The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 68 สองต่อหนึ่ง
EP.68 สองต่อหนึ่ง
“ ใช้สายลมเมามาย ข้าจะไปถ่วงเวลา”
เสียงแผ่วเบาของหลินมู่อวี่ลอยไปตามลม ไปกระทบหูของฉู่เหยา
ฉู่เหยาทำตามที่บอกมา หยิบสายลมเมามายออกมาเทลงพื้นหญ้าเงียบๆ โชคดีที่อยู่ต้นลม กลิ่นของสายลมเมามายพัดลอยตามลมไปทางสองคนนั้น แต่สองคนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีการระวังตัวใดๆ เลย
……
“ เจ็ดเทพยุทธ์อีกแล้วงั้นรึ”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ชักกระบี่ เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่ข้าออกจากเมืองหยินซานก็ไม่ได้ไปล่วงเกินใคร ความจริงพวกท่านไม่จำเป็นต้องมาไล่สังหารข้าแบบนี้ หากบนตัวข้ามีของอะไรที่มีค่า ข้าพร้อมมอบให้แก่ท่านทั้งสองแต่โดยดี ตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือมีชีวิตรอด”
ที่เขาพูดมากขนาดนี้ก็เพื่อจะถ่วงเวลา เพราะอย่างไรเสียร่างกายเขายังบาดเจ็บอยู่ แผลที่ถูกธนูของเย่เหลียงยิงที่ทรวงอกยังไม่หายดี ก็มาถูกทวนของหัวหน้าทหารรับจ้างจั๋วเฟิงแทงเข้าอีกหนึ่งแผล บาดเจ็บซ้ำที่เดิมอีก ฝ่ายตรงข้ามทั้งสองคนในยามนี้ล้วนแข็งแกร่ง ร่างของซ่งเหรินโท่วและซ่งปาฝู่มีเกราะปราณจางๆ ปรากฏอยู่ บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือขั้นปราชญ์สงครามระดับที่น่าจะมากกว่าห้าสิบขึ้นไป คนเดียวก็ว่าจัดการยากแล้ว แต่นี่มาตั้งสองคน หลินมู่อวี่จะสู้ตัวต่อตัวก็ไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงต้องรอให้สายลมเมามายออกฤทธิ์ ซึ่งขั้นตอนนี้กินเวลาอย่างน้อยห้านาที
“ งั้นหรือ”
ซ่งปาฝู่ค่อยๆ ง้างสายธนู ลูกธนูสองดอกพาดอยู่บนสายธนู ยักคิ้วพูด “บนตัวของเจ้ายังมีอะไรที่แพงกว่าหัวของเจ้าอีกหรือ”
“ แน่นอนว่ามี!”
หลินมู่อวี่ใจเต้นตึกตัก เขาหยิบมีดบินสี่เล่มออกมาจากเอว ส่งปราณเข้าไปเบาๆ มีดบินที่อยู่บนฝ่ามือก็หมุนประกอบเข้าด้วยเป็นมีดบินสี่คม “เจ้าดูนี่ นี่คือมีดสั้นที่ติ่งอัคคีชวีฉู่ให้ไว้แก่ข้า เป็นอาวุธลับชนิดหนึ่งมีชื่อว่ามีดเสียงปีศาจ เป็นอาวุธที่สืบทอดมาของแม่ทัพเฟิงอี้เฉิง พวกเจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงของเฟิงอี้เฉิงมาบ้างใช่ไหมล่ะ”
“ เจ้าหนูอย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย คิดว่าจะหลอกพวกข้าได้งั้นหรือ”
ซ่งเหรินโท่วจับหอกขึ้นมาแล้วกล่าว “ข้าว่าเจ้าแค่อยากจะถ่วงเวลาเท่านั้นเอง เฟิงอี้เฉิงเป็นแม่ทัพชื่อดังแห่งยุค เป็นเสาหลักของจักรวรรดิ อาวุธของเขาจะมาอยู่ในมือกระจอกไร้ชื่ออย่างเจ้าได้อย่างไรกัน”
“ จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน อย่างไรก็ตามนี่คือของขวัญที่ติ่งอัคคีชวีฉู่ให้ข้าไว้ และติ่งอัคคีชวีฉู่นั้นก็เป็นเพื่อนสนิทของเฟิงอี้เฉิง” น้ำเสียงของหลินมู่อวี่ดังขึ้น ฟังแล้วดูทรงพลังมาก
ซ่งปาฝู่มีความลังเลใจอยู่บ้าง “เป็นอาวุธของเฟิงอี้เฉิงจริงๆ หรือ”
“ แน่นอนอยู่แล้ว” หลินมู่อวี่ยิ้มน้อยๆ แล้วยกกระบี่ในมือข้างขวาขึ้นมา “กระบี่เล่มนี้มีชื่อว่าเหลียวหยวน เป็นกระบี่ของหนึ่งในเจ็ดเทพยุทธ์เย่เหลียง พวกท่านคงจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง”
ซ่งเหรินโท่วแววตาเย็นชา “เจ้าเด็กนี้สังหารเย่เหลียงไปจริงด้วย แล้วยังยึดม้าศึกและอาวุธของเขาอีกด้วย!”
ถึงแม้ว่าพี่น้องคู่นี้จะเป็นสองในเจ็ดเทพยุทธ์ แต่ก็เทียบไม่ได้กับตระกูลของเย่เหลียง เย่เหลียงเรียกได้ว่าร่ำรวยมหาศาล การจัดหากระบี่หลอมวิญญาณเหลียวหยวนสักเล่มนั้นไม่เป็นปัญหาเลย แต่ซ่งเหรินโท่วและซ่งปาฝู่นั้นเป็นชาวบ้านธรรมดา การจะมีกระบี่หลอมวิญญาณแบบนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กระบี่ของพวกเขาดีสุดก็เป็นได้แค่กระบี่ชั้นดีเท่านั้น
“ เป็นกระบี่เหลียวหยวนจริงๆ ด้วย” แววตาของซ่งปาฝู่ฉายความโลภ เขาเลียริมฝีปากแล้วยิ้มพูด “เดินย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่ต้องเสียแรง (เป็นสำนวนหมายถึงสิ่งของที่พยายามหาแทบตายก็หาไม่เจอ แต่พอเลิกสนใจก็ได้มาเสียอย่างนั้น) ร่ำลือกันว่ากระบี่เหลียวหยวนเป็นอาวุธวิญญาณระดับสาม ไม่น่าจะเชื่อว่าจะมาอยู่ในมือเจ้าเด็กนี่ น้องชายข้า คราวนี้พวกเรารวยกันแล้ว กระบี่เหลียวหยวนเล่มนี้อย่างน้อยก็ขายได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นเหรียญทอง ฮ่าๆๆ…”
“ อย่าเพิ่งใจร้อน!”
หลินมู่อวี่ยิ้มแล้วเก็บกระบี่เหลียวหยวนเข้าฝัก “ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าจะให้พวกเจ้า!”
แววตาของซ่งเหรินโท่วฉายประกายความโหดเหี้ยม เขายิ้ม “ยังต้องให้เจ้ายอมด้วยงั้นหรือ ให้พวกข้าสองพี่น้องตัดหัวเจ้ากับแม่สาวนี่ก่อน ของล้ำค่าเหล่านี้ก็จะตกเป็นของพวกข้าโดยปริยาย!”
หลินมู่อวี่อดหัวเราะไม่ได้ “แล้วพวกเจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ”
พูดจบ เขาก็เรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าออกมา
ซ่งเหรินโท่วอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “โอ๊ะโอ ที่แท้ก็วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าอันดับสิบ นึกไม่ถึงเลยว่าวิญญาณยุทธ์สายสนับสนุนเช่นนี้ยังกล้าจะมาโอ้อวด เจ้าเด็กน้อย วิญญาณยุทธ์ที่เจ้าเรียกออกมาทำเอาข้าตกใจซะจริง”
“ งั้นหรือ”
มุมปากของหลินมู่อวี่ปรากฏรอยยิ้ม ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นของปราณเข้าไปที่วิญญาณยุทธ์ สีของน้ำเต้าเปลื่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีเงิน และเปลื่ยนเป็นสีน้ำเงิน สุดท้ายก็เปลื่ยนเป็นสีแดง นี่คือการเปลื่ยนแปลงของพลังทั้งสี่ชั้น ขณะเดียวกันยังหมายความว่าวิญญาณยุทธ์นี้ได้รับมาแล้วถึงสี่ทักษะ!
“ ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน” ซ่งปาฝู่อ้าปากค้าง “วะ…วิญญาณยุทธ์ของเจ้าเด็กนี่มีสี่ชั้น ไม่นึกเลยว่าจะดูดซับทักษะวิญญาณยุทธ์มาสี่ทักษะแล้ว หนึ่งชั้นหนึ่งทักษะ เป็นไปไม่ได้ แม้แต่เทพสงครามที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ เกรงว่าจะไม่โชคดีเช่นนี้”
ความจริงแล้ว การดูดซับทักษะของวิญญาณยุทธ์นั้นขึ้นอยู่กับโอกาส ยอดฝีมือระดับสูงบางคนไม่เพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่ง แต่โชคก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก คนที่มีโชคมีความเป็นไปได้ที่จะดูดซับวิญญาณยุทธ์แล้วได้ทักษะมาด้วยและเพิ่มพลังได้ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ซ่งปาฝู่ตกตะลึงขนาดนี้
“ ยังไม่หมดนะ!”
เหมือนกับว่าหลินมู่อวี่จงใจโอ้อวด จู่ๆ เขาก็ยกมือซ้ายขึ้นมา แล้วปล่อยหมัดออกไปผ่านอากาศ เกิดเสียงดัง “ปัง” ก้อนหินใหญ่ร้าวและแตกออกทันที พลังของเขานั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนมานานแล้ว
ซ่งเหรินโท่วมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา เขาไม่เคยเห็นวิชาที่มหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน!
“ นี่มัน… ?” ยังเป็นซ่งปาฝู่ที่มีประสบการณ์มากกว่า แววตาหวาดกลัวแล้วพูด “หมัดเสียงปีศาจ…เป็นทักษะเฉพาะตัวของติ่งอัคคีชวีฉู่ ไอ้เด็กเวร เจ้าเป็นศิษย์ของติ่งอัคคีชวีฉู่งั้นหรือ ไอ้แก่นั่นไม่ได้ลั่นวาจาไว้ว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่รับศิษย์ไม่ใช่หรือไง คิดไม่ถึงว่าจะถ่ายทอดวิชาให้แก่เจ้า เจ้าเป็นอะไรกับติ่งอัคคีชวีฉู่กันแน่”
“ ข้าเป็นศิษย์ของชวีฉู่!” หลินมู่อวี่กล่าวเสียงเรียบ “ถ้าพวกเจ้าสองคนรู้จักก็รีบหนีไปซะ ใช้โอกาสตอนที่ข้ายังไม่อยากจะเอาชีวิตพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นละก็ ไม่เพียงแต่จะทำให้ข้าไม่พอใจ ยังจะล่วงเกินติ่งอัคคีชวีฉู่ด้วย ถ้าเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าจะยอมปล่อยพวกเจ้าสองคนไปงั้นหรือ”
ซ่งเหรินโท่วบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
แต่ซ่งปาฝู่กลับมีสีหน้าละโมบและเด็ดขาด พูดตอบ “ไม่เป็นไร คนตายพูดไม่ได้ น้องชายข้า เตรียมตัวบุก!”
“ ตกลง!”
……
ทั้งสองคนเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา เป็นสายเลือดเดียวกันจริงๆ ด้วย วิญญาณยุทธ์ของสองพี่น้องเป็นหมีดำยักษ์ เป็นวิญญาณยุทธ์ประเภทสัตว์ที่ทรงพลังทีเดียว!
“ อาอวี่ ระวังตัวด้วย!” ฉู่เหยาพูดเสียงเบา
หลินมู่อวี่โบกมือ บอกฉู่เหยาเป็นนัยว่าไม่ต้องลงมือ เขาคนเดียวก็พอแล้ว
เขาค่อยๆ เพิ่มพลังปราณ สีแดงของวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเข้มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเถาวัลย์น้ำเต้าก็ขึ้นมาปกคลุมรอบๆ เป็นกำแพงน้ำเต้า ที่ด้านนอกอีกชั้นหนึ่งคือกระดองเต่าทมิฬสีแดงเพลิง ครั้งนี้หลินมู่อวี่ไม่มีทางเลือก หนึ่งต่อสองก็จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ตั้งรับ เพราะแต่เดิมวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็ไม่ใช่สายบุกโจมตี แต่หลังจากที่มีทักษะกระดองเต่าทมิฬ พลังการป้องกันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก สามารถต้านได้แน่นอน
เขายังต้องการเวลาอีก ขอเพียงแค่สายลมเมามายออกฤทธิ์ก็สามารถเอาชนะสองคนที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่น่าจะอีกหนึ่งถึงสองนาที!
“ ฆ่ามัน!”
ซ่งปาฝู่คำรามเกรี้ยวกราดออกมา ยิงลูกธนูออกไปติดกันสามดอกราวกับดาวตก วิถีของลูกธนูที่แหวกอากาศนั้นชัดเจนมาก แถมพลังของวิญญาณยุทธ์หมีดำก็อยู่ไหลเวียนอยู่รอบลูกธนู ยิ่งทำให้ดูทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
“ ปัง ปัง…”
เสียงปะทะดังมาก ร่างของหลินมู่อวี่สั่นน้อยๆ กระดองเต่าทมิฬเกิดรอยร้าว โชคดีที่การป้องกันถือว่าใช้ได้ ไม่ได้แตกสลายไปในทันที เขารีบยกมือขว้างมีดบินสี่เล่มออกไป “ฟั่บฟั่บฟั่บ” มีดบินที่มีจิตสังหารบินหมุนวนอยู่กลางอากาศ ซ่งปาฝู่ทำได้เพียงหยิบคันธนูแล้วเคลื่อนตัวหลบ ไม่สามารถยืนยิงธนูที่เดิมได้อีกต่อไป
กระดองเต่าทมิฬสีแดงเพลิงเวียนอยู่รอบตัวหลินมู่อวี่ เขาถึงขั้นใช้พลังปราณส่วนใหญ่ให้มารวมกันเป็นเกราะศิลาเขียวแนบไปกับผิวหนังเพื่อปกป้องตนเอง เพียงแต่น่าเสียดายที่ระหว่างทางไม่เจอดอกสาลี่เหล็ก ไม่เช่นนั้นปรุงโอสถผิวศิลามาสักหน่อยก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
“ ตายซะ!”
ซ่งเหรินโท่วตะโกนเสียงดัง จับหอกยาวพุ่งแทงเข้ามา หอกยาวมีเปลวเพลิงไหลวนอยู่โดยรอบ เขาโจมตีเข้าจากด้านข้าง กระดองเต่าทมิฬถูกแทงทะลุเป็นรูทันที พลังของซ่งเหรินโท่วแข็งแกร่งกว่าพี่ชายของเขาอยู่บ้าง!
จู่ๆ ในลำคอก็รู้สึกถึงรสเลือด หลินมู่อวี่บ่นอยู่ในใจ โจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้เลือดลมของตนปั่นป่วนได้ คู่ต่อสู้แบบนี้จัดการยากชะมัด!
พริบตาเดียวกำแพงน้ำเต้าเขียวก็ถูกแทงติดต่อกันหลายครั้งจนพรุนไปหมด!
“ ฉึก!”
ซ่งเหรินโท่วบุกเข้ามาด้วยความเจ้าเล่ห์อีกครั้ง ทะลวงการป้องกันของกระดองเต่าทมิฬได้ในพริบตา ปลายหอกยาวแทงทะลุกำแพงเถาวัลย์น้ำเต้าสองชั้น “ฟรึ่บ” ปลายหอกเฉียดผ่านลำคอของหลินมู่อวี่ไป พร้อมทิ้งรอยเลือดน่ากลัวไว้บนผิวหนัง โชคดีที่หลินมู่อวี่หลบทัน ไม่เช่นนั้นคอของเขาคงทะลุไปแล้ว!
เขาใจหายวาบ อยู่ๆ ปราณของเขาก็เกิดไร้พลังขึ้นมา ใกล้จะหลุดแล้ว แต่เรียกปราณไม่ขึ้นเลย
และในตอนนี้เอง เสียงเข็มเงินของฉู่เหยาแหวกอากาศดังมา ปะทะเข้าที่เกราะปราณของซ่งเหรินโท่วจนเกิดประกายไฟ
“ ยังจะไม่ตายอีก ?!”
ซ่งเหรินโท่วหัวเราะฮ่าๆ หอกยาวระเบิดประกายไฟออกมา เขาไม่สนใจการโจมตีของฉู่เหยาเลยแม้แต่น้อย และยังคงตั้งใจโจมตีลงไปที่อกของหลินมู่อวี่
“ ฉึก!”
หลินมู่อวี่ใช้ฝ่ามือจับส่วนหัวของหอกไว้ เลือดสดหยดไหลลงมา หลินมู่อวี่กลั้นความเจ็บนี้ไม่ให้หอกของอีกฝ่ายแทงเข้าที่ทรวงอก ขณะเดียวกันนั้นก็ยกกระบี่ขึ้นฟันเข้าที่กลางหอก “เคร้ง” ประกายไฟกระเด็นออกมา ฟันไม่หัก ได้แค่ทิ้งรอยลึกประมาณหนึ่งเซนติเมตรไว้ ความคมของกระบี่เหลียวหยวนไม่เพียงพอที่จะตัดหอกเหล็กนั้นขาดได้
“ ตายซะ!”
ใบหน้าของซ่งเหรินโท่วเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด เขาตะโกนแล้วกดหอกเข้าไปอีก ปลายหอกค่อยๆ แทงทะลุอกเสื้อของหลินมู่อวี่เข้าไปลึกประมาณสามเซนติเมตร
ในช่วงแห่งความเป็นความตาย หลินมู่อวี่รู้สึกถึงคลื่นพลังในกระบี่เหลียวหยวน เป็นผลของการหลอมวิญญาณ เมื่อเจ้าของกำลังจะตาย วิญญาณสัตว์ในกระบี่เหลียวหยวนพยายามช่วยนายของมัน!
เกิดเสียงคำรามของสัตว์ป่า พลังงานของเสืออัคคีก็ปรากฏออกมาจากกระบี่เหลียวหยวน แทงทะลุเกราะตรงหน้าอกของซ่งเหรินโท่ว!
“ ฉึก!”
ดวงตาซ่งเหรินโท่วเบิกกว้างแล้วค่อยๆ ล้มลงไป หน้าอกปรากฏรอยเลือดดวงใหญ่ นี่ก็คือพลังของอาวุธวิญญาณระดับสาม!
……
“ น้องชายข้า!”
ซ่งปาฝู่ตะลึงงัน รีบง้างธนูขึ้น แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าดวงตาพร่ามัวขึ้นมา ปราณที่แขนทั้งสองข้างก็หายไปอย่างรวดเร็ว ขนาดแรงที่จะดึงสายธนูยังไม่มี
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” ใจของเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา