The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 88 แก่นเพลิงมังกร
หลินมู่อวี่ชาวาบที่หนังศีรษะ คลำกระดูกมังกรที่ไหม้จนดำไปบางส่วนอย่างหวาดผวา เขาหันไปมองลู่ลู่แล้วพูด “ขอบใจมากนะ ลู่ลู่ ไม่มีเจ้าละก็ พี่ชายคนนี้คงตายไปแล้วล่ะ…”
ลู่ลู่มีสีหน้าตำหนิ “พี่ชาย แบบนี้มันอันตรายเกินไปนะ ความรู้สึกเจ็บปวดของท่านทำเอาข้าตื่นจากนิทรา ท่านจะฝึกแบบนี้ต่อไม่ได้ ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกคัมภีร์หลอมกระดูกมังกรเถอะ!”
“ไม่…”
หลินมู่อวี่ตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “กระดูกชิ้นนี้เสี่ยวซีอุตส่าห์หามาด้วยความยากลำบาก จะให้เสียของไม่ได้ อีกอย่างข้ายังต้องใช้คัมภีร์หลอมกระดูกมังกรเพื่อสร้างชีพจรใหม่ ข้าต้องเสี่ยงดู ลู่ลู่อย่าขัดขวางข้าเลย ข้าตัดสินใจแล้ว”
ลู่ลู่จนปัญญา “แล้วพี่ชายจะทำอย่างไร หากยังจะทำแบบนี้ต่อ ท่านอาจโดนวิชาอันตรายนี้ทำร้ายจนตายเอาได้นะ”
“ความจริง…”
หลินมู่อวี่พึมพำ ความคิดหนึ่งก็ลอยขึ้นมาในสมอง เขาพูด “ไม่ใช่ว่าร่างกายนี้รับความเจ็บปวดระดับนี้ไม่ไหว แต่เป็นเพราะจิตไม่สามารถทนการผสานพลังมังกรอันแข็งแกร่งได้ เลยหมดสติไป ดังนั้นขอแค่ไม่สลบ การหลอมรวมกระดูกมังกรชิ้นนี้น่าจะยังมีหวังอยู่”
ลู่ลู่ตะลึงปากค้าง “พี่ชาย ท่านคิดจะใช้…โอสถรวมจิตงั้นเหรอ”
“อือ!”
โอสถรวมจิตเป็นโอสถระดับเก้า ช่วยรวบรวมจิตของผู้ใช้ให้แน่วแน่ ทำให้จิตไม่แตกซ่าน มีผลเสียคือทำให้นอนไม่หลับและตาค้าง อันตรายเพียงอย่างเดียวคือผลข้างเคียงที่มีฤทธิ์แรง หลังจากใช้โอสถรวมจิต ภายในสามถึงห้าวันอย่าได้คิดว่าจะนอนหลับเชียว
……
ช่วงพลบค่ำ หลินมู่อวี่ไปที่ร้านขายโอสถเพียงลำพัง หาซื้อสมุนไพรสำหรับปรุงโอสถรวมจิต ซึ่งต้องใช้สมุนไพรทั้งหมดสามชนิดได้แก่ หญ้าสงัดใจ ที่ตนเองยังมีเหลือเก็บไว้อยู่บ้าง หญ้าจิตสันต์ ที่ค่อนข้างหาง่าย ราคาไม่แพง แต่สมุนไพรที่สำคัญที่สุดคือบุหงาน้ำแข็ง พืชชนิดนี้สามารถดูดซับไอเย็นของอากาศและบานออกเป็นดอกไม้น้ำแข็ง ดอกไม้นี้แม้จะอยู่ใต้แสงแดดที่ร้อนแรงก็ยังคงรูปของน้ำแข็งไว้ได้ ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก แถมเป็นสมุนไพรระดับเก้า จึงค่อนข้างหายาก
“อะไรนะ ท่านต้องการบุหงาน้ำแข็งหรือ”
เถ้าแก่ร้านขายโอสถมองเขาด้วยความประหลาดใจ “บุหงาน้ำแข็งเป็นสมุนไพรต้องห้ามนะขอรับใต้เท้า แม้ท่านจะเป็นคนของวิหาร แต่…บุหงาน้ำแข็งถูกจัดเป็นสมุนไพรต้องห้ามตั้งแต่เมื่อสามร้อยปีก่อนแล้ว”
“หืม เพราะอะไรหรือ”
เถ้าแก่หัวเราะ “เพราะว่าบุหงาน้ำแข็งมีฤทธิ์กระตุ้นทำให้คึกคักน่ะสิ สามารถทำให้ผู้ใช้ปึ๋งปั๋ง ทำศึกทั้งคืนกับหญิงสาวนับสิบคนก็ไม่ล้ม แต่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายรุนแรง เคยคร่าชีวิตของพวกขุนนางไปไม่น้อย ดังนั้นทางจักรวรรดิจึงมีคำสั่งห้ามนำบุหงาน้ำแข็งไปปรุงโอสถขอรับ…”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้จะใช้บุหงาน้ำแข็งทำเรื่องพวกนี้เสียหน่อย…เถ้าแก่ ข้าเป็นคนของวิหารระดับดาวสีทอง กฎหมายจักรวรรดิไม่ได้กำหนดไว้แล้วหรือว่า ข้อห้ามเหล่านี้สามารถยืดหยุ่นได้สำหรับคนของวิหาร ท่านก็ขายบุหงาน้ำแข็งให้ข้าสักนิดเถอะ”
เถ้าแก่ลำบากใจเป็นอย่างมาก แล้วพูดว่า “คือ…เฮ้อ ในเมื่อใต้เท้ายืนกราน ข้าจะขายให้ท่านหนึ่งต้นก็แล้วกัน ร้านข้ามีบุหงาน้ำแข็งแค่สองต้นเท่านั้น…แต่เพราะบุหงาน้ำแข็งหาได้ยากยิ่ง ดังนั้นราคาจึงมีราคาแพงมาก ต้นละหนึ่งร้อยเหรียญทอง ท่านต้องการหรือไม่”
หลินมู่อวี่คลำเงินในกระเป๋า เงินเดือนเดือนนี้ของตนยังไม่ได้รับ ทั้งตัวมีเพียงหนึ่งร้อยเหรียญทอง เขาพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ ร้อยเหรียญก็ร้อยเหรียญ ข้าซื้อ!”
“ได้เลยขอรับ!”
บุหงาน้ำแข็งต้นหนึ่งถูกนำออกมาอย่างรวดเร็ว ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเดิมทีอากาศยังไม่หนาวมาก แต่กลีบดอกของบุหงาน้ำแข็งกลับมีน้ำแข็งเกาะหนา หลินมู่อวี่ประคองมันขึ้นมา แล้วมุ่งตรงกลับวิหาร ตลอดทางมีผู้ช่วยฝึกและครูฝึกทักทายเขา แต่เขาไม่ได้สนใจ กลัวว่าพวกเขาจะรู้ว่าตนเองกำลังถือสมุนไพรต้องห้ามอยู่ แบบนั้นคงไม่ดีแน่
หลังจากเข้าไปในห้องลับ เขาเริ่มสกัดแก่นโอสถทันที จากนั้นนำแก่นโอสถทั้งสามชนิดมาหลอมรวมกันในอัตราส่วน หนึ่ง : หนึ่ง : แปด ด้วยเปลวไฟ และใช้ปราณไล่สิ่งแปลกปลอมให้ระเหยออกไปจากแก่นโอสถในขั้นสุดท้าย เหลือไว้เพียงส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดสำหรับปรุงโอสถ วิธีการแบบนี้คงจะหายสาบสูญไปจากแผ่นดินนี้แล้วกระมัง
หนึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป โอสถรวมจิตก็เสร็จสมบูรณ์
เนื่องจากโอสถรวบรวมจิตมีฤทธิ์ยาวนาน ดังนั้นจะดื่มเมื่อไรก็ได้ เมื่อก่อนหลินมู่อวี่เคยดื่มโอสถรวมจิตเฉพาะตอนอยู่ในเกม แต่ครั้งนี้ต้องมาดื่มยาจริงๆ รสชาติมันต้องไม่ได้เรื่องแน่ หลังจากดื่มโอสถลงไปแล้ว รู้สึกถึงความขม แต่พริบตาเดียวก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก ฮึกเหิมไปทั้งร่าง
ผลข้างเคียงที่ตามมาคือกระแสอุ่นๆ ที่ออกมาจากจุดตันเถียน สายหนึ่งตรงเข้าสมอง อีกสายตรงไปที่ร่างกายท่อนล่าง อืม นี่ก็คือฤทธิ์ของบุหงาน้ำแข็งสินะ…
หลินมู่อวี่เริ่มหลอมกระดูกมังกรอีกครั้ง แสงจากติ่งหลอมอาวุธสว่างไปทั่วห้องลับ เปลวไฟฉวัดเฉวียน กระดูกมังกรเริ่มสั่น เสียงคำรามของมังกรดังสะท้อนก้องอยู่ในห้อง
หลินมู่อวี่ปิดตาทั้งสองลง ค่อยๆ ควบคุมปราณหลอมกระดูกมังกร พลังมังกรไหลซึมเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง ในขั้นตอนการหลอมกระดูกนั้นจะมีการสร้างกระดูกขึ้นใหม่ ความเจ็บปวดอันใหญ่หลวงไหลบ่าเข้ามา ทำให้เขาต้องร้องออกมาทันที ความรู้สึกที่ถูกโจมตีรุนแรงและความกระปรี้กระเปร่าของโอสถรวมจิตผสมปนเปกัน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ครั้งนี้เขาไม่ได้หมดสติไป!
กระดูกทุกอณูรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกและร้อนระอุสลับกันไป ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับตายทั้งเป็น ถ้าไม่มีโอสถรวมจิต เกรงว่าตอนนี้คงได้สลบไปอีกครั้ง หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น ใบหน้าตึงเครียด ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เปลวเพลิงอันร้อนแรงของพลังมังกรวนเวียนอยู่รอบกายเขา แต่กลับไม่ได้เผาไหม้ร่างกาย เพียงแต่หลอมกระดูกของเขาไปทุกอณู
วินาทีที่พลังมังกรแทรกซึมเข้าสู่ไขกระดูก ในที่สุดความเจ็บปวดของจริงก็มาถึง
“ฮึก ฮึก…”
เขาอดร้องโอดครวญออกมาไม่ได้ นี่เป็นความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย เป็นความเจ็บปวดที่ทำให้คนยอมเต้นระบำเท้าเปล่าบนคมมีดหรือเปลวไฟแทนยังจะดีเสียกว่า ขั้นตอนนี้ยาวนานมาก ใช้เวลาถึงเจ็ดแปดชั่วโมง ยามที่หลินมู่อวี่เกือบจะสลบไป โอสถรวมจิตก็จะดึงเขากลับมาจากมัจจุราช
โอสถรวมจิตเขาปรุงขึ้นมาเอง ความจริงก็เป็นการช่วยเหลือตัวเองด้วยเหมือนกัน
……
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ ความเจ็บปวดก็หายไปสิ้น กระดูกมังกรในติ่งหลอมอาวุธกลายเป็นฝุ่นสลายไปตามลม แต่ในตอนนี้เอง หลินมู่อวี่รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวทะลวงอยู่ในชีพจรของเขา ความรู้สึกอึดอัดที่ต้องระบายออกกำลังยึดครองร่าง
เขาค่อยๆ แบมือออก พลังก็ปรากฏขึ้นมา นั่นคือเปลวไฟสีม่วงอ่อนสายหนึ่ง !
“นี่คือ?”
เขาตกใจนิดหน่อย
ในตอนนี้เอง เสียงของเหลยหงดังมาจากนอกประตู “เจ้าหนุ่ม นี่คือแก่นพลังแท้ เป็นพลังที่เกิดจากสายเลือดของมังกร เรียกอีกชื่อว่าแก่นเพลิงมังกร จงใช้มันให้ดี สิ่งนี้สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุค บนแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ที่สามารถครอบครองแก่นเพลิงมังกรมาหลายร้อยปีแล้ว
“อ๊ะ ปู่เหลยหง?” หลินมู่อวี่ตกใจมาก เขาไม่เคยคิดว่าเหลยหงจะแอบดู ความจริงแล้วเหลยหงจัดห้องลับให้เขา เหตุผลสำคัญน่าจะเพื่อคุ้มครองเขาระหว่างการฝึก ไม่เช่นนั้นถ้าหลินมู่อวี่เป็นอะไรไประหว่างการฝึกขึ้นมา ชวีฉู่ต้องไม่ยกโทษให้เหลยหงง่ายๆ แน่
เหลยหงหัวเราะ “อาอวี่เอ๋ย แก่นเพลิงมังกรนี้แม้ว่าจะทรงพลังมาก แต่เจ้าห้ามเผยต่อหน้าผู้อื่นง่ายๆ เด็ดขาด เกิดมีคนดูออกว่าวิชาที่เจ้าใช้เป็นแก่นเพลิงมังกร เจ้าจะมีเรื่องปวดหัวเข้ามาไม่ขาดสาย เอาล่ะ ข้าเฝ้าดูเจ้ามาทั้งวันแล้ว จะไปหาอะไรกินสักหน่อยก่อนล่ะ…ส่วนเจ้า ทางที่ดีรีบหาที่ระบายเสีย ทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลวงมีหอชุนฮวา หญิงสาวในนั้นจัดว่าไม่เลวเลยทีเดียว เจ้าไปดูได้ ถ้าไม่มีเงินก็ลงบัญชีวิหารไปก่อน ข้าไปล่ะ”
“นี่ข้าหลอมกระดูกไปทั้งวันเชียวหรือนี่”
หลินมู่อวี่พึมพำกับตนเอง ใช้ญาณสัมผัสดู ก็สัมผัสได้ว่าพลังแข็งแกร่งของเหลยหงนั้นห่างออกไปไกล ดูท่าจะไปจริงๆ แล้ว
ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ คัมภีร์ในส่วนของการล้างกระดูกและชำระไขกระดูก เขาหลอมรวมกระดูกมังกรสำเร็จแล้ว ทั้งยังได้พลังลึกลับที่ชื่อว่าแก่นเพลิงมังกรนี้มาโดยบังเอิญอีกด้วย แต่ว่า…เหลยหงบอกให้เขาไปหาหญิงสาวที่หอชุนฮวาเพราะอะไรกัน
เขารู้สึกมึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเปลวเพลิงสายหนึ่งพุ่งจากร่างกายส่วนล่างขึ้นมาที่จุดตันเถียน ร่างกายหลินมู่อวี่ร้อนรุ่ม ในหัวมีเสียงหึ่งๆ ขึ้น และเขาก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไปทันที แก้มร้อนผ่าว นี่มันเกิดอะไรขึ้น
นี่เป็นผลจากการใช้โอสถรวมจิตเช่นนั้นหรือ
ให้ตายสิ นี่มันได้ผลยิ่งกว่ายาเอ็กซ์อีกนะ แม้แต่ยอดฝีมืออย่างหลินมู่อวี่ยังต้านทานเพลิงตัณหาที่ชูชันขึ้นมานี้ไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดีแล้ว
แต่ตอนนี้เอง เรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดัง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เป็นจังหวะ พร้อมเสียงของถังเสี่ยวซี “มู่มู่ เจ้าอยู่ไหม”
“ข้า…”
หลินมู่อวี่เปิดปาก และรู้สึกว่าตอนนี้ไม่เหมาะสม จึงรีบหุบปากทันที แต่ก็สายไปเสียแล้ว
“ที่แท้เจ้าก็อยู่ ข้าจะเข้าไปละนะ…”
ถังเสี่ยวซีใช้มือผลักเปิดประตู แม่งเอ๊ย ดันลืมลงกลอนประตูหินซะได้!
……
หลินมู่อวี่รู้สึกเสียใจสุดขีดที่พลาดแบบนี้ ร่างงามอ่อนช้อยของถังเสี่ยวซีปรากฏขึ้นในห้องลับ นางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “มู่มู่ ทำไมหน้าเจ้าแดงแบบนี้ ไม่สบายหรือ”
“ข้า…” เขาแทบจะพูดไม่ออกอยู่แล้ว ก้นบึ้งหัวใจมีความอยากกระหายนับพันนับหมื่นผุดขึ้นมา แต่หญิงสาวตรงหน้าคือถังเสี่ยวซี ผู้หญิงที่เขาแตะต้องไม่ได้เป็นอันขาด!
ถังเสี่ยวซีสวมชุดกระโปรงรัดรูป ยิ่งขับรูปร่างสะโอดสะองของนางให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น นางค่อยๆ เดินมานั่งข้างเขา ถามไถ่เป็นห่วง “เป็นอะไรไปหรือ”
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวลอยเตะจมูก หลินมู่อวี่หายใจหอบแรง จิตสำนึกฝ่ายดีและฝ่ายชั่วรบสู้กัน ถึงจะตายก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความอยากกระหายเด็ดขาด เขาพูด “เสี่ยวซี เจ้ารีบออกไป รีบไปสิ ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว…”
“เจ้า…ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ถังเสี่ยวซีเข้ามาใกล้ ยื่นมือแตะหน้าผากของเขา “ว๊าย ทำไมตัวร้อนเช่นนี้ล่ะ”
หลินมู่อวี่ก้มหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และเห็นกระต่ายน้อยสีขาวอวบแน่นตั้งชันคู่หนึ่งตรงหน้าอกขององค์หญิงซี ช่างขาวบริสุทธิ์เสียจริง
สมองของเขาสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง!
“เสี่ยวซี…”
เขายื่นมือไปคว้าเอวคอดของถังเสี่ยวซี มือซ้ายถือโอกาสปีนป่ายไปบนเนินศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าอกของนาง และก้มหน้าประกบริมฝีปากเข้ากับปากของถังเสี่ยวซี ถังเสี่ยวซีตัวแข็งเป็นหินในพริบตา ดวงตาเบิกกว้าง ขนตางอนยาวสั่นไหวเบาๆ ริมฝีปากของหลินมู่อวี่ยังคงประทับอยู่บนริมฝีปากของนาง ร่างกายร้อนวูบ ความรู้สึกแบบนี้…แทบมิอาจจะปฏิเสธ
แต่ว่า หน้าอกที่เป็นพื้นที่หวงห้ามกลับถูกรุกราน ถังเสี่ยวซีรู้สึกทั้งอายและโกรธผสมปนเป ผลักหลินมู่อวี่ออกทันที
“มู่มู่! นี่เจ้าทำบ้าอะไรน่ะ!?”
นางเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและดูพร่าเลือนของหลินมู่อวี่ก็เดาออกได้ทันที รีบยกมือขึ้นทันทีพร้อมขับพลังปราณ กระแทกฝ่ามือใส่หน้าอกของหลินมู่อวี่ พร้อมเปล่งเสียงออกมา “คาถาสงบจิต!”
แสงสีครามจางๆ ไหลเวียนอยู่ที่ฝ่ามือ เพียงชั่วพริบตา สติของหลินมู่อวี่ก็กลับมากระจ่างดังเดิม
……
“อา…”
เขาหลุดจากผลข้างเคียงของโอสถรวมจิตทันที จุดหลิงไถกระจ่าง ยิ่งกว่านั้นยังรู้ด้วยว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น เขามองถังเสี่ยวซีที่หน้าแดงก่ำด้วยใบหน้าสำนึกผิด จนแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี “เสี่ยวซี…ข้า…ข้าขอโทษ จริงๆ แล้ว…”
หลินมู่อวี่ตะกุกตะกักอยู่นานก็ยังพูดไม่รู้เรื่อง กลับเป็นถังเสี่ยวซีที่มองเขาด้วยความเยือกเย็น กลัดกระดุมเสื้อคลุมตรงหน้าอกใหม่อีกครั้ง ลุกขึ้นยืนตบไหล่เขาเบาๆ แล้วเอ่ย “ตาโง่ บุหงาน้ำแข็งเจ้ายังจะกล้าผสมลงในโอสถ ไม่ห่วงชีวิตเลยจริงๆ หากตอนเด็กข้าไม่ได้เรียนคาถาสงบจิตมาละก็ เหอะ เหอะ เกรงว่าชีวิตของเจ้าคงต้องจบสิ้นแล้ว…”
แน่นอนหลินมู่อวี่เข้าใจความหมายของนาง หากตนพรากความบริสุทธิ์ของหลานสาวชางหลานกง ทหารนับแสนคนแห่งเมืองชีไห่คงยกทัพมาสับร่างเขาให้เป็นชิ้นๆ แน่
“ขอบใจนะ เสี่ยวซี…” เขายังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
ถังเสี่ยวซีขำ “เจ้าก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ข้าอภัยเจ้าก็แล้วกัน ข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่าอีกไม่นานก็จะถึงเทศกาลซั่งซีแล้ว เจ้ามีแผนจะทำอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็มาฉลองกับข้าเถอะ!”
“เทศกาลซั่งซี? มันคืออะไร…” เขาหน้าตามึนงง
ถังเสี่ยวซีทำหน้าดูถูก “แม้แต่เทศกาลซั่งซีก็ไม่รู้จักหรือ เจ้านี่ป่วยหนักเลยนะ ก็ได้ เทศกาลซั่งซีเป็นเทศกาลที่สำคัญมาก หมายถึงการเฉลิมฉลองพร้อมหน้ากัน ในวันนี้แต่ละคนจะใช้เวลาอยู่กับสหายสนิทและครอบครัวไงล่ะ ข้าเห็นว่าเจ้าไม่มีเพื่อน งั้นก็มาฉลองกับข้าสิ ว่าอย่างไร”
“ได้สิ!”
หลินมู่อวี่แอบดีใจ ถังเสี่ยวซีเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ถ้าเพราะเรื่องวันนี้ทำให้นางโมโห คงเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง โชคดีที่นางให้อภัย
อย่างไรเสียตนเองก็ตัวคนเดียว มีเพื่อนสักคนก็ดีเหมือนกัน