The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 64 The Calm Before The Storm(?)
ณ ภายในป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีลมพัดและเสียงคำรามของสัตว์ร้ายนั้นมีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังอาศัยอยู่ 5 ตัวภายในป่าอันสงบนิ่งราวกับหายใจไม่ออกล้อมรอบสถานที่เหล่านั้น 5 โอเวอร์ลอร์ดปกครองพื้นที่นี้ในฐานะของจักรพรรดิ
ป่าอันกว้างใหญ่ซึ่งมีดินแดนที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยสัตว์ร้าย ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิอยู่ในที่แห่งนี้ ตอนนี้ในพื้นที่บางส่วนของป่าจะสามารถมองเห็นมนุษย์เดินอยู่ 2 คนได้
ภายในป่าใหญ่ทั้ง 2 คนนั้นดูตัวเล็กจิ๋วและแถบจะไม่สำคัญ มนุษย์ 1 ใน 2 คนเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยอายุราว 20 ปี เธอกำลังดูเจ็บปวดและซีดเซียว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปงาม
ชายหนุ่มเองก็ดูมอมแมมและเหนื่อยนิดหน่อย ใช่แล้วออสตินกับเอเลนอร์ยังคงสบายดีอยู่ ตอนนี้ผ่านมา 2 วันแล้วหลังจากพวกเขาเข้ามาในโลกนี้ พวกเขานั้นวิ่งหนีและต่อสู้มาตลอด 2 วันที่ผ่านมา โดยที่ส่วนใหญ่ออสตินจะคอยปกป้องเอเลนอร์
‘ให้ตายเถอะ เราควรจะเรียกมังกรมาเพื่อหนีดีไหมนะ’
ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าควรจะทิ้งความเสี่ยงทั้งหมดแล้วเรียกมังกรมาช่วยดีไหม ไม่ว่า 2 วันที่ผ่านมา แม้ว่า 2 วันที่ผ่านมาจะไม่ง่ายเลย แน่นอนว่ามีการปรับปรุงอย่างมากในการหยอดเอลินอร์ของผม แต่ก็ยังยากที่จะดำเนินการต่อไปได้อยู่ดี
สำหรับการต่อสู้กับเจ้าโอเวอร์ลอร์ดทั้ง 5 ตัวนั้นผมไม่เคยแม้แต่จะนึกถึงมันเลย ผมไม่บ้าพอที่จะไปถวายหัวให้พวกสัตว์ร้ายพวกนั้นหรอกนะ
‘เราแค่ต้องรออีก 2 วัน’
เมื่อผมตัดสินใจได้แล้วผมก็มุ่งความสนใจไปยังงานที่กำลังทำอยู่ซึ่งก็คือการต้มซุปนั่นเอง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการทำอาหารของผมดีขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากออกไปล่าสัตว์อยู่เสมอ
ผมตรวจสอบอุณหภูมิเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมก่อนที่จะเอาซุปไปให้เอเลนอร์ซึ่งกำลังเอนหลังพิงต้นไม้อยู่
ผมได้ตั้งบาเรียเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายเข้ามาแล้ว ดังนั้นพวกเราเลยสามารถกินอาหารกันได้อย่างสบายใจ
ผมเดินไปหาเอเลนอร์ที่กำลังมองผมด้วยสายตาซับซ้อน ความรู้สึกของเธอตอนนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ผมยิ้มขณะที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้เธอ
“อาหารพร้อมแล้วครับอาจารย์ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้ฉันดีขึ้นมากแล้ว อาการอัมพาตน่าจะหายภายใน 2 วันนี้”
“ถ้างั้นก็ดีครับ”
ผมถอนหายใจด้วย ‘ความสุข’ ขณะเอาช้อนตักซุปขึ้นมาใกล้หน้าเอเลนอร์ ซึ่งปกติเธอจะไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น แต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าผมจะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้แล้ว
“อุ่นกำลังพอดีเลยครับ”
พูดจบผมก็ดันช้อนไปข้างหน้าเอเลนอร์ก็อ้าปากรับอาหาร ผมตักซุปเป่าเพื่อให้แน่ใจว่าอุณหภูมิพอเหมาก่อนจะป้อนให้เธอ การกระทำแต่ละอย่างของผมอ่อนโยนมาก
หลังจากป้อนอาหารเธอเสร็จแล้ว ผมก็ต้องแน่ใจว่าได้เช็ดปากของเธอด้วยผ้าขนหนูแล้ว ในช่วง 2 วันนี้ผมดูแลเธอด้วยความเอาใจใส่มากที่สุดเสมอ แม้ว่าสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนจะโจมตีพวกเรา ผมก็มั่นใจว่าจะปกป้องเธอได้เสมอและด้วยเหตุนี้เราจึงสนิทกันมากขึ้น
หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมก็ต้องแน่ใจว่าได้ห่มผ้าให้เธอแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วและลมหนาวไม่ใช่สิ่งที่เอเลนอร์คนปัจจุบันจะรับมือได้ ผมไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปกอดเธอไว้ โดยเอเลนอร์วางหลังของเธอไว้บนหน้าอกของผมและศีรษะของเธอก็พิงกับไหล่ของผม ผมวางมือของตัวเองเอาไว้รอบเอวที่บอบบางของเธอก่อนจะกอดเธอแน่น ร่างกายของเราแนบชิดกัน ความร้อนระหว่างร่างกายของพวกเรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นและผมรู้สึกได้เลยว่าหัวใจของเอเลนอร์กำลังเต้นเร็วขึ้น
ในตอนแรกที่ผมทำแบบนี้กับเธอนั้น เธอแสดงความต่อต้านออกมาอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายเธอก็หมดหนทางและไม่สามารถทำอะไรได้ ผมหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้เธอหนาว แต่ทั้งผมและเอเลนอร์ก็ต่างรู้ว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล
ไฟบอลและเวทมนตร์ไปไหนแล้วหล่ะ?
