The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 460 อย่าริอ่านยั่วยุคนเลว
EP.460 อย่าริอ่านยั่วยุคนเลว
ปีศาจเข้าจู่โจมอย่างไม่เกรงกลัวความตาย แต่พวกมันกลับตายตกด้วยน้ำมือกองทัพมังกรผงาด นักรบคนเถื่อน หลินมู่อวี่ และถังเสี่ยวซีภายในเวลายี่สิบนาที ในที่สุดหัวอสูรเกราะตัวสุดท้ายก็ถูกตัดสะบั้น
“ตึง!”
ประตูเหล็กหนาล้มลง ก่อนที่หลินมู่อวี่จะออกคำสั่งให้กองทัพเข้ายึดเมืองห้าหุบเขา
…
“พรึ่บ”
นกสีขาวร่อนลงข้างศพถังตี้ มันกระโดดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด
หลินมู่อวี่ก้าวไปด้านหน้ายกนกส่งสารขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะแกะม้วนสารออกอ่านอย่างระมัดระวัง “กองทัพมณฑลชางหนานพ่ายแล้ว โปรดปักหลักที่เมืองห้าหุบเขาให้ดี เนื่องจากเผ่าปีศาจกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น กองทัพพวกมันมีอสูรเกราะราวหกหมื่นตัว อสูรปีกสองหมื่นตัว ปีศาจระดับสูงเกือบหนึ่งหมื่นตัว ข้าจะนำกองทหารที่เหลือรอดไปยังป่าล่ามังกรเพื่อปกป้ององค์จักรพรรดินี…เซี่ยงอวี้”
ชื่อลงท้ายบ่งบอกว่านกส่งสารเป็นของเซี่ยงอวี้
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วพร้อมส่งสารไปให้ถังเสี่ยวซี เว่ยโฉว และคนอื่นๆ อ่าน
“จักรวรรดิพ่ายแพ้แล้วจริงๆ” เว่ยโฉวตะลึงงัน
หลินมู่อวี่ก้มศีรษะลงและไม่กล่าวสิ่งใดตอบ ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมองถังเสี่ยวซีพร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวซี ปล่อยให้ข้าอยู่ในเมืองห้าหุบเขา ส่วนเจ้านำกองทัพอสูรห้าหมื่นตัวไปค้นหาเสี่ยวอินในป่าล่ามังกรและปกป้องนางให้ได้”
“แต่เจ้าอยู่ที่นี่…” ถังเสี่ยวซีมองเขาด้วยแววตาเป็นกังวล นางทราบถึงความแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจดี เมื่อรู้ว่ากองทัพอสูรเกราะกว่าหกหมื่นตัวและปีศาจระดับสูงมากมายกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นเกรงในใจ
“ไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่โอบกอดนางแผ่วเบาพร้อมกระซิบข้างหู “นำตราทหารของข้าออกไปนอกเมือง และนำกองทัพมังกรผงาดทั้งสี่หมื่นห้าพันนายที่เหลือออกไปกับเจ้า”
“ทำไมล่ะ?” ร่างกายถังเสี่ยวซีสั่นเล็กน้อย
“ข้าไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตายที่นี่ ทหารหนึ่งหมื่นนายเพียงพอที่จะปกป้องเมืองแห่งนี้”
“ไม่!”
“มันจะไม่เป็นไร” หลินมู่อวี่จ้องมองนางอย่างเด็ดเดี่ยวพร้อมกล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะเป็นองค์หญิง แต่ข้าจำเป็นต้องสั่งให้เจ้านำกองกำลังหลักไปตามหาเสี่ยวอินในป่าล่ามังกร นางต้องการเจ้ามากที่สุดในเวลานี้ ไม่ต้องกังวล ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าตราบใดที่สามารถต้านทานพวกมันระยะหนึ่ง พี่เฟิงและเสี่ยวอินจะต้องจัดกองทัพใหม่และมาช่วยข้าได้ทันเวลาแน่นอน”
“เช่นนั้น…เจ้าต้องรักษาตัวให้ดี”
สิ้นเสียง ถังเสี่ยวซีหันหลังเดินออกไปทันที นางเกรงว่าตนเองจะไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดหากหันมองพวกเขาอีกครั้ง
เสียงเกือกม้าดังก้องภายในเมือง ขณะที่ถังเสี่ยวซีนำทหารออกไป
เว่ยโฉวด้านข้างเอ่ยถาม “ผู้บัญชาการ ทหารหมื่นนายที่เหลือจะสามารถปักหลักปะทะกับอีกฝ่ายได้จริงหรือ?”
“ค่อนข้างยาก”
“แล้วเหตุใด…”
“จะปล่อยให้เหล่าพี่น้องตายตกไปพร้อมเราไม่ได้ การปกป้องเมืองด้วยคนจำนวนมากไม่เป็นผลดี เนื่องจากเราต้องใช้เสบียงอาหารมากขึ้น อีกทั้งเฉียนเฟิงมักปิดล้อมเมืองด้วยวิธีสกปรก”
“ขอรับ”
…
ขณะเดียวกัน นายพลผู้รับผิดชอบเก็บกวาดสนามรบรีบวิ่งเข้ามาพร้อมถือป้ายโลหะในมือ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านผู้บัญชาการ นี่คือสิ่งที่เราพบในตัวของกบฏโจวผิงผู้นั้น”
“โอ้”
หลินมู่อวี่รับมามองดู นี่คือตราของจักรวรรดิเพื่อระบุตัวตนทหารหากเสียชีวิตในสนามรบ ด้านหน้าตราสลักคำว่า “ผู้บัญชาการกองพัน” ส่วนด้านหลังสลักอักษรสี่ตัว “กองทหารหยางเว่ย” ทันใดนั้นร่างกายหลินมู่อวี่พลันสั่นสะท้าน นี่คือตราของกองทัพแห่งจักรวรรดิที่ใช้ในการเดินทางไปยังเมืองตงฉวง
เว่ยโฉวหรี่ตา “เป็นไปได้ไหมว่า…คนคนนี้เป็นทหารของกองทัพแห่งจักรวรรดิ”
“ผู้บัญชาการกองพัน…”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่นก่อนกล่าวว่า “ชายผู้นี้เป็นน้องชายของฉือฮั่ว ข้าจำได้ว่า…มีคนจากกองทหารหยางเว่ยที่รอดชีวิตมาได้ กระนั้นพวกเขายอมจำนนต่อเผ่าปีศาจและกลายเป็นทาสรับใช้…”
ซือตู่เซินยิ้มเล็กน้อย “เมื่อกำลังจะตาย พวกเขาต่างหวาดกลัวเป็นธรรมดา จนต้องยอมจำนนให้เผ่าปีศาจ ผู้บัญชาการไม่จำเป็นต้องคิดมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยอมมอบชีวิตเพื่อรับใช้จักรวรรดิ ตัวอย่างก็เช่น…ข้า ฮ่าๆๆ”
หลินมู่อวี่เพียงเหลือบมองโดยไม่ได้กล่าวตอบ ซือตู่เซินเป็นผู้นำกลุ่มอันธพาลที่ชาญฉลาดและยังมีวิทยายุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดในกองทัพมังกรผงาด กระนั้นกลับมีพฤติกรรมที่แย่ที่สุดเช่นกัน
“รวบรวมกองกำลังที่เหลือในเมืองเพื่อปกป้องประตูใหญ่ทั้งสี่”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
จากนั้นกองทัพมังกรผงาดทั้งหมื่นคนปักหลักอยู่ในเมือง ก่อนจะรวบรวมทหารรักษาการณ์ราวห้าพันนายจากเมืองห้าหุบเขา เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน กลุ่มนายพลมารวมตัวกันที่กระโจมหลักในค่าย
หลินมู่อวี่นั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยภายใต้แสงเทียน ขณะที่แผนที่มณฑลชางหนานถูกวางไว้บนโต๊ะ
ผู้บัญชาการเมืองห้าหุบเขาพลันประสานหมัดกล่าว “ข้าน้อยจ่าวหลีเทียนรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพเสริมในเมืองห้าหุบเขาของกองทัพมณฑลชางหนาน และ…เป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของทหารรักษาการณ์ในเมืองแห่งนี้ ข้าน้อยจะรับฟังคำสั่งของผู้บัญชาการหลินขอรับ!”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองพร้อมเอ่ยถาม “แม่ทัพจ่าว เมืองห้าหุบเขามีเสบียงอาหารเท่าใด?”
“มีเพียงพอสำหรับสามปีขอรับ” จ่าวหลีเทียนกล่าวอย่างมั่นใจ
“ดี”
หลินมู่อวี่กล่าวต่อ “รับคำสั่ง ให้ชาวบ้านขุดสระเพิ่มเติมเพื่อกักเก็บน้ำ”
“เพราะเหตุใด?” จ่าวหลีเทียนตกตะลึง
“ลืมแล้วหรือว่าเซี่ยงอวี้สังหารผู้คนในเมืองห้าหุบเขาเกือบสองล้านคน?” เว่ยโฉวกล่าวอย่างเฉยเมย “หากเซี่ยงอวี้ทำได้ เผ่าปีศาจก็ทำได้เช่นกัน”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
หลินมู่อวี่กล่าวเสริม “อีกทั้งให้ย้ายธัญพืชและหญ้าทั้งหมดลงไปยังชั้นใต้ดินของบ้านที่ก่อด้วยอิฐเพื่อป้องกันการโจมตีจากฟ้าของอสูรปีก แล้วให้ร้านช่างตีเหล็กทั้งหมดเริ่มหล่อลูกศรเพิ่มเติม”
“ขอรับ!”
“เจ้าไปได้”
“เช่นนั้นข้าขอตัว”
หลินมู่อวี่เฝ้ามองจ่าวหลีเทียนออกไป ก่อนจะหันไปกล่าวกับซือตู่เซิน “แม่ทัพเซิน ท่านคิดอย่างไรกับจ่าวหลีเทียนผู้นี้ เขาเชื่อถือได้หรือไม่?”
ซือตู่เซินประสานหมัด “แม้เขาจะน่าเกลียด แต่ก็ดูเป็นชายที่ซื่อสัตย์”
“อืม”
หลินมู่อวี่สูดลมหายใจเข้าก่อนจะกล่าวว่า “เผ่าปีศาจกำลังเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมาก และทำให้ชาวเมืองต่างตื่นตระหนก ข้าจะนำคนไปเล็กน้อยเพื่อออกไปสำรวจดูในตอนกลางคืน”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
…
แสงคบเพลิงสว่างไสวทั่วบริเวณ ผู้คนมากมายปิดบ้านเงียบ มีการเผาเงินกระดาษตามท้องถนนเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต วันนี้อสูรเกราะสังหารผู้คนอย่างน้อยหลายหมื่นคนหลังจากบุกเข้ามาในเมือง ซึ่งเป็นการโจมตีที่หนักหน่วงอีกครั้งสำหรับชาวบ้านที่นี่
แม้แต่เฟิงจี้สิงก็พ่ายแพ้ต่อเฉียนเฟิง…นั่นทำให้ภายในใจหลินมู่อวี่หม่นหมองมาก ขณะที่เขากำลังขี่ม้าออกไปตามถนนในเมือง
ไม่นาน เขาก็เข้ามาถึงถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านและแสงไฟสว่างไสว ชาวเมืองกำลังซื้ออาหารและเสื้อผ้าอยู่ที่นี่ เมื่อทหารกองทัพมังกรผงาดเข้ามา พวกเขาต่างแสดงความหวาดกลัวทันที
กระนั้นก็มีบางคนที่เผยสีหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่ไกลออกไป เด็กน้อยอายุราวเจ็ดขวบขว้างแครอทในมืออย่างแรง
“ตุบ!”
แครอทกระทบเกราะออกของหลินมู่อวี่จนทิ้งรอยน้ำ เมื่อหลินมู่อวี่มองลงไป ก็พบคนเป็นแม่อุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนพร้อมมองเขาอย่างหวาดกลัว นางรู้ว่าหลินมู่อวี่เป็นผู้บัญชาการระดับสูงและเป็นผู้ที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองมากที่สุด
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลงจากม้า ก่อนจะนั่งลงพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าหนู เหตุใดจึงโยนแครอทใส่ข้า?”
ดวงตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่สมกับอายุ “เจ้าขยะ…เป็นทหารของจักรวรรดิเสียเปล่า แต่กลับไม่สามารถเอาชนะเผ่าปีศาจ จนทำให้พ่อของข้าถูกฆ่าตายเมื่อเช้านี้ เจ้ามันเศษขยะ ไม่คู่ควรกับการเป็นทหารของจักรวรรดิ!”
หลินมู่อวี่มองเด็กตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ได้กล่าวคำใดตอบ
แม่ของเด็กน้อยอ้อนวอนขอความเมตตา “ท่านทหาร เจ้าเด็กนี่โง่เขลานัก โปรดอย่าสนใจเขาเลย”
“ไม่เป็นไร…”
หลินมู่อวี่เพียงยิ้มเล็กน้อย
ทันใดนั้น! “ฟิ้ว!” มีดทำครัวพุ่งแหวกอากาศเข้ามาหาเขา “เคร้ง!” มันกระทบชุดเกราะเสียงดัง
หลินมู่อวี่รู้สึกโกรธก่อนจะหันมองคนที่ขว้างมีดนี้มาด้วยท่าทางเคร่งขรึม เขาเป็นชายชราอายุราวหกสิบปีขณะที่สบถด้วยความเกลียดชัง “เจ้าพวกทหารแห่งจักรวรรดิมักเหี้ยมโหดและโอหัง ตั้งแต่เผ่าปีศาจบุกเข้ามาถึงที่นี่ พวกเจ้าเพียงซุกหางหนีและปล่อยให้คนธรรมดาอย่างพวกเราต้องทุกข์ทรมาน จงออกไปต่อสู้กับพวกมันด้านนอกซะ! อย่ามาอยู่ในเมืองให้เปล่าประโยชน์ ออกไปซะ!”
จากนั้นผู้คนต่างโห่ร้องเสียงดัง
“ออกไปสู้กับพวกปีศาจซะ!”
“อย่าปล่อยให้เราทรมาน!”
“จงออกไปจากเมืองห้าหุบเขา!”
…
หลินมู่อวี่มองดูทุกคนและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ขณะที่ดวงตาเผยความผิดหวัง เขาหันหลังพร้อมเอ่ยคำเบา “หากข้ารู้ว่าพวกเจ้าโง่เขลาเช่นนี้ คงไม่เดินทางไกลมาเพื่อปกป้อง…”
ขณะเดียวกันหญิงสาวนางหนึ่งก้าวออกมาพร้อมกล่าวอย่างกังวล “ท่านทหาร...ท่านต้องหลั่งเลือดและเหงื่อเพื่อปกป้องผู้คนในจักรวรรดิ ท่านพยายามอย่างหนักเพื่อพวกเรา พะ…พวกเขาเพียงโกรธที่สูญเสียผู้เป็นที่รัก…โปรดให้อภัยและอย่าลงโทษพวกเขาเลย เมืองห้าหุบเขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ…”
ชายผู้ถือคบเพลิงพลันกล่าวเสริม “ใช่ท่านทหาร เขาเคยเป็นทหารผ่านศึกที่ปกป้องชายแดน แต่ตอนนี้เป็นเพียงทหารรักษาการณ์เท่านั้น โปรดอย่าถือสาและโกรธเลย พวกเขาเพียงตามืดบอดเพราะสงครามเท่านั้น”
“ข้าไม่ได้โกรธ”
หลินมู่อวี่พยายามแสดงความอ่อนโยนออกมาอย่างเต็มที่ เขารู้ดีว่าหากระเบิดโทสะที่นี่ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนในจักรวรรดิ
แต่ทันใดนั้น! ชายชราที่เคยขว้างมีดทำครัวได้หยิบก้อนอิฐขึ้นมาขว้างพร้อมตะโกนเสียงดัง “เจ้าพวกหมารับใช้จักรวรรดิ ออกไปจากเมืองห้าหุบเขาซะ!”
ก้อนอิฐกระแทกซือตู่เซินรุนแรง
“ชิ้ง!”
สายตาซือตู่เซินเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมชักดาบและตวัดออกไปรวดเร็วปานสายฟ้า ทันใดนั้นหัวของชายชราถูกตัดสะบั้นลอยขึ้นท้องฟ้า ขณะที่หยาดเลือดไหลอาบคมดาบ ซือตู่เซินพลันเอ่ยเสียงเบา “พวกเจ้าสามารถยั่วยุคนดีอย่างผู้บัญชาการได้ แต่กลับริอ่านยั่วยุคนเลวเช่นข้า!!”