The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 443 งานเลี้ยงอาหารค่ำ
EP.443 งานเลี้ยงอาหารค่ำ
แม้ว่าค่ายกองกำลังที่สามจะค่อนข้างรก แต่เหล่าทหารต่างอยู่ในระเบียบวินัย จากระยะไกลพวกเขาดึงตราทหารรับจ้างออกจากไหล่ ก่อนจะยืนเรียงกันเป็นแถวเพื่อฝึกฝนยุทธวิธี ทหารเหล่านี้เป็นทหารรับจ้างอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลันเยี่ยน ดังนั้นจึงมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ซือตู่เฉว่ควบม้าเข้ามาด้วยรอยยิ้มขณะที่มีดคู่ห้อยอยู่ที่เอว นางพลันแสดงความเคารพ “คารวะผู้บัญชาการเจ้าค่ะ ส่วนนี่…”
ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ข้าถังเสี่ยวซี”
“เช่นนั้นคงเป็นองค์หญิงซี” ซือตู่เฉว่มองนางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงซีทรงนำเผ่าพันธุ์อสูรฟื้นฟูเมืองหลันเยี่ยนในยามทุกข์ยาก ชื่อเสียงของพระองค์เป็นที่เลื่องลือมานาน ซือตู่เฉว่ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่ามากพิธีไป” ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “เจ้าเป็นคนของมู่มู่ เช่นนั้นจึงเป็นสหายของข้าเช่นกัน”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
จู่ๆ ถังเสี่ยวซีถามขึ้น “อย่างไรก็ตาม กลุ่มทหารรับจ้างหลิงเป่ยรู้จักกันในนามทหารรับจ้างอันดับหนึ่งในมณฑลหลิงเป่ย ซึ่งเดิมทีใช้ชีวิตอย่างอิสระ เหตุใดจึงเข้าร่วมกองทัพมังกรผงาดภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ของราชาธิปไตย?”
ซือตู่เฉว่ตกตะลึงพร้อมประสานหมัดกล่าว “องค์หญิงซี เหตุผลประการแรก แม้ว่าทหารรับจ้างจะเป็นอิสระ แต่ก็เป็นเหมือนกลุ่มคนไร้วิญญาณ ข้าไม่มีเหตุผลในการต่อสู้เลย ดังนั้นซือตู่เฉว่จึงต้องการเป็นแม่ทัพและนำเหล่าพี่น้องต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ เหตุผลประการที่สองคือซือตู่เฉว่ต้องการอยู่กับพี่ชายซือตู่เซิน พวกเราไม่เคยแยกจากกัน เหตุผลประการที่สามคือ ผู้ที่สามารถเอาชนะซือตู่เซินได้อย่างง่ายดายมีรูปร่างสูงโปร่งและสว่างไสว ขณะที่สองแขนรวดเร็วดั่งสายลม คนคนนั้นคือผู้บัญชาการหลิน ดังนั้นกระหม่อมจึงยินดีมอบชีวิตนี้ให้เขาพ่ะย่ะค่ะ”
“รูปร่างสูงโปร่งและสว่างไสว…สองแขนรวดเร็วดั่งสายลม”
ถังเสี่ยวซีเหลือบมองหลินมู่อวี่ด้านข้างแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ชายผู้นี้ตัวหนาแล้วยังมืดหม่น เจ้าจะได้เห็นเองในภายภาคหน้า”
“อะแฮ่ม…” หลินมู่อวี่กระแอมพร้อมกล่าวว่า “อย่าทำลายภาพลักษณ์อันสง่างามของข้าในจิตใจพวกเขา ซือตู่เฉว่กลับไปฝึกฝนได้ ข้าและองค์หญิงซีจะเดินเล่นรอบบริเวณเล็กน้อย ส่วนธงรบและตราสัญลักษณ์ทหารกำลังอยู่ในระหว่างการผลิต พวกเขาจะจัดส่งมาให้ในไม่ช้า ส่วนชุดเกราะและอาวุธอาจต้องใช้เวลา เช่นนั้นโปรดอดใจรอ”
“เจ้าค่ะท่านผู้บัญชาการ” ซือตู่เฉว่ประสานหมัดด้วยความเคารพ
…
ถังเสี่ยวซีและหลินมู่อวี่เดินออกจากค่ายอย่างเชื่องช้า นางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “มู่มู่ที่รัก ซือตู่เฉว่ผู้นั้นชอบเจ้าหรือ?”