แต่สุดท้ายเอเลนอร์ก็ได้แต่ยอมรับโดยทำอะไรไม่ถูก ในตอนแรกเธอมักจะอึดอัดเสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มชินและเริ่มสนุกไปกับมัน ความอบอุ่นจากร่างกายของออสตินนั้นทำให้เธอสงบลง
การนั่งโดยมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองอยู่ มันคงเป็นเรื่องโกหกถ้าผมบอกว่าตัวเองไม่ได้ถูกล่อลวง แต่บางครั้งแค่นั่งกันแบบนี้กับเอเลนอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนขณะที่มองท้องฟ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ท้องฟ้าที่นี่สวยจังเลยว่าไหมครับ?”
ผมเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
“อืม ก็ไม่เลว แต่เธอควรจะได้ลองมองท้องฟ้าจากหอคอยเวทมนตร์นะ มันวิเศษมากเลยแหละ”
“โอ้? งั้นผมคงต้องขอป้าดูซักครั้งแล้วสินะครับ”
จากนั้นความเงียบก็กลับมาอีกครั้งก่อนที่เอเลนอร์จะพูดขึ้น
“ออสติน…ยอมรับความจริงซะเถอะ ร่างกายของฉันเป็นอัมพาตและแม้ว่าฉันจะดีขึ้นในอีก 2 วัน ก็ไม่ได้รับประกันว่าเราจะสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นในตอนนั้นฉันจ-”
“ไม่มีทางครับ ผมจะไม่ทิ้งคุณไว้ที่นี่แน่”
ขณะที่ผมพูดผมก็จับเอวเธอแน่นขึ้น เอเลนอร์ก็รู้สึกเช่นกัน แต่เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจและหลับตาลง
“แล้วเธอจะทำยังไงหล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับอาจารย์ ผมมีวิธีหนีอยู่ 2-3 ทางถ้าเรื่องมันแย่กว่านี้”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของผม เอเลนอร์ก็ทำได้เพียงเชื่อใจลูกศิษย์ของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็กำลังวางแผนของตัวเองอยู่เช่นกัน
“อีกอย่างผมคิดว่าการใช้เวลาอยู่ที่นี่กับคุณก็ไม่เลวนะครับ บางทีเราอาจจะสร้างครอบครัวกันที่นี่ก็ได้”
“เธอนี่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของออสติน เอเลนอร์ก็อดไม่ได้ที่จะอยากบ่นเขาขึ้นมา แม้ว่าเธอจะไม่พูดก็ตาม ความคิดที่เขาเพิ่งพูดตอนนี้ทำให้เธอเพ้อฝัน แต่เธอรีบส่ายหัวไล่มันออกไป
เมื่อเห็นท่าทางของเอเลนอร์ผมก็อดยิ้มไม่ได้ การเดินทางมาที่นี่มีความสำคัญมากในหลายๆ ด้าน เป้าหมายเดิมของผมคือลองเสี่ยงโชคกับเอเลนอร์ แต่การทดลองที่เราเผชิญก็จบลงด้วยการทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น สถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ถ้าเอเลนอร์ไม่ได้อ่อนแอลงเพราะพิษ
สถานการณ์ของการฝากชีวิตไว้กับคนอื่นเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเอเลนอร์ บวกกับโชคและมุมมองความรักที่บิดเบี้ยวของเธอก็มีส่วนสำคัญในการทำลายกำแพงในหัวใจของเธอเช่นกัน
‘งั้นเราควรจะขอบคุณเจ้าปีศาจนั่นสำหรับความช่วยเหลือของมันไม่ใช่งั้นเหรอ?’
ถ้าปีศาจรู้ว่าสถานการณ์ที่เขาสร้างขึ้นจากการเกือบเสียสละมรดกของตัวเองนั้นเป็นประโยชน์กับออสตินหล่ะก็ มันคงไม่แปลกเลยถ้าเจ้าปีศาจนั่นจะคลั่งเพราะความโกรธ
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต\