The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 91 กฎจักรวรรดิอันไร้เหตุผล
“มีคนตาย…มีคนตาย…”
เสียงตะโกนเอะอะดังมาจากโถงฝึกซ้อม
เติ้งจื่อหลินหายใจหอบ เลือดเต็มแขนสองข้างและกำปั้น หลินมู่อวี่ไม่ได้โต้กลับเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เขากลับถูกกำแพงตั้งรับอันทรงพลังของหลินมู่อวี่กระแทกกลับจนแผลเต็มตัว ทำให้เขาต้องมองผู้ช่วยฝึกมือหนึ่งแห่งวิหารผู้นี้เสียใหม่ ในเวลานี้ เสียงเอะอะด้านนอกเท่ากับทำให้เขามีโอกาสพักหายใจ
“เกิดอะไรขึ้น ใครตาย” เติ้งจื่อหลินหยุดมือถาม
หลินมู่อวี่เองก็ขมวดคิ้วแล้วเก็บวิญญาณยุทธ์ “ไม่รู้สิ ออกไปดูกันเถอะ”
“ได้!”
……
โถงฝึกซ้อม มีร่างหนึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เป็นร่างของผู้ช่วยฝึกคนหน่ึง บริเวณหน้าอกถูกกระบี่แทงทะลุหัวใจ เลือดไหลนอง ไร้ซึ่งสัญญาณชีพ แถมคนผู้นี้หลินมู่อวี่เองก็รู้จัก ไม่คิดเลยว่าร่างนั้นจะเป็นถั่วงอกน้อยที่เขาคิดช่วยเหลือก่อนหน้า!
“เกิดอะไรขึ้น…”
หลินมู่อวี่ผลักกลุ่มคนออกแล้วเบียดตัวเข้าไป เขาคุกเข่าข้างเดียวลงข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของถั่วงอกน้อย แหวกเสื้อของถั่วงอกน้อยออกด้วยมืออันสั่นเทา นี่ไม่ใช่แผลจากกระบี่ธรรมดา แต่เป็นการอัดพลังเข้าไปหลังจากคมกระบี่แทงทะลุหัวใจ ทำให้เกิดเป็นรูขนาดเท่ากำปั้น จนหัวใจทั้งดวงของถั่วงอกน้อยถูกบดละเอียด
“ฝีมือใคร!?”
เขาลุกยืนขึ้นทันที คำรามเสียงต่ำ มือจับอยู่ที่ด้ามกระบี่เหลียวหยวนแล้ว
ใกล้ๆ กันนั้น โอวหยางชิวถือกระบี่เล่มบาง บนคมกระบี่ยังมีเลือดสดๆ ไหลย้อยอยู่ เขาพูดเสียงเรียบ “ข้าเอง ตอนซ้อมมือข้าคึกไปหน่อย เลยพลั้งมือฆ่าเขาไป จะลงโทษอย่างไร ข้าก็พร้อมยอมรับ!”
“เจ้าตั้งใจฆ่า!” หลินมู่อวี่พูดตรงจุดสำคัญ
“งั้นหรือ เจ้ามีหลักฐานไหม” โอวหยางชิวยิ้มหยัน เดินขึ้นมาหยุดยืนหน้าศพของถั่วงอกน้อย ราวกับว่าศพตรงหน้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตนเองเลยแม้แต่น้อย
ผู้ดูแลเจิ้งฟางที่อยู่ในที่เกิดเหตุเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ผู้ดูแลอาวุโสใกล้จะมาถึงแล้ว ท่านจะจัดการเรื่องนี้เอง!”
กลุ่มคนพากันพยักหน้า
ไม่กี่นาทีต่อมา เหลยหงก็เดินเข้ามาในโถงฝึก กวาดตามองหลินมู่อวี่ โอวหยางชิวและเจิ้งฟาง จากนั้นมองไปที่ร่างของถั่วงอกน้อย
“เกิดอะไรขึ้น” เหลยหงสอบถาม
โอวหยางชิวคุกเข่าลงข้างหนึ่งพลางตอบ “ผู้ดูแลอาวุโส ข้าฝึกซ้อมเกิดพลั้งมือฆ่าผู้ช่วยฝึกระดับดาวทองแดงท่านนี้เข้า ข้ายินดีรับโทษทุกอย่าง ขอเพียงแค่ท่านผู้ดูแลอาวุโสยกโทษให้ความผิดพลาดของข้า!”
เหลยหงขมวดคิ้วพูด “ผู้ดูแลเกอหยาง เรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”
เกอหยางกางตำราเล่มหนา อ่านอย่างละเอียดหนึ่งรอบแล้วเอ่ยขึ้น “ถั่วงอกน้อยเป็นผู้ช่วยฝึกระดับดาวสีทองแดง เป็นสามัญชน เบี้ยรายปีห้าสิบเหรียญทอง โอวหยางชิวเป็นนายพลระดับสามของจวนโหวเจวี๋ย เป็นชนชั้นสูงระดับสาม กฎหมายจักรวรรดิระบุว่าถ้าชนชั้นสูงพลั้งมือฆ่าสามัญชนตาย ต้องจ่ายเงินชดเชยให้จำนวนสิบปีของเงินรายได้ของสามัญชนผู้นั้นก็สามารถพ้นผิด ดังนั้นตามกฎหมาย โอวหยางชิวพลั้งมือฆ่าถั่วงอกน้อย จำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวถั่วงอกน้อยจำนวนห้าร้อยเหรียญทอง”
“อะไรนะ”
หลินมู่อวี่อึ้งไป และรีบพูดขึ้น “ผู้ดูแลเกอหยาง เห็นอยู่ว่าโอวหยางชิวตั้งใจฆ่าคน ท่านไม่ได้ชันสูตรศพให้ละเอียด จะมั่นใจว่าเป็นการพลั้งมือได้อย่างไร”
เกอหยางตอบ “หลินจื้อ ระวังคำพูดของเจ้าด้วย กฎหมายจักรวรรดิระบุไว้ เดิมทีชนชั้นสูงฆ่าสามัญชน ก็ได้รับการลดโทษหนึ่งระดับอยู่แล้ว เรื่องนี้เจ้าคงไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะ”
หลินมู่อวี่กำหมัดแน่น พูดด้วยไฟโทสะ “ฆ่าคนก็ควรชดใช้ด้วยชีวิต ชนชั้นสูงสามัญชนอะไร นี่มันกฎหมายบ้าอะไร”
เหลยหงคำรามเสียงต่ำ “หลินจื้อ หุบปาก เจ้าขาดสติแล้ว จงกลับไปฝึกซะ!”
เกอหยางเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “หลินจื้อ กลับห้องเจ้าไปซะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
หลินมู่อวี่โกรธจนตัวสั่น “บนโลกใบนี้ยังมีความเป็นธรรมอยู่หรือไม่ พวกท่านตาบอดกันหมดหรือไง โอวหยางชิวจงใจฆ่าถั่วงอกน้อย หรือพวกท่านไม่เข้าใจ”
“หลินจื้อ!”
เหลยหงแผดเสียง พลังไร้ลักษณ์กดทับลงมา หลินมู่อวี่รู้สึกถึงแรงกดดันที่ทรงพลังราวกับขุนเขาไท่ซานกดทับร่างของตนทันที จนต้องคุกเข่าลงกับพื้นอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เขากลับกัดฟันแน่น เร่งปราณออกมาจากร่างกาย แววตาโกรธเเค้นมองไปที่เหลยหง ส่งเสียงรอดไรฟันออกมา “การตายของถั่วงอกน้อย ต้องมีคนชดใช้!”
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…”
พื้นหินใต้ฝ่าเท้าเขาแตกร้าว แต่เขายังคงอดทนกับความเจ็บปวด เส้นเลือดปูดโปน ใต้เขตแรงกดดันของเหลยหง เส้นเลือดในดวงตาของหลินมู่อวี่เริ่มมีเลือดสดๆ ไหลซึมออกมา นัยน์ตาข้างซ้ายถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด แต่เหลยหงยังคงมองเห็นแววตามุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ของหลินมู่อวี่ได้ชัดเจน
“เจ้ากลับไปพักผ่อนซะ…”
จู่ๆ เหลยหงก็เก็บพลังที่กดดันอยู่กลับ พูดเสียงเรียบ “จำไว้ เรื่องบางเรื่องเจ้าเข้าไปยุ่งไม่ได้ กฏบางอย่างเจ้าไม่ควรตั้งคำถาม และกฏหมายจักรวรรดิเจ้ายิ่งไม่ควรสงสัย”
หลินมู่อวี่ตัวสั่น หอบหายใจหนักหน่วง
ด้านข้าง ครูฝึกระดับดาวสีเงินจางเหว่ยตบบ่าหลินมู่อวี่เบาๆ แล้วพูด “เจ้าเด็กโง่ รีบไปเถอะ ก่อนที่ผู้ดูแลอาวุโสจะโกรธเต็มร้อย”
ฉินจื่อหลิงสำทับ “หลินจื้อ รีบไปสิ เรื่องของถั่วงอกน้อย…ต้องได้รับความเป็นธรรมภายหลังแน่”
โอวหยางชิวมือจับกระบี่เปื้อนเลือดคุกเข่าลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นพูด “ผู้ดูแลอาวุโส ข้าเต็มใจยอมรับโทษทุกอย่าง เงินห้าร้อยเหรียญทองนี้ข้าจะนำไปมอบให้กับพ่อแม่ของถั่วงอกน้อยด้วยตนเอง”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”
เหลยหงพูดเบาๆ “ครูฝึกโอวหยาง ต่อไปตอนฝึกซ้อมเจ้าต้องระวัง ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”
“ขอรับ!”
โอวหยางชิวเงยหน้าขึ้นก็สัมผัสได้ถึงสายตาของหลินมู่อวี่ นัยน์ตาเขาปรากฏความสะใจขึ้นมาทันที ชัดเจนเลยว่าการที่โอวหยางชิวฆ่าถั่วงอกน้อยก็เพื่อจะเอาชนะความฮึกเหิมของหลินมู่อวี่ หลินมู่อวี่กล้าที่จะออกหน้าปกป้องถั่วงอกน้อย โอวหยางชิวจึงฆ่าถั่วงอกน้อยเพื่อทำให้เขารู้ว่าใครเป็นใหญ่ในวิหารแห่งนี้
ในใจของหลินมู่อวี่มีคลื่นยักษ์ซัดสาด ความโกรธเและไม่พอใจผสมปนเป แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของโอวหยางชิว เพียงแต่ตอนนี้เขาไร้กำลังโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนการปกป้องจากเขากลับเป็นการทำร้ายถั่วงอกน้อย
หลินมู่อวี่หันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร กลับไปที่ห้องลับแล้วฝึกฝนต่อ
เหลยหงมองตามหลังเขาไป อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างจนปัญญา
……
ช่วงพลบค่ำ ที่จวนเสินโหว
เจิ้งฟางกำลังเล่นกริชในมือ กริชเล่มนี้หลอมจากทองคำบริสุทธิ์ มีความแข็งไม่มากนัก แน่นอนว่าขาดคุณสมบัติที่จะใช้ฆ่าศัตรูในสนามรบ ดังนั้นจึงเป็นได้แค่ของเล่นสำหรับเชยชมเท่านั้น
“แอ๊ด…”
ประตูเปิดออก คนรับใช้ผู้หนึ่งเดินขึ้นมา พูดด้วยความเคารพ “ท่านอ๋องน้อย พาคนมาแล้วขอรับ”
“ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ!”
คนรับใช้หันไปเรียกผู้ที่อยู่ด้านหลัง ไม่นานนัก ชายรูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งเดินเข้ามา ดวงตาลึกโหล โหนกแก้มโปน แววตามีรังสีอำมหิตแผ่ออกมา เขาประสานมือคารวะหลังจากเดินเข้ามาในห้อง “จงหลีซ่านคารวะท่านอ๋องน้อย!”
“เจ้าก็คือจงหลีซ่าน?” เจิ้งฟางยิ้มหยัน ก่อนเอ่ย “ยุทธภพร่ำลือว่าเจ้าคือมือกระบี่สังหารที่โหดเหี้ยมที่สุดแห่งชายแดนเมืองหลันเยี่ยน ไม่รู้ว่าข่าวลือนี้จริงหรือไม่”
จงหลีซ่านเงยหน้าหัวเราะ แววตามีไอสังหาร “ท่านอ๋องน้อยอยากพิสูจน์สักหน่อยไหมขอรับ”
“ทำไมจะไม่เล่า”
เจิ้งฟางแบมือ “ชิ้ง” กระบี่บนชั้นวางกระบี่ที่ห่างออกหลายเมตรหลุดออกจากฝักเข้ามาอยู่ในมือเขาทันที ก่อนยิ้มพูด “จงหลีซ่าน มาสิ ให้ข้าดูสิว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะรับใช้ข้าหรือไม่”
“หึ…”
จงหลีซ่านแค่นเสียงหัวเราะ จู่ๆ ก็พุ่งขึ้นหน้ามาทันที กระบี่คมกริบเล่มหนึ่งโผล่มาอยู่ในมือเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ตวัดข้อมือเบาๆ ก็จู่โจมใส่ลำคอ หน้าอก และส่วนท้องของเจิ้งฟางสามจุด ร้ายกาจหาใครเทียม!
เจิ้งฟางตะลึง วิญญาณยุทธ์ปรากฏออกมา กระบี่บางในมือตวัดขึ้นลง ป้องกันการโจมตีของจงหลีซ่านติดต่อกันได้สองครั้ง แต่การโจมตีครั้งที่สามนั้นเร็วมาก ไม่มีทางที่สกัดได้ทันแน่นอน จึงได้แต่เรียกเกราะปราณสองชิ้นให้มาซ้อนกันตรงหน้าท้อง!
“ฉึก!”
รอบกระบี่ของจงหลี่ซานมีกระแสลมห่อหุ้มอยู่ ไม่คิดว่าลมนี้จะรุนแรงถึงขั้นพัดการป้องกันของเกราะปราณจนกระเด็น คมกระบี่ฉีกเสื้อผ้าของเจิ้งฟาง และมาจรดที่บริเวณหน้าท้องของเขา
ริ้วความรู้สึกเจ็บปวดทำให้เจิ้งฟางเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ยืนนิ่งไม่กล้าขยับอยู่ตรงนั้น!
“บังอาจ จงหลีซ่าน เจ้ากล้าทำให้ท่านอ๋องน้อยบาดเจ็บ!” คนรับใช้ตะโกนด่าอย่างโกรธเคือง “ทหาร!”
เวลานี้ จงหลีซ่านกลับเก็บกระบี่เข้าฝักอย่างนุ่มนวล ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ย “แต่ไหนแต่ไรมาข้าจงหลีซ่านไม่เคยทำเรื่องไร้ความหมาย ฆ่าท่านอ๋องน้อยไปก็ไม่ได้รางวัลอะไร”
เจิ้งฟางตกใจเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ตอนนี้จิตใจสงบลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังอดหวาดกลัวอยู่ไม่ได้ “จงหลีซ่าน เพลงกระบี่ของเจ้านั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ข้ายังไม่เคยเจอเพลงกระบี่ที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน”
จงหลีซ่านหัวเราะหึ ประสานมือตอบ “ท่านอ๋องน้อยชมเกินไปแล้ว หาใช่ดาบข้าที่เร็ว แต่เป็นเพราะท่านอ๋องน้อยมีความพะวง ส่วนข้านั้นไม่มี ข้าจงหลีซ่านเป็นเเค่ปรมาจารย์สวรรค์ระดับหกสิบสองเท่านั้น ไม่ได้เเข็งแกร่งกว่าท่านอ๋องน้อยเลย ท่านอ๋องน้อยเรียกข้ามาครั้งนี้ ต้องมีคนที่คิดจะกำจัดสินะ”
“ใช่”
เจิ้งฟางพยักหน้า “ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปในวิหาร แล้วฆ่าคนผู้หนึ่ง”
“อะไรนะ ฆ่าคนในวิหารสงครามหรือ” จงหลีซ่านหน้าเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไม ไม่กล้างั้นหรือ” เจิ้งฟางเผยรอยยิ้มเย้ยเยาะ
“เปล่า” จงหลีซ่านพูดเสียงเรียบ “เช่นนั้นต้องเพิ่มเงิน ฆ่าคนในวิหารต้องแบกรับความเสี่ยงอย่างมาก อย่างไรเสียในวิหารยังมีตาเฒ่าเหลยหงขอบเขตเทวะนั่งคุมอยู่ ถ้าข้าจัดการได้ง่ายๆ ก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดยืดเยื้อขึ้นมา กลัวว่าข้าคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่วิหารแล้ว ว่ามาสิ ต้องการให้ข้าสังหารใคร”
“หลินจื้อ” เจิ้งฟางตอบเบาๆ
“หืม? ผู้ช่วยฝึกระดับดาวสีทองคนใหม่ของวิหารที่ร่ำลือกันน่ะหรือ”
“หึ ไม่ใช่แค่นี้ คนผู้นี้คือนักโทษหลบหนีเมืองหยินซาน หลินมู่อวี่”
“ที่เเท้ก็คือหลินมู่อวี่ที่สังหารเจ็ดเทพยุทธ์ไปสี่คน!” จงหลีซ่านอดหัวเราะไม่ได้ และชูสามนิ้ว “ท่านอ๋องน้อย ให้ข้าเท่านี้ ข้ารับรองว่าพรุ่งนี้เช้าท่านจะได้เห็นหัวของหลินมู่อวี่”
“สามหมื่นเหรียญทอง?” เจิ้งฟางถาม
“ฮ่าๆๆๆๆ” จงหลีซ่านหัวเราะดังลั่น “ท่านอ๋องน้อยช่างมีอารมณ์ขัน ข้าหมายถึงสามแสนเหรียญทอง ไม่ใช่แค่สามหมื่น!”
“อะไรนะ?!” เจิ้งฟางตะลึง “แค่ไอ้กระจอกหลินมู่อวี่ หัวของมันมีราคามากขนาดนั้นเลยหรือ”
จงหลีซ่านยิ้มเยาะ “หูเถี่ยหนิงผู้ว่าการมณฑลชางหนานตั้งรางวัลหนึ่งแสนเหรียญทอง แต่ก็ยังจับคนผู้นี้ไม่ได้ แถมเจ็ดเทพยุทธ์ก็ตายไปกว่าครึ่ง ตอนนี้หลังจากที่หลินมู่อวี่เข้าไปฝึกที่วิหารระดับพลังเพิ่มสูงขึ้น ซ้ำยังมีเจ้าแก่เหลยหงปกป้อง ไปฆ่ามันก็เท่ากับเอาศีรษะตัวเองไปแขวนไว้ ที่ข้าเรียกแค่สามแสนเหรียญทองเพราะกังวลว่าท่านอ๋องน้อยจะไม่มีมากกว่านี้เท่านั้นเอง”
……
แววตาเจิ้งฟางเยือกเย็น “ตกลง!”