“ไม่ อย่าคิดมาก” หลินมู่อวี่ตอบกลับ “นางเพียงชื่นชมพลังขอบเขตปราชญ์ของข้าเท่านั้น”
“ฮึ่ม! เชื่อก็บ้าแล้ว!”
เว่ยโฉวและเฝิงสี่หัวเราะอยู่ด้านหลัง
จากนั้นค่ายกองกำลังที่สามของกองทัพมังกรผงาดจึงได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ กองกำลังแรกนำโดยเว่ยโฉวซึ่งเกณฑ์ทหารใหม่สองหมื่นนาย กองกำลังที่สองนำโดยซือตู่เซินพร้อมทหารเกณฑ์หนึ่งหมื่นห้าพันนาย ส่วนกองกำลังที่สามนำโดยซือตู่เฉว่ซึ่งมีทหารหนึ่งหมื่นห้าพันนาย ทำให้กองทัพมีกำลังพลทั้งสิ้นห้าหมื่นนายจนกลายเป็นหนึ่งในกองทัพที่ทรงพลังและกล้าหาญมากที่สุดในจักรวรรดิ
…
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ถังเสี่ยวซีเชิญหลินมู่อวี่ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัวที่จวนเจ้าเมืองชีไห่ ตอนแรกเขาปฏิเสธ แต่ถังเสี่ยวซีดูน่าสงสารมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามนางไป แม้จะรู้ดีว่าถังลู่และถังเทียนไม่ค่อยชอบตนเองมากนัก แต่เขากลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายกับเสี่ยวซี จึงไม่ได้สามารถปล่อยนางไปคนเดียว
ท่ามกลางความมืด โคมไฟในเมืองหลันเยี่ยนถูกจุดขึ้นสว่างไสวราวกับชุดราตรีของหญิงสาว
เสียงเกือกม้าดังขึ้น ขณะที่ฉือเจี้ยนเทานำทหารม้ากว่าร้อยนายมายังจวนเจ้าเมือง ก่อนที่หลินมู่อวี่จะส่งพวกเขากลับ อย่างไรก็ตามเขาเป็นถึงจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์พร้อมมีวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปและวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งชั้นเลิศโซ่เทวะ มีเพียงไม่กี่คนในจักรวรรดิที่สามารถต่อกรกับเขาได้ อีกทั้งยังมีถังเสี่ยวซีผู้เป็นจิ้งจอกเก้าหางอยู่เคียงข้าง
“องค์หญิง ผู้บัญชาการหลิน มาถึงแล้วหรือขอรับ?” คนจากจวนเจ้าเมืองชีไห่ออกมาต้อนรับทั้งสอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นคนจากตระกูลถัง เขาอายุราวสามสิบปีและดูเป็นคนอารมณ์ดี กระนั้นเขาคงมีอารมณ์ที่แท้จริงหลากหลายภายใต้รอยยิ้มนั้น
“เข้าไปกันเถิด” ถังเสี่ยวซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลินมู่อวี่ส่งท่าเฉว่ให้คนรับใช้ ก่อนจะเดินตามถังเสี่ยวซีเข้าไป
ภายในจวนสว่างไสวและมีคนรับใช้อยู่มากมาย แม้จวนเจ้าเมืองจะเพิ่งสร้างขึ้นใหม่และไม่หรูหราเท่าของลู่จ่าว กระนั้นก็ยังดูงดงามสมกับเป็นจวนขององค์ชาย
ถังหลานทักทายทั้งสอง ขณะที่ถังลู่ ถังเทียน และถังเว่ยเดินตามมาด้านหลัง การกระทำของถังเสี่ยวซีหลังจากกอบกู้เมืองหลันเยี่ยนกลับมาทำให้ถังลู่และถังเทียนรังเกียจมาก บางทีพวกเขาอาจไม่ถือว่าเสี่ยวซีเป็นคนของตระกูลถังอีกต่อไป มีเพียงชายชราถังหลานเท่านั้นที่ยังเห็นนางเป็นหลานรักเสมอ เขามองไปที่ถังเสี่ยวซี ก่อนจะหันมองหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวว่า “อาอวี่ก็มาด้วยหรือ?”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยความเคารพ “คารวะท่านหลานกง”
“เข้ามาเถิด กลายเป็นว่าครอบครัวทั้งหมดกลับมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน” ถังหลานกล่าวอย่างมีความนัย
หลินมู่อวี่ตกตะลึงก่อนจะเดินตามไป เมื่อเข้าไปด้านใน กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูก บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหายากและเลิศรส เมืองชีไห่ของตระกูลถังร่ำรวยมาก หลินมู่อวี่เหลือบมองอาหาร พวกมันเป็นเนื้อหายาก และผลไม้หลายชนิด อาหารเหล่านี้รวมกันราคาอย่างน้อยสองพันเหรียญทอง ซึ่งเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตครอบครัวธรรมดาได้ถึงสี่ปี
อย่างไรก็ตามยังมีอีกคนหนึ่งที่ได้รับเชิญซึ่งทำให้หลินมู่อวี่ประหลาดใจ เพราะคนผู้นั้นคือเซี่ยงอวี้ เมื่อครุ่นคิดเรื่องนี้ หลินมู่อวี่เป็นสหายคนสนิทของถังเสี่ยวซี แต่สถานะของเซี่ยงอวี้…สามารถเรียกว่าครอบครัวได้หรือ?
หลังจากทุกคนนั่งลง คนรับใช้ก็เริ่มรินสุราให้
ถังหลานถือจอกสุราด้วยมือสั่นเทาพร้อมกล่าวว่า “หาได้ยากที่เสี่ยวซีจะกลับบ้านมาทานอาหารเย็น มาเถิด ห้ามกลับจนกว่าจะเมา”
เมื่อดื่มจนหมดจอก ถังหลานจึงนั่งลง
บรรยากาศรอบบริเวณค่อนข้างน่าอึดอัด เนื่องจากถังลู่และถังเทียนไม่ต้องการร่วมโต๊ะอาหารกับหลินมู่อวี่ ถังลู่พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัว ข้าไม่ทราบว่าเสี่ยวซีจะนำผู้บัญชาการหลินกลับมาด้วย เจ้ากำลังจะแต่งงานกับเขาหรือ? คงเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่มาก”
ถังเสี่ยวซีตกใจและไม่คาดคิดว่าถังลู่จะกล่าวเช่นนี้ แต่นางรู้ดีว่าคนที่หลินมู่อวี่มีใจให้คือฉินอิน อีกทั้งโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันของทั้งสองน้อยมาก นางจึงไม่รู้ว่าควรตอบกลับเช่นไร
โชคดีที่หลินมู่อวี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง “เรื่องเหล่านี้คงต้องรอจนกว่าจะกอบกู้แผ่นดินคืนมา และเผ่าปีศาจถูกทำลายสิ้น ข้าหวังว่าท่านหลานกงจะเข้าใจการกระทำทั้งหมดของเสี่ยวซี…”
ถังหลานพยักหน้ารับ “ข้ารู้…เสี่ยวซีเป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าที่ข้าภาคภูมิใจเสมอ”
ถังเทียนยิ้มอย่างไม่เต็มใจพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการหลินกลายเป็นแม่ทัพที่แท้จริงแล้ว กองทัพมังกรผงาดเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดินี ดังนั้นท่านจึงเป็นดั่งดวงดาวที่ชี้นำผู้คน ข้าไม่รู้ว่าผู้บัญชาการหลินจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสงครามระหว่างจักรวรรดิและเผ่าปีศาจ”
“เรื่องนั้น…”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ปีศาจแข็งแกร่งมาก และไม่สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย จริงสิ ข้าหวังว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะสามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่ทรงพลังเพื่อเติมเต็มความแตกต่างระหว่างพลังกายของคนธรรมดาและอสูรเกราะเผ่าปีศาจ”
ถังหลานยิ้มเล็กน้อย “วันนี้ครอบครัวมาทานอาหารร่วมกัน อย่าพูดถึงเรื่องจักรวรรดิเลย อีกอย่างข้าต้องการประกาศบางสิ่ง ภายในเดือนหน้าจะเลือกฤกษ์ยามดีสำหรับงานแต่งงานระหว่างเซี่ยงอวี้และถังเว่ย”
ถังเสี่ยวซีประหลาดใจ “ถังเว่ย…ท่านพี่ต้องการแต่งงานกับเซี่ยงอวี้จริงหรือ?”
ถังเว่ยนั่งถัดจากเซี่ยงอวี้กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ท่านปู่ได้หมั้นหมายให้ข้ากับแม่ทัพเซี่ยงอวี้แล้ว”
เซี่ยงอวี้ประสานหมัดด้วยท่าทางสง่างาม “ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านหลานกงต้องผิดหวัง ข้าจะดูแลองค์หญิงถังเว่ยอย่างดีและไม่มีวันทอดทิ้งตระกูลถัง”
“ดี ดี”
สิ้นเสียง ถังหลานหันมองหลินมู่อวี่อย่างมีความนัยพร้อมกล่าวว่า “หลินมู่อวี่ เผ่าปีศาจแข็งแกร่งมาก ขณะที่จักรวรรดิอี้เหอกำลังรวบรวมกำลังพล จึงทำให้จักรวรรดิฉินอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เจ้า ตัวข้า และนายพลเซี่ยงอวี้ต่างเป็นแม่ทัพแห่งจักรวรรดิผู้มีอำนาจทางทหาร เราต้องละทิ้งความเป็นปฏิปักษ์ในอดีตให้หมดสิ้น และร่วมมือต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
หลินมู่อวี่ประสานหมัด “ข้าเห็นด้วยกับท่านหลานกง”
ถังหลานหรี่ตาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทันทีที่ถังปินเสียชีวิต กองทัพตระกูลถังก็สูญเสียผู้นำ ข้าอายุมากขึ้นทุกวันและเกรงว่าเวลาใกล้หมดลง แต่ข้ายังคงไม่สามารถปล่อยวางเรื่องของตระกูลถังและเสี่ยวซี อาอวี่…ข้ารู้ว่าเจ้าสังหารถังปินโดยไม่ตั้งใจเพื่อช่วยชีวิตเสี่ยวซี กระนั้นสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ข้าไม่ต้องการเคียดแค้นและไล่ตามอีกต่อไป ข้าหวังเพียงเจ้าจะสามารถเปลี่ยนกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากนี้และกอบกู้จักรวรรดิกลับคืนมา”
“ท่านหลานกง หากมีสิ่งใดในใจ โปรดกล่าวออกมาโดยตรง”
“อืม” ถังหลานสูดลมหายใจก่อนกล่าวว่า “แม้ภายในใจ…ข้าหวังว่าเจ้าจะแต่งงานกับเสี่ยวซี แต่โชคชะตาคงไม่เป็นใจ ดังนั้นข้าจึงหวังเพียงแค่เจ้าจะกลายเป็นพี่น้องกับเสี่ยวซีพร้อมสาบานจะไม่ทอดทิ้งนางหรือตระกูลถัง แล้วข้าจะมอบคำสั่งสุดท้ายของตระกูลถังให้ ซึ่งนั่นคือ…เจ้าสามารถระดมพลตระกูลถังจากเมืองชีไห่ได้ตามต้องการ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
หัวใจของหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความสับสน ไม่นานเขาก็กล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้ารู้ว่าการที่ท่านมีเมตตาเช่นนี้ เนื่องจากเสี่ยวซีชื่นชอบข้ามาก และข้าไม่มีวันทรยศนาง กระนั้นข้าเป็นลูกชายบุญธรรมของฉินจิ้น แม้เขาจะปฏิบัติกับข้าไม่ดีนัก แต่กลับเชื่อใจข้ามาก อีกทั้งพี่ชายทั้งสองฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและฉินเหลยเสียชีวิตเพื่อจักรวรรดิ ข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้จะสามารถจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฉินเท่านั้น ทว่า…ท่านหลานกงยังคงเป็นขุนนางคนสำคัญและภักดีต่อจักรวรรดิเช่นเดียวกัน แล้วการที่ข้าภักดีต่อราชวงศ์ฉินจะแตกต่างกับการภักดีต่อตระกูลