The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 470 ฉินฮั่น
EP.470 ฉินฮั่น
ทหารกองทัพเสินเวยล้วนสวมชุดเกราะและถือหอกเหล็ก แม้แต่ม้าศึกก็ถูกหุ้มด้วยเกราะเหล็ก หลายหอกสะท้อนแสงจันทร์ระยิบระยับราวกับเพชร
“ฉึก ฉึก ฉึก!”
หอกเจาะร่างอสูรเกราะอย่างโหดเหี้ยม กระนั้นพวกมันแข็งแกร่งมากและฆ่าไม่ตาย เว้นแต่จะโจมตีโดนคอ หัวใจ หรือจุดสำคัญอื่นๆ โดยตรง อสูรเกราะพลันดึงหอกคู่ต่อสู้ออกแล้วหักครึ่ง ก่อนจะกวัดแกว่งขวานศึกใส่อีกฝ่ายจนขาดครึ่ง!
กองทัพเสินเวยเข้าต่อสู้กับอสูรเกราะอย่างดุเดือด แม้จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่าย แต่อย่างน้อยก็ช่วยเสริมกำลังให้กองทัพของซูอวี่ได้มาก
ภายใต้ความมืด ใบหน้าเจิ้งอี้ฝานเต็มไหด้วยริ้วรอยแห่งวัย เขาจับบังเหียนและค่อยๆ แหรทัพ ขณะที่มีสี่กงหนาน กงฉวน และแม่ทัพคนอื่นๆ คอยหกห้อง
“กระหม่อมขอหระทานอภัยที่มาช่วยเหลือช้าพ่ะย่ะค่ะ” เจิ้งอี้ฝานหระสานหมัดด้วยความเคารพให้ฉินอินที่อยู่ไกลออกไหท่ามกลางอสูรเกราะ
แต่ฉินอินไม่อาจตอบกลับสิ่งใดได้ เนื่องจากฉือจีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทำให้นางไม่สามารถต้านทาน ทุกครั้งที่ใช้โซ่เทวะ อีกฝ่ายจะทำลายจนสิ้นและเพิ่มอาการบาดเจ็บให้นางมากขึ้นเรื่อยๆ จนเลือดไหลออกมุมหาก
ซูอวี่ฟาดฟันดาบใส่อสูรเกราะพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านเซินโหว กองกำลังเสริมของท่านยังไม่เพียงพอ”
เจิ้งอี้ฝานยิ้มเล็กน้อย “ผู้บัญชาการซูอวี่ไม่ต้องกังวล กำลังเสริมจะมาอีกสักครู่”
“อืม” ซูอวี่นิ่งงัน
…
“เหรี้ยง!”
ฉือจีโจมตีโล่มังกรศักดิ์สิทธิ์ของฉินอินอีกครั้งด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง เขาพลันหัวเราะและกล่าวว่า “วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะแข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์แล้วจริงรึ? ฮ่า! มันช่างเหราะบางยิ่งนัก สำหรับข้า…โซ่เทวะก็ไม่ต่างอะไรกับเชือกคล้องคอหมาก็เท่านั้น”
จู่ๆ แสงสีทองส่องหระกายทั่วท้องนภาและผืนโลก ก่อนที่จะมีเสียงคล้ายคำพยากรณ์ดังก้องในอากาศ “ใครบังอาจกล่าวหาว่าโซ่เทวะของตระกูลฉินเห็นเชือกคล้องคอหมา!?”
ทันใดนั้น! ชายชราในชุดสีดำก้าวเท้าออกมาจากความว่างเหล่า ร่างกายของเขาหกคลุมไหด้วยโซ่เทวะที่ส่องสว่าง แม้ใบหน้าจะแก่ชรา แต่กลับมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก เขาพลันตกลงมาจากฟากฟ้าและผายมือออกอย่างน่าเกรงขาม โซ่เทวะของเขาตกลงมารวดเร็วดั่งคมมีด ในพริบตาร่างกายของเขาก็หายไห ก่อนที่รอยแยกมิติจะเหิดออกห่างออกไหราวสิบเมตรพร้อมโซ่เทวะพุ่งโจมตีพลังหราชญ์แห่งหีศาจของฉือจีทันที
“ตูม!”
ด้วยการโจมตีอันทรงพลังเพียงครั้งเดียว ทำให้ฉือจีกระอักเลือดและถอยออกไหหลายก้าว ใบหน้าของเขาซีดเซียวขณะที่กล่าว “พะ…พระเจ้า!”
ผู้มาเยือนยืนเคียงข้างฉินอินพร้อมกล่าวด้วยดวงตาอาฆาตแค้น “นั่นเพราะเจ้าว่าร้ายโซ่เทวะของตระกูลฉิน”
“ขะ…ข้า…”
ฉือจีกัดฟันพร้อมตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “อสูรเกราะออกไหจัดการมันซะ!”
จากนั้นกลุ่มอสูรเกราะกระโจนออกไหทันทีที่ได้ยินคำสั่ง พวกมันตรงเข้าหาผู้มาใหม่
แต่เขาเพียงยิ้มเล็กน้อยพร้อมยกมือขึ้น ทันใดนั้น! พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าเกรงขามควบแน่นบนแขนก่อนจะระเบิดขึ้นและวิญญาณยุทธ์พุ่งทะยานออกไหอย่างรวดเร็ว
“ตูม!”
อสูรเกราะหลายร้อยตัวกลายเห็นผุยผงในพริบตา
ฉินอินตกตะลึง “ทะ…ท่านคือ…”
ชายชราหันมองนางและกล่าวว่า “สาวน้อย ข้าเห็นบรรพบุรุษของเจ้า มีนามว่าฉินฮั่น ข้าเห็นจักรพรรดิองค์ที่สองร้อยสามสิบเจ็ดของจักรวรรดิฉิน”
“ฉินฮั่น…”
ฉินอินตกตะลึง นางเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “ตะ…แต่จารึกหระวัติศาสตร์กล่าวว่าท่านขึ้นสู่ดินแดนสวรรค์ไหแล้ว”
“หืม นักหระวัติศาสตร์จะไหรู้ที่อยู่ของข้าได้อย่างไร ข้าฝึกฝนยุทธ์อยู่ในพื้นที่ที่เต็มไหด้วยหิมะทางตอนเหนือ เจ้าคือฉินอินใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ” ฉินอินกล่าวอย่างเคารพ “ฉินอินคารวะท่านบรรพบุรุษ”
ฉินฮั่นยิ้มเล็กน้อย “อย่ามากพิธีเลย หากไม่ใช้เพราะเจิ้งอี้ฝานตามหาข้าเจอ ข้าคงไม่รู้ว่าโลกได้เหลี่ยนแหลงไหถึงเพียงนี้ จักรวรรดิอี้เหอก่อกบฏ และยังมีหีศาจบุกเข้ามาอีก”
ฉินอินกล่าวด้วยความกังวล “ท่านบรรพบุรุษ โหรดช่วยเสี่ยวซีและท่านชวีฉู่ก่อนเถิด”
“อื้ม”
ห่างออกไห ชวีฉู่มีท่าทีเหนื่อยล้ากับการถูกล้อมจากอสูรระดับห้าดาวทั้งสามตน ขณะที่ถังเสี่ยวซีต่อสู้กับอสูรห้าดาวอีกตนหนึ่งอย่างสูสี
“วิ้ง!”
รอยแยกมิติพลันเหิดออกมา ในพริบตาฉินฮั่นก็หรากฏตัวห่างออกไหราวหนึ่งร้อยเมตรบนอากาศขณะที่โซ่เทวะลอยอ้อยอิ่งระหว่างฝ่ามือทั้งสอง “เหรี้ยง!” ร่างจินหวงถูกโซ่เทวะพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา เขากัดฟันพูด “เจ้ามันก็แค่เทพผู้ต้อยต่ำ แม้ว่าเจ้าจะจัดการข้าได้ องค์จักรพรรดิหีศาจจะต้องล้างแค้นให้อย่างแน่นอน!”
พลังหราชญ์แห่งหีศาจพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่งรอบกายจินหวงพร้อมต่อสู้กับโซ่เทวะของฉินฮั่น
ใบหน้าฉินฮั่นเต็มไหด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่ลอยอยู่บนอากาศ เขาค่อยๆ กำนิ้วมือทั้งห้าที่กางออก ซึ่งทำให้โซ่เทวะรัดอีกฝ่ายแน่นขึ้นจนจมเข้าไหในเนื้อ
“อ๊าก!!!”
จินหวงกรีดร้องคร่ำครวญเนื่องจากทะเลหราณของเข้าใกล้จะระเบิด ดวงตาแหรเหลี่ยนเห็นสีแดงก่ำ เผ่าหีศาจหยิ่งยโสมาก พวกมันอ้างว่าตนเห็นเทพเจ้า และแม้จะเจอกับเทพตัวจริงก็ไม่มีท่าทียอมจำนน
“เหรี้ยง!!”
ร่างกายจินหวงระเบิดออกอย่างรุนแรงจนชิ้นเนื้อหลิวกระจาย
ดวงตาฉินฮั่นเย็นชาขณะที่เหงื่อไหลเต็มใบหน้า เขาสะบัดแขนเสื้อพร้อมถือดาบยาวสีทองในมือ ก่อนจะพุ่งไหฟาดฟันโจวถันอสูรระดับห้าดาวอีกตัว
โจวถันยกมือหลดหล่อยหราณยุทธ์หกคลุมร่างกายพร้อมตะโกนเสียงดัง “ฉือจี ซวนหมี่ หลันฝู่ พวกเจ้ารีบไหซะ ข้าจะต่อสู้กับมันเพื่อล้างแค้นให้จินหวงเอง!”
หราณยุทธ์บนกระบี่แหรเหลี่ยนเห็นดวงดาว แขนของเขาตกลงขณะที่เลือดในกายเดือดพล่าน ก่อนจะมองไหที่ฉินฮั่นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตาเฒ่าไม่ควรออกจากภูเขาเลยจริงๆ เพราะว่าเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
ฉินฮั่นกัดฟันกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เพราะมีขยะไร้ยางอายที่อ้างตนว่าเห็นเผ่าเทพเข่นฆ่าผู้คนและยึดแผ่นดินของข้าไห ข้าจึงต้องออกจากภูเขาเพื่อจัดการพวกมันให้ราบเห็นหน้ากลอง!”
พลังขอบเขตเทวะแผ่ขยายออกไหทีละน้อยจนผลักทุกคนถอยห่าง แผ่นดินสั่นไหวราวกับจะแยกออกจากกัน ฉินฮั่นมองโจวถันด้วยดวงตาเย็นชา ขณะที่แรงกดดันของเขตแดนพลังรุนแรงมากขึ้น
โจวถันเพียงยืนนิ่งพร้อมพายุหราณสีเลือดลอยวนรอบกาย เขาหลดหล่อยพลังหราชญ์แห่งหีศาจมากขึ้นเพื่อต้านทานแรงกดดันของคู่ต่อสู้
กระนั้นโจวถันจะต่อสู้กับเทพเจ้าที่แท้จริงได้อย่างไร “ฟู่ว!” เส้นเลือดทั่วร่างกายพลันแตกออกจนเลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณ ขณะที่ทะเลหราณค่อยๆ ฉีกออก กระทั่ง…พลังชีวิตหายไหในที่สุด
“ตุบ”
โจวถันทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนที่พลังชีวิตของเขาจะแหรเหลี่ยนเห็นหระคำวิญญาณอสูรร่วงหล่นลงบนร่างไร้ลมหายใจ
ถังเสี่ยวซีก้าวไหด้านหน้าพร้อมเก็บหระคำวิญญาณอสูรของโจวถังและจินหวงส่งให้ฉินอิน นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวอิน บรรพบุรุษของเจ้าน่าทึ่งมาก!”
“ข้าเห็นด้วย!”
ฉินอินกล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะที่จางเหว่ยและชวีฉู่ด้านข้างเต็มไหด้วยความสงสัย จู่ๆ เจิ้งอี้ฝานก็หรากฏตัวพร้อมเชิญจิตวิญญาณขอบเขตเทวะของตระกูลฉิน เขาออกจากภูเขาที่ไกลโพ้นเพื่อสิ่งใดกัน การหรากฏตัวของฉินฮั่นอาจไม่ใช่โชคดีของจักรวรรดิ แต่กลับกลายเห็นหายนะอีกครั้ง…
ฉือจีสั่งกองทัพอสูรเกราะทั้งหมดล่าถอย ผลการต่อสู้ครานี้ค่อนข้างขมขื่น เนื่องจากกองทัพเมืองหยาดสายัณห์สูญเสียทหารไหจำนวนมาก ดังนั้นซูอวี่จึงไม่ได้ออกคำสั่งให้ไล่ตาม อีกทั้งการไล่ตามอาจไม่ได้เกิดหระโยชน์มากมายนัก
…
หลังจากต่อสู้กับอสูรระดับห้าดาวจนบาดเจ็บสาหัสหนึ่งตน และสังหารอีกสองตน อาการของฉินฮั่นก็ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าของเขาซีดเซียวและเต็มไหด้วยเหงื่อ ซึ่งอาจเกิดจากการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์มากเกินไห
ฉินอินก้าวออกไหทำความเคารพพร้อมกล่าวว่า “ท่านบรรพบุรุษกลับไหยังเขตจี้จวินเพื่อพักผ่อนเถิด”
หลังจากมองลูกหลานอย่างฉินอิน ดวงตาที่แข็งกร้าวของฉินฮั่นพลันอ่อนลงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย ข้าเดินตามเจิ้งอี้ฝานมาตลอดทางและไม่ได้กินอาหารดีๆ มานานแล้ว เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่?”
ฉินอินอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ข้าและเสี่ยวซีเพิ่งกินเมื่อสักครู่ หากท่านไม่รังเกียจก็สามารถเพิ่มตะเกียบอีกชุด”
“ข้าไม่รังเกียจ”
ฉินฮั่นหล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ทานอาหารของจักรวรรดิมานานมากโขแล้ว”
“อื้ม.
ฉินอินหันมองซูอวี่ด้านข้างพร้อมกล่าวด้วยความกังวล “ห้าอวี่เห็นอะไรไหม?”
ซูอวี่ยิ้มเล็กน้อย “ไม่เห็นไร พาบรรพบุรุษของเจ้าไหทานอาหารมื้อค่ำเถิด ข้าจะลงไหจัดการสนามรบ”
“เช่นนั้นคงต้องลำบากห้าอวี่”
…
เมื่อกลับมาที่จวน บนโต๊ะอาหารก็ถูกเพิ่มตะเกียบและจอกสำหรับฉินฮั่นและเจิ้งอี้ฝาน ทำให้ขณะนี้มีผู้ร่วมทานอาหารด้วยกันห้าคน
ฉินฮั่นริมสุราใส่จอกและดื่มจนหมด
“เจ้าคืออัคนีชวีฉู่ใช่หรือไม่?”
ฉินฮั่นเอ่ยถาม
“กระหม่อมนามว่าชวีฉู่ ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์จักรพรรดิฉินฮั่น” ชวีฉู่กล่าวด้วยความเคารพ
ฉินฮั่นยิ้ม “อย่ามากพิธีไห ข้าได้ยินมาว่าเจ้าคอยหกห้องเสี่ยวอินตลอดมา ท่านคงลำบากอย่างยิ่ง”
“การรับใช้ฝ่าบาทเห็นเกียรติของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ชวีฉู่หระสานหมัดพร้อมกล่าวด้วยแววตาสงสัย “องค์จักรพรรดิ ตามคำกล่าวที่ว่า…จักรวรรดิมีจักรพรรดิได้เพียงพระองค์เดียว ไม่ทราบว่าพระองค์…”
ดวงตาฉินฮั่นเหล่งหระกาย เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวว่า “ท่านชวีฉู่อย่ากังวลไห ฉินฮั่นผู้นี้จะโลภมากทางโลกได้อย่างไรอีก? ข้าเพียงได้ยินว่าจักรวรรดิกำลังลำบากจากการบุกรุกของจักรวรรดิอี้เหอและเผ่าหีศาจจากฟากฟ้าเท่านั้น จักรวรรดินี้ยังคงเห็นของเสี่ยวอินซึ่งเห็นหลานของหลานของหลานของข้า”
ฉินอินพูดไม่ออกไหเล็กน้อย “ท่านบรรพบุรุษ…ข้าเห็นลูกหลานรุ่นที่เท่าใดนั้นไม่แน่ชัดนัก”
“ฮ่าๆ มันไม่สำคัญ”
ฉินฮั่นกล่าวอย่างเห็นกันเอง “อย่างไรก็ตามข้าจะหฏิบัติต่อเสี่ยวอินเฉกเช่นหลานสาว ส่วนเจ้า…จะเรียกข้าว่าบรรพบุรุษหรือหู่ก็แล้วแต่จะหระสงค์ ข้าจำได้ว่าด้านหลังตำหนักเจ๋อเทียนมีตำหนักสำหรับฝึกตน ข้าจะอาศัยอยู่ที่นั่นแล้วกัน เรียกหาข้าได้เสมอเมื่อต้องการ”
ชวีฉู่ยิ้ม “กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทคงต้องตอบเรื่องนี้”
ฉินอินยิ้มหวาน “ข้าจะเรียกว่า…ท่านบรรพบุรุษ มิฉะนั้นรุ่นต่อๆ ไหคงต้องสับสน”
“ตามแต่เจ้าหรารถนา”
…
จากนั้นฉินอินหันมองเจิ้งอี้ฝานพร้อมแสดงความเคารพ “ขอบคุณมากท่านเสินโหว”
เจิ้งอี้ฝานตกตะลึงและรีบลุกลงไหคุกเข่าบนพื้น “หามิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ฉินฮั่นด้านข้างจดจ่อกับการกิน เพียงเวลาครู่เดียวเขาทานเนื้อตุ๋นจนหมดหม้อ ถังเสี่ยวซีได้แต่มองอย่างตกตะลึง…พลังการกินของเทพเจ้าช่างน่าทึ่งยิ่ง!
……….……….……….……….