The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 462 ผีไร้นาม
EP.462 ผีไร้นาม
นอกประตูทางเหนือ อสูรเกราะหลายหมื่นตัวจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่ผู้ส่งสารของเผ่าปีศาจนั่งรออยู่บนหลังม้า ซึ่งเป็นอสูรระดับสามดาวที่มีท่าทางหยิ่งยโสเล็กน้อย
“เปิดประตูเล็กให้เขาเข้ามา”
หลินมู่อวี่ออกคำสั่ง
“แอ๊ด” ประตูเล็กเปิดออก ก่อนที่ผู้ส่งสารจะค่อยๆ เดินเข้ามาพร้อมกวาดสายตามองรอบบริเวณ ราวกับต้องการตรวจสอบว่าภายในเมืองมีกองทัพอยู่เท่าใด
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “อย่าระแวงเลย พวกเรามีทหารเพียงหนึ่งหมื่นนายเท่านั้น หากเฉียนเฟิงต้องการโจมตี ก็เข้ามาเถิด ข้าจะรออยู่ที่นี่”
“ท่านคือ…หลินมู่อวี่?” ผู้ส่งสารเอ่ยถาม
“ใช่”
แววตาที่แข็งกร้าวของผู้ส่งสารเผ่าปีศาจลดอ่อนลง ดูเหมือนว่าหลินมู่อวี่จะมีชื่อเสียงที่ดีในกองทัพปีศาจ เนื่องจากพวกเขาต่างนับถือผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาพลันหยิบม้วนหนังสือออกมาพร้อมกล่าวว่า “นี่คือสารจากจอมพลเฉียนเฟิงที่ขอให้ข้านำมาส่ง เช่นนั้นข้าขอตัว”
“อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ และห้ามเหล่าทหารให้ไม่ยิงธนูใส่ผู้ส่งสาร เนื่องจากหากลงมือที่นี่ เฉียนเฟิงอาจโจมตีเมืองอย่างโกรธเกรี้ยวเป็นแน่
เมื่อคลี่ม้วนหนังสือออกแล้วเห็นลายมือบนกระดาษ แม้เฉียนเฟิงจะเป็นปีศาจ แต่ลายมือเขากลับสวยงามกว่าของหลินมู่อวี่
หลินมู่อวี่ค่อยๆ อ่าน “ข้ากล่าวคำลาและไม่คาดคิดว่าจะพบท่านอีก ผู้บัญชาการหลินเป็นผู้ที่เก่งกล้ามาก และท่านยังเป็นผู้นำของจักรวรรดิมนุษย์ กระนั้นด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน…นกน้อยมักเลือกต้นไม้ที่ดีที่สุดเป็นที่อยู่อาศัย จักรวรรดิมนุษย์เติบโตขึ้นทุกวัน แต่หากผู้บัญชาการหลินเต็มใจที่จะภักดีต่อจักรพรรดิปีศาจ เฉียนเฟิงจะเสนอชื่อให้ท่านขึ้นเป็นจอมพลคนที่สามของเผ่าเทพ และข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายองค์จักรพรรดินีฉินอิน หวังว่าผู้บัญชาการหลินจะไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง…จอมพลเผ่าเทพเฉียนเฟิง”
…
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เว่ยโฉวกล่าว “หากเดาไม่ผิด คงเป็นสารโน้มน้าวให้ยอมจำนน”
“ใช่”
หลินมู่อวี่ยกมือขึ้น พลังดวงดาวพลันฉีกม้วนหนังสือออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนกล่าวว่า “เตรียมกระดาษและปากกาเหล็กมา ข้าจะเขียนตอบกลับเฉียนเฟิง”
“ขอรับ”
จากนั้นทหารนำปากกาเหล็กและกระดาษมาให้ หลินมู่อวี่รีบเขียนตอบ ก่อนจะปิดผนึกและส่งให้หน่วยสอดแนม “ส่งม้วนหนังสือนี้ให้จอมพลเฉียนเฟิงโดยตรง”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
…
ภายในกระโจมกองทัพปีศาจ เฉียนเฟิงนั่งอยู่บนตำแหน่งจอมพลพร้อมขมวดคิ้วแน่น ขณะที่เหล่านายพลระดับสูงนั่งแยกกันสองฝัง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก “หลินมู่อวี่เขียนตอบมาแล้วขอรับ”
“โอ้”
เฉียนเฟิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าว “นำเข้ามา”
“ขอรับ”
เมื่อม้วนสารถูกกางออกบนโต๊ะจอมพล ปรากฏลายมือราวกับหงส์ไฟบนนั้น
“ไปตายซะไอ้แม่***”
“อืม…”
เฉียนเฟิงขมวดคิ้ว “คำเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร?”
ผู้บัญชาการกองหมื่นเลี่ยนฉิงพลันกล่าว “ท่านจอมพล หรือนี่จะเป็นภาษามนุษย์ที่พัฒนาขึ้นช่วงหลายปีที่ผ่านมา?”
“ข้าไม่ทราบ”
เฉียนเฟิงกล่าว “มาเถิด นำสารนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญภาษามนุษย์ตรวจสอบ ข้าต้องการรู้ว่าตัวอักษรที่หลินมู่อวี่เขียนมามีความหมายว่าอย่างไร”
“ขอรับ”
นายพลเลี่ยนด้านข้างกล่าว “ท่านจอมพล เราควรล้อมรอบเมืองไปเรื่อยๆ และไม่เร่งรีบจู่โจม ข้าได้ยินมาว่ามีทหารรักษาการณ์ไม่มาก หลินมู่อวี่เพียงตั้งใจยั่วยุให้เราโจมตีเท่านั้น”
“ข้ารู้”
ดวงตาเฉียนเฟิงเปล่งประกายขณะกล่าว “แต่หลินมู่อวี่เป็นผู้มีพรสวรรค์ หากเผ่าเทพสามารถได้คนเช่นนี้มารับใช้ คงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสงครามบนโลกอีก และเมื่อครั้งที่ต่อสู้ในป่าฉีหลิน เราสูญเสียกองกำลังแนวหน้าไปเป็นจำนวนมาก จนเหลือเพียงครึ่งเดียว ดังนั้นจึงไม่สามารถโจมตีเมืองได้อีกต่อไป”
“ท่านจอมพลหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าจะล้อมเมืองห้าหุบเขาและบีบบังคับให้หลินมู่อวี่ยอมจำนน จากนั้นส่งสารขนนกไปยังมณฑลหลิงนานและสั่งให้เหล่ยฉงนำกองกำลังหลักของอสูรเกราะกลับมาหาข้า หากหลินมู่อวี่ไม่ยอมจำนน เราจะปล่อยให้เหล่ยฉงเป็นคนจัดการ ในเมื่อใช้งานชายผู้นี้ไม่ได้ ก็ต้องกำจัดทิ้ง!” ดวงตาเฉียนเฟิงเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ขอรับ!”
“เลี่ยนฉิง รวบรวมพวกมนุษย์มาเสริมในกองทัพ รวมถึงผู้คนในมณฑลชางหนานด้วย”
“โอ้ ท่านจอมพลต้องการทำสิ่งใด?” เลี่ยนฉิงมึนงง
นิ้วของเฉียนเฟิงลากไปบนแผนที่พร้อมกล่าวคำเบา “สร้างเมืองแบบเรียบง่ายทุกๆ ห้าไมล์บนเส้นทางนี้ แล้วกักตุนอาหารที่อสูรเกราะชอบกิน ในเมื่อหลินมู่อวี่ต้องการสกัดไม่ให้เราไปทางเหนือของเมืองห้าหุบเขา เช่นนั้นข้าจะแบ่งแผ่นดินนี้ออกเป็นสามส่วน ของเผ่าเทพ ของจักรวรรดิฉิน และของจักรวรรดิอี้เหอ จากนั้นเราค่อยๆ ยึดไปทีละส่วน กระทั่งแผ่นดินรวมเป็นหนึ่งเดียว”
“ขอรับ”
เลี่ยนหยานประสานหมัดพร้อมกล่าวว่า “ท่านจอมพล ยังไม่มีคราวข่าวขององค์หญิงทั้งสองเลยขอรับ ข้า…ไม่รู้ว่าพระองค์จะอยู่ในเมืองห้าหุบเขาหรือไม่”
“เป็นไปไม่ได้”
เฉียนเฟิงเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มปีศาจด้านซ้ายที่มีชายชราสวมดาวห้าดวงบนปกเสื้อซึ่งบ่งบอกว่าเป็นอสูรระดับห้าดาว เขาประสานหมัดพร้อมกล่าวว่า “คงต้องพึ่งพาผู้อาวุโสไห่แอบเข้าไปในเมืองห้าหุบเขาคืนนี้เพื่อสอดส่องดูว่าองค์หญิงทั้งสองอยู่ในเมืองหรือไม่ หากไม่มี…ข้าจะโจมตีเมืองทันที”
เลี่ยนไห่เลิกคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “ท่านจอมพลกำลังบอกให้ข้าสังหารหลินมู่อวี่หรือ?”
“ไม่”
เฉียนเฟิงส่ายหัว “หลินมู่อวี่แข็งแกร่งกว่าที่ท่านคิดมาก หากหลีกเลี่ยงเขาได้ จงทำเสีย มีเพียงไม่กี่คนในกองทัพที่สามารถบินข้ามกำแพงเมืองได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าต้องรบกวนท่านเลี่ยนไห่เป็นการส่วนตัว”
“เข้าใจแล้ว”
เลี่ยนไห่โค้งคำนับและกล่าวว่า “ข้าจะทำภารกิจให้สำเร็จ”
“อืม ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะประสบความสำเร็จ”
…
เมืองห้าหุบเขายามค่ำคืนเงียบสงบ
“พรึ่บ!”
ร่างหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่อสูรปีกหลายตัวจะกระพือปีกบินจากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างสีดำก็กระโดดเข้าไปในเมืองพร้อมเหยียบลงบนหลังคาโรงเตี๊ยม ชายชราค่อยๆ ยกเสื้อคลุมขึ้นและกระโดดลงพื้นอย่างแผ่วเบา เขาพลันเดินปะปนกับกลุ่มทหารรับจ้างที่กำลังเมามาย
ภายใต้แสงคบเพลิง ทหารรับจ้างร่างท้วมโอบกอดรอบเอวสาวใช้โรงเตี๊ยม ขณะที่มือซ้ายถือขวดสุรา เขากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เสี่ยวหลิง เจ้าจะไม่กลับไปนอนข้าจริงหรือ?”
สาวใช้กล่าวตอบ “วันนี้ข้ายุ่งจริงๆ ท่านกลับไปเถิด”
“ฮ่าๆ ช่างซุกซนนัก”
ทหารรับจ้างผู้เมามายตบสะโพกสาวใช้ ก่อนจะเดินโซเซเข้าไปในตรอกมืด ขณะที่เขากำลังจะล้ม ก็มีร่างชายชราเข้ามาประคอง เขาพลันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านผู้เฒ่า”
“ไม่เป็นไร”
เลี่ยนไห่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ท่านทหาร ข้าต้องการถามบางสิ่ง”
“โอ้ มีสิ่งใดหรือ?”
“ค่ายของกองทัพมังกรผงาดอยู่ที่ใด?”
“อยู่ในวิหารทางเหนือของเมือง”
“ขอบคุณ”
“ช้าก่อน...” ทหารรับจ้างคว้าไหล่ชายชราพร้อมกล่าวว่า “เจ้าจะไปทำอะไรในค่ายกองทัพมังกรผงาด หรือว่า…เจ้าจะเป็นหน่วยสอดแนมที่เผ่าปีศาจส่งมา?!”
“หึ…ลองเดาดูสิ” เลี่ยนไห่จับมือทหารรับจ้าง ก่อนจะคำรามพร้อมปลดปล่อยปราณน้ำแข็งกลืนกินอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จนทำให้ร่างของทหารรับจ้างถูกแช่แข็งอยู่ในแท่งผลึกทันที เลี่ยนไห่พลันแตะที่น้ำแข็งแผ่วเบา ทันใดนั้น! ทหารรับจ้างก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายในตรอกมืดมิด
เลี่ยนไห่กระชับเสื้อคลุมและเผยยิ้มชั่วร้าย เขาพึมพำกับตนเอง “หลินมู่อวี่…แม่ทัพมนุษย์ที่ทำให้ทั้งจอมพลเฉียนเฟิงและจอมพลเหล่ยฉงต่างนับถือ ข้ากำลังจะไปหาเจ้าแล้ว…”
…
ลึกเข้าไปในค่ายกองทัพมังกรผงาด ภายในกระโจมหลักไร้ซึ่งเงาผู้อาศัย
หลินมู่อวี่ยืนอาบแสงดาวนอกกระโจมเช่นเดิม ขณะที่ซือตู่เซินยืนนิ่งอยู่เคียงข้าง เขาเริ่มฝึกฝนกลยุทธ์ดวงดาราตามที่หลินมู่อวี่สอน ขั้นแรกคือการดูดซับแสงดาวเข้าสู่ร่างกาย แต่ไม่ว่าซือตู่เซินจะพยายามมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทำให้แสงดาวที่กระจัดกระจายเข้าสู่ร่างกายตน
“ผู้บัญชาการ นี่…มันยากเกินไป แสงดาวเหล่านี้คาดเดาไม่ได้ และข้าไม่คุ้นเคยกับมันเลย” ซือตู่เซินบ่นอย่างหงุดหงิด
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อย่ากังวลไปเลย ข้าต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่สามปีกว่าจะดูดซับแสงดาวได้ เช่นนั้นอย่ารีบร้อน และค่อยๆ ฝึกฝนต่อไป แม้ว่าจะค่อนข้างยากในช่วงแรก แต่ท้ายที่สุดเจ้าจะเข้าใจและใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ”
ซือตู่เซินพยักหน้ารับ ขณะที่ยืนนิ่งเงยหน้ามองดวงดาวบนฟากฟ้า
…
“ฟิ้ว”
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านแหวกอากาศ มันมาจากคมดาบที่ห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง!
“แม่งเอ๊ย!”
ร่างกายซือตู่เซินสั่นสะท้านขณะที่เอนกายหลบ เขาพลันยกเท้าขึ้นเตะข้อมือของผู้มาเยือนพร้อมใช้พลังลึกลับกลยุทธ์พลิกหัวใจ
แต่อีกฝ่ายกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่า ดาบยาวตวัดเข้ามาอีกครั้ง ทำให้ซือตู่เซินต้องหยุดใช้กลยุทธ์พลิกหัวใจทันที ทันใดนั้น! ศัตรูหมุนตัวเตะซือตู่เซินอย่างรุนแรง!
“เปรี้ยง!”
เป็นลูกเตะที่ทรงพลังมาก จนทำให้ซือตู่เซินจอมยุทธ์ขอบเขตนภาชั้นที่สามต้องกระอักเลือดและถอยออกไปหลายก้าว เขากล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “ผู้บัญชาการ...เราถูกโจมตี ข้าคงต้องให้ท่านจัดการและติดหนี้ไว้ก่อน”
ขณะที่เท้าของเลี่ยนไห่กำลังแตะพื้น ความหนาวสะท้านและแสงสีทองพลันเปล่งประกายจากด้านหลัง ก่อนที่หลินมู่อวี่จะปรากฏตัวพร้อมพลังดวงดาราและโซ่เทวะ
“เปรี้ยง!”
เลี่ยนไห่รีบหันกลับอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดกั้นคมดาบ กระนั้นกลับถูกหลินมู่อวี่สวนกลับด้วยหมัดเหล็ก
แสงดาวสีฟ้าส่องประกายบนใบหน้าหล่อเหลาของหลินมู่อวี่ เขาเอ่ยถามด้วยดวงตาเย็นชา “เจ้าเป็นใคร?”
เลี่ยนไห่เยาะเย้ย “ข้าเป็นคนของเผ่าเทพและจะมาตัดหัวหมารับใช้จักรวรรดิ!”
“เอ่ยนามของเจ้ามา ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงผีไร้นาม”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ผายฝ่ามือ ก่อนที่ดวงดาวจะปรากฏขึ้นกลายเป็นเกราะรบบัวดาราสว่างไสวทั่วกาย ขณะเดียวกันเขาชักกระบี่ฟาดฟันไปที่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว…แหวกรังสี!
……….……….……….……….