแน่นอน
เขารู้สึกอารมณ์เสียที่ต้องเดินตามผู้คุมที่เชื่องช้า เขาคว้าคบเพลิงมาจากมือผู้คุมและพุ่งตัวไปทางห้องขังหลังจากถามเลขห้องจากผู้คุมแล้ว
ตอนที่แกรดอนพบว่าห้องขังนั้นไม่ได้ล็อกแต่กลับปิดงับไว้เฉย ๆ ความรู้สึกเลวร้ายก็ผุดขึ้นมาแทนความกระวนกระวาย
เขาดึงดาบยาวของตัวเองออกมาแล้วเปิดประตูเข้าไปช้า ๆ
คบเพลิงส่องแสงเข้าไปในห้องขังและภาพที่แกรดอนเห็นก็ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเขา
“ท่านรีดรัล?”
แกรดอนตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของรีดรัล เขาล้มลงกับพื้นทันที ยกร่างของชายหนุ่มขึ้นมาดูให้ชัดเจน เขาร้องคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราดในทันที
ถึงแม้ว่ารีดรัลจะไม่ใช่คนโปรดของท่านดยุก เขาก็ยังเป็นบุตรชายคนเล็กของแกรนด์ดยุกและเป็นหนึ่งในลูกคนโปรดของท่าน
การตายของรีดรัลย่อมทำให้แกรนด์ดยุกพิโรธอย่างแน่นอนและแกรดอนก็คือคนโชคร้ายที่ต้องถูกเอาระบายความโกรธนั้นใส่
“หาตัวฆาตกร! นั่นเป็นหนทางเดียวที่พวกเราจะทำให้ความเกรี้ยวกราดของท่านดยุกสงบลงได้!”
แกรดอนรีบลุกขึ้นหลังจากวางร่างของรีดรัลลง สั่งให้คนของเขาเตรียมการค้นหา
“ปิดปราสาทและเพิ่มการลาดตระเวน!” แกรดอนสั่ง
“เป็นไปไม่ได้! ฝ่าบาทรีดรัลและองครักษ์ของเขาเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้! นี่เป็นไปไม่ได้!” ผู้คุมที่มาถึงที่เกิดเหตุช้ากว่าตะโกนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“หุบปากโง่ ๆ นั่นวะ!”
แกรดอนไม่กระทั่งมองไปทางผู้คุมคนนั้น คนของเขาคนหนึ่งทุบเขาสลบไปด้วยฝักดาบ
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นของผู้คุมทำให้แกรดอนตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกเขาสวมรอยเป็นท่านรีดรัลและองครักษ์และพยายามเล็ดรอดหนีไป ตอนที่พวกเขาเจอฉันเข้ามาพวกเขาต้องซ่อนอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่างนั่น…”
แกรดอนสูดลมหายใจลึกก่อนที่จะออกคำสั่งอีกครั้ง
“ไปค้นหาตามทางเดินระหว่างคุกและทางเข้าคุก! เริ่มจากตรงนั้น แต่จำไว้ว่าค้นทุก ๆ ห้องหาตัวฆาตกรให้ได้!”
“ขอรับ ท่าน!”
ทหารคู่หนึ่งผละออกไปอย่างรวดเร็ว
แกรดอนรั้งอยู่กับทหารอีกคู่หนึ่ง กวาดมองรอบ ๆ
“รีดรัลถูกแทงจากด้านหลัง แต่ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา… คือองครักษ์ของเขา? อย่างนั้นเขาน่าจะฆ่าพัศดีและพยายามฆ่านักโทษด้วย! พอเขาล้มเหลว เขาก็ถูกเอาชีวิตไป…”
ใบหน้าของแกรดอนเปลี่ยนเป็นซีดลงในทันที
ถึงแม้ว่าศพจะถูกขยับไปบ้าง แต่การสร้างสถานการณ์ใหม่ก็เป็นเรื่องง่ายดาย
ตอนที่เขาทำอย่างนั้น แกรดอนก็พบว่าแผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาพบว่าตัวเองตกลงมาในวังน้ำวนอันร้ายกาจ ถ้าเขาไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ทันเวลา มันก็จะฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้น ๆ
“บ้าชะมัด!” แกรดอนพูดหอบ ๆ
แล้วความสนใจของเขาก็ถูกกองอาเจียนที่ด้านในคุกดึงดูดไป
น้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่แห้งลงและเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกาวแห้ง ๆ มันปนอยู่กับรอยต่อบนกำแพงและตะไคร่ที่รอบ ๆ แต่มันก็ยังชัดเจนนัก
“เขาซ่อนอุปกรณ์สะเดาะกลอนเอาไว้ในกระเพาะอาหาร?” แกรดอนตกตะลึง
“เอาข้อมูลของหัวขโมยคนนี้มาให้ฉัน!” เขารีบสั่งคนของตัวเอง
“ขอรับ ท่าน!”
ทหารคนหนึ่งคำนับลงแล้วหันกลับเดินออกไป
ก่อนที่เขาจะออกไป ทหารอีกคนก็พุ่งเข้ามาตะโกนเสียงดัง “ท่านครับ เกิดเรื่องทางทิศใต้ ไฟไหม้คลังเก็บของครับ!”
“ไฟไหม้?” แกรดอนตกใจอีกรอบ
“บังเอิญเกินไป!”
ความสงสัยผุดขึ้นเต็มหัวใจแกรดอนขณะที่เขาหันไปสนใจผู้คุมที่ครวญครางอยู่บนพื้น
“พวกแกทำตามกฏในการจัดการกับหัวขโมยทั้งสามคนนี้หรือเปล่า?” แกรดอนถาม
Wufen’s note: สรรพนามกลับไปกลับมานิดนึงนะ ยังตัดสินใจไม่ได้ แหะแหะ งุนงงอยู่ววววว อย่าเพิ่งซีเรียสเรื่องเล็กน้อยน้าาาา อ้อ คำผิดด้วย ไม่พร้อมแก้ มันมีส่งตรวจคำผิดด้วยนะ แต่แบ่บ… คื๊อออ 5555 งุนงงงง ไว้ก่อนละกันนนน