The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 82 ความผิดพลาดโดยบังเอิญ
หลินมู่อวี่หลับตาลง กอดฉินอินไว้ในอ้อมอก แล้วยื่นมือมาจากด้านหลังช่วยนางแต่งตัวให้เรียบร้อย ฉินอินอายแก้มแดง กลิ่นอายของอีกฝ่ายอบอวลปะทะจมูก ทำเอาร่างกายของนางตกอยู่ในอาการที่ประหลาดอัศจรรย์
……
หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ฉินอินก็รู้สึกอุ่นวาบที่หน้าอก ผงสงัดใจออกฤทธิ์เร็วมาก ราวกับกระแสความอุ่นที่ไหลจากบาดแผลไปละลายร่างกายที่ถูกแช่แข็งเพราะพิษงู แม้แต่ความเจ็บปวดรุนแรงที่บาดแผลก็ทำให้ฉินอินรู้ว่าได้รับการช่วยเหลือแล้ว เจ้าหมอนี่มีฝีมือจริงๆ ด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถถอนพิษงูมังกรได้!
แขนค่อยๆ มีความรู้สึกกลับมา นางรวบชุดอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณเจ้ามาก…”
“ไม่ต้องเกรงใจ เก็บเงินน่ะ…” หลินมู่อวี่รีบปรุงยาถอนพิษอีกหลายขวด
“ทำไมเจ้า…ถึงเห็นแก่เงินนัก” ฉินอินนั่งตัวตรง อุปนิสัยขององค์หญิงแห่งจักรวรรดิฟื้นคืนกลับมาบางส่วน
แน่นอนว่าหลินมู่อวี่บอกไม่ได้ว่าตนเองอยากเรียนทักษะตีอาวุธ ต้องการเงินไปซื้อวัตถุดิบ จึงตอบไปว่า “คุณหนูที่ร่ำรวยอย่างเจ้าจะมาเข้าใจความลำบากของพวกคนจนอย่างพวกข้าที่ไหน อย่างไรเสียเงินก็เป็นสิ่งจำเป็น ไม่มีเงินจะทำอะไรก็ลำบาก”
พูดจบ เขาก็เก็บขวดยาถอนพิษที่ปรุงเสร็จแล้วเข้าในอกเสื้อ หยิบกระบี่เหลียวหยวนแล้วลุกขึ้นยืน “ข้ายังมีเรื่องเร่งด่วน ขอตัวก่อนล่ะ อ่อ ใช่แล้ว บอกที่อยู่ของเจ้ามาด้วย ข้าจะได้ไปเก็บเงินเจ้าถึงที่!”
ฉินอินอดยิ้มไม่ได้ “งั้นก็ได้ บ้านข้าอยู่ที่เมืองหลวง ถนนทงเทียนเลขที่หนึ่ง…”
“ถนนทงเทียนหรือ!”
หลินมู่อวี่คิดแล้วยิ้มตอบ “อยู่ถนนเส้นเดียวกับวิหารศักดิ์สิทธิ์เลย แบบนี้ก็ง่ายล่ะสิ”
“เจ้าคือคนของวิหารสงครามศักดิ์สิทธิ์?” ฉินอินตกตะลึง
“อืม…” หลินมู่อวี่เกาหัว ยิ้มพูด “ข้ายังมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน!”
“อ่อ ได้”
หลินมู่อวี่เดินหายไปจากสายตาของฉินอิน พริบตาเดียวก็หายเข้าไปในความมืด
หลินมู่อวี่เสียเวลาตามหาอยู่ในป่าตั้งนาน ก็ไม่พบม้าที่หายไปของตน แต่กลับเห็นทหารม้าจำนวนมากถือคบเพลิงกำลังค้นหาอะไรอยู่ในป่า
“คนพวกนี้คงจะมาตามหาเสี่ยวซีกระมัง” เขาพูดอยู่ในใจ และไม่ตามหาม้าศึกต่อ แต่กลับหันกลับแล้วพุ่งเข้าไปยังในทุ่งนา
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนเขาจะลืมอะไรไป ใช่แล้ว ดันลืมถามเสียได้ว่าหญิงงามคนนั้นชื่ออะไร พลาดแล้วๆ! หนึ่งพันเหรียญทองสงสัยจะปิ๋วซะแล้ว แต่ยังดีที่รู้ที่อยู่!
……
“องค์หญิง! องค์หญิง!”
ในป่าลึกมีเสียงตะโกนของทหารม้าดังไม่ขาดสาย
ป่าล่ามังกรในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง กลางคืนอากาศหนาวเย็นมาก ฉินอินกระชับเสื้อคลุมไว้แน่น หนาวจนสั่นไปทั้งตัว อีกทั้งยังบาดเจ็บหนัก ไม่มีแรงเรียกพลังปราณออกมา แม้แต่แรงตะโกนก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
นางเดินไปทีละก้าวๆ จนถึงทางเดินเล็กๆ ในป่า และใช้เสียงที่คิดว่าดังที่สุดตะโกนออกไป “ข้าอยู่นี่”
ทหารม้ารักษาพระองค์หูไวหันกลับไปดู เห็นองค์หญิงยืนอยู่ใต้แสงดาว เขารู้สึกเหมือนเกิดใหม่ทันที ตะโกนด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่ง “แม่ทัพเฟิง องค์หญิงอยู่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
ห่างออกไป แขนของเฟิงจี้สิงพันผ้าพันแผล ชุดสีขาวด้านหลังก็ถูกย้อมเป็นสีแดง เขาถือดาบบังคับม้าเข้ามาด้วยความเร็ว และรีบลงมาคุกเข่าข้างหนึ่งที่พื้น ประสานมือคารวะ “กระหม่อมขออภัยที่มาช้า องค์หญิงทรงไม่เป็นอะไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร”
ฉินอินก้มมองแล้วยิ้ม “แม่ทัพเฟิง ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ”
เฟิงจี้สิงส่ายหน้ายิ้ม “แผลเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ แต่กองทหารรักษาพระองค์เพื่อที่จะไล่เจ้างูมังกรนั้นจึงบาดเจ็บและล้มตายไปไม่น้อย เป็นความผิดพลาดจริงๆ ยังดีที่พระองค์ไม่ทรงเป็นอะไร แค่นี้ก็ดีเหลือเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
เขาเห็นหน้าอกของฉินอินมีผ้าพันแผล อดที่จะถามไม่ได้ “องค์หญิง…ท่านไม่ได้ถูกพิษของงูมังกรหรอกหรือ พิษนั่น…ทรงไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร พิษถูกถอนไปแล้ว”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน นั่นพิษงูมังกรพิษหมื่นปีเชียวนะ…” เฟิงจี้สิงประหลาดใจ “ถอนพิษอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าพบคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง เขาช่วยข้าถอนพิษ”
“อ่อ ผู้ใดกัน คนผู้นั้นชื่ออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เอ่อ…” ฉินอินชะงักทันที ใบหน้างดงามเผยความงุนงง แย่แล้ว ลืมถามชื่อของคนผู้นั้นเสียได้ ข้านี่สะเพร่าอีกแล้วสินะ!
เฟิงจี้สิงคล้ายจะเดาอะไรได้ จึงกลั้นยิ้มไว้แล้วกล่าวต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมจะส่งคนคุ้มกันองค์หญิงกลับเมืองหลวงก่อน ส่วนภารกิจช่วยองค์หญิงซีกระหม่อมจะนำคนออกค้นหาต่อพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ ข้าจะไปด้วยตนเอง!”
“เช่นนั้น…ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
……
ยามรุ่งสาง แสงอรุณสาดส่องลงมายังป่าล่ามังกร
เข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ผลิ ใบเฟิง (ใบเมเปิ้ล) มีสีแดงคล้ายเปลวไฟ สาวน้อยนางหนึ่งใช้กิ่งไม้ทำเป็นไม้เท้า เดินกะเผลกอยู่บนภูเขา รองเท้าของนางถูกก้อนหินทิ่มทะลุจนขาด เผยให้เห็นเท้าขาว นางมองดูทิศทางของดวงอาทิตย์ มุ่ยปาก “ทางนั้นคือทิศตะวันออก งั้น…ทิศตะวันตกเฉียงใต้น่าจะเป็นทางนี้ ไม่ใช่ๆ น่าจะเป็นอีกทาง…”
พูดจบ นางก็กระทืบเท้าด้วยอาการที่ไม่ได้ดั่งใจ “ถังเสี่ยวซี เจ้านะเจ้า ทำไมไม่รู้จักตั้งใจเรียนภูมิศาสตร์ให้ดีๆ ตอนนี้เป็นไงล่ะ หลงทางอีกแล้ว ฮือๆ หิวจังเลย…”
นางเดินกะเผลกต่อไปทางข้างหน้า ต้องเดินต่อไป ไม่เช่นนั้นก็คงได้แต่รอความตาย
เพียงแต่ถังเสี่ยวซีไม่รู้ว่า มีเสือดำตัวหนึ่งกำลังค่อยๆ ย่องมาจากภูเขาอีกด้านหนึ่ง นัยน์ตาไร้ความปรานีของมันจับจ้องนาง สำหรับเสือดำแล้วนางไม่ใช่หญิงงามอะไร เป็นเพียงอาหารเช้าอันโอชะหนึ่งมื้อเท่านั้น
นี่คือสัตว์วิญญาณเสือดำอายุสามพันปี และกำลังอยู่ในช่วงผสมพันธุ์ ต้องการอาหารจำนวนมากมาชดเชยพลังงานที่เสียไป เท้ามันเหยียบย่างลงมาบนเศษใบไม้และหินบนพื้นอย่างไร้ซุ่มเสียง ค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปใกล้ถังเสี่ยวซี
ในที่สุด เมื่อทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงยี่สิบเมตร เสือดำก็คำรามเสียงดัง กระโจนเข้าใส่นาง!
“เอ๋?”
ถังเสี่ยวซีตื่นตัวอย่างรวดเร็ว กางฝ่ามือข้างหนึ่งออก วิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคีปรากฏตัว สะบัดกิ่งไม้ในมือฟันลงไปเป็นกากบาทกลางอากาศ!
“เปรี้ยง!”
ใครจะคิดว่าผิวของเสือดำตัวนี้จะมีพลังวิญญาณปกป้องอยู่ ทันใดนั้นทะลวงการป้องกันของถังเสี่ยวซีเข้ามาได้ กรงเล็บคมสะบัด “ฉัวะ” ฝากบาดแผลเอาไว้ที่ไหล่ของนาง
หากเป็นวันปกติถังเสี่ยวซียังพอมีแรงสู้ แต่ตอนนี้บาดแผลเต็มตัว แถมท้องก็ยังหิวอีก ไหนเลยจะรับมือศัตรูได้ จึงรีบเหยียบวงแหวนแสงของจิ้งจอกอัคคีหลบหนีไป
“โฮกกกก!”
เสือดำคำรามไล่ตาม มีหรือที่มันจะปล่อยอาหารโอชะมื้อนี้ไปง่ายๆ
และในตอนที่กรงเล็บของเสือดำใกล้เข้ามาอีกครั้ง ก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นมาจากที่ไกล พร้อมเสียงที่คุ้นหูตะโกนดังมา “นั่นองค์หญิงซี รีบตามข้ามาเร็ว!”
ในป่าเฟิง (ป่าเมเปิ้ล) เงาร่างสีขาวตะบึงม้าเข้ามา เป็นชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีขาว มือถือดาบรูปร่างประหลาดเล่มหนึ่ง ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็กระโดดลงจากหลังม้า ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศก็กางฝ่ามือออกแล้วตะโกน “เจ้าเดรัจฉาน ตายซะ!”
“ปัง!”
แสงสีทองระเบิดออกมา โซ่สีทองเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ แทงทะลุท้องเสือดำ เลือดและลำไส้ไหลทะลักออกมาทันที คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะที่เหมือนกับของฉินอินทุกประการ!
ดาบฟันลงมาดั่งสายฟ้าแลบ “ฉัวะ” หัวของเสือดำกลิ้งลงบนพื้นหญ้า เขาถือดาบที่เปื้อนเลือดแล้วประสานมือ “เสี่ยวซี เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ข้านำกองทหารอวี้หลินมาช่วยเจ้าแล้ว!”
ถังเสี่ยวซีตัวสั่น ความน้อยอกน้อยใจทั้งหมดทะลักออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลพรู “ท่านพี่ฉินเหลย ในที่สุดท่านก็มาสักที ข้าเกือบจะตายอยู่ที่นี่แล้ว!”
แววตาของฉินเหลยเต็มไปด้วยความสงสาร “เจ้าเด็กโง่ ไม่เป็นไรแล้ว พักสักหน่อย เดี๋ยวพวกเรากลับเมืองหลันเยี่ยนกัน วางใจเถอะ มีข้าฉินเหลยอยู่ที่นี่ สัตว์วิญญาณตัวไหนก็ทำร้ายเจ้าไม่ได้”
“อือ” ถังเสี่ยวซีพยักหน้าแรงๆ แล้วถาม “ท่านมีของกินไหม”
“มีสิ!”
ฉินเหลยรีบหยิบเนื้อสุกและน้ำออกมา ถังเสี่ยวซีก็ไม่สนภาพลักษณ์หญิงเรียบร้อยอะไรแล้ว รีบยัดของกินเข้าปากอย่างมูมมาม หลังจากทานอิ่มแล้ว ปากน้อยๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยจะสำรวมเท่าไหร่ จึงรีบคืนท่าทีกลับมาเป็นองค์หญิงแล้วกล่าว “ท่านพี่ฉินเหลย ทางเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยังปกติเหมือนเดิม” ฉินเหลยถือดาบยืนอยู่ข้างม้า “เพียงแต่หลังจากได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าในป่าล่ามังกร แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ทรงตกพระทัย นี่ยังไม่นับ…เมืองหลวงส่งทหารนับหมื่นนายออกมาค้นหาตัวเจ้าที่ป่าล่ามังกร ยังดีที่ข้าหาเจ้าพบ ทุกคนกังวลกันแทบตาย ข้าได้ยินว่า…ฉินอินก็แอบออกจากวังมาตามหาเจ้าเหมือนกัน!”
“เสี่ยวอินนาง…” ถังเสี่ยวซีเม้มปาก “นางคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ฮ่าๆ วางใจเถอะ นางตามผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงแห่งกองทหารรักษาพระองค์ไป แถมพวกเขามีทหารรักษาพระองค์ไปด้วยห้าพันนาย น่าจะไม่เป็นอะไร เจ้าดูข้าสิ ข้ามีแค่องครักษ์อวี้หลินสองพันนายเท่านั้นเอง”
ถังเสี่ยวซีมองกลุ่มองครักษ์อวี้หลินที่อยู่ด้านหลังฉินเหลย รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง จึงยิ้มกล่าว “ข้าต้องขอโทษทุกคนด้วยจริงๆ ที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนกันหมด…”
ฉินเหลยยิ้ม แล้วถาม “เสี่ยวซี เจ้าหลินมู่อวี่เป็นใครกันแน่ ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นแค่นักโทษอุกฉกรรจ์ของจักรวรรดิ ทำไมเจ้าต้องเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายเพื่อคนแบบนั้นด้วย”
“ไม่ หลินมู่อวี่ไม่ใช่นักโทษ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!” ถังเสี่ยวซีแววตาเด็ดเดี่ยว “เขาช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นข้าจำเป็นต้องมาตามหาเขาที่ป่าล่ามังกร โชคไม่ดีดันมาเจอพวกโรงเตี๊ยมจอมยุทธ์ซุ่มโจมตี ทำให้องครักษ์ข้างตัวข้ามากมายต้องมาตาย…”
ฉินเหลยกล่าว “หน้าที่ของทหารก็คือสละชีพเพื่อปกป้อง การตายของพวกเขาย่อมมีค่าอย่างแน่นอน เสี่ยวซีอย่าตำหนิตัวเองนักเลย พวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงเถอะ ข้าจะส่งหนังสือรานงานให้ฉินอินและเฟิงจี้สิงทราบเรื่อง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะยังค้นหาต่อเหมือนกับแมลงวันไร้หัวอยู่ในป่าล่ามังกร!”
“อืม ตกลง!”
……
นกสีขาวโบยบิน กระพือปีกอยู่กลางท้องฟ้า ไปแจ้งข่าวคราวของเสี่ยวซี
บนแผ่นดินกว้างใหญ่ หลินมู่อวี่ถือกระบี่เดินทางอย่างเร่งรีบ เขาหลบหลีกสัตว์วิญญาณทั้งหลาย เพื่อที่จะตามหาถังเสี่ยวซีให้ได้เร็วขึ้น แต่เส้นทางดูเหมือนจะห่างไกล ทิศทางที่เขาไปไม่มีทางตามหาถังเสี่ยวซีพบตลอดกาล เขาเงยหน้ามองฟ้า เห็นนกสีขาวตัวหนึ่งบินผ่าน ไม่รู้ว่าเป็นนกส่งสารของตระกูลไหน
อีกด้านของเทือกเขาที่ทอดยาว นกค่อยๆ ร่อนลงที่ไหล่ของเฟิงจี้สิง เขาแกะจดหมายดู อดที่จะยินดีไม่ได้ “องค์หญิง แม่ทัพฉินเหลยพบองค์หญิงซีแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินอินพลอยดีใจ “เยี่ยม เสี่ยวซีอยู่ไหนล่ะ”
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่นัดเจอพวกเราที่ประตูเมืองตะวันตก!”
“อือ งั้นรีบออกเดินทางกันเถอะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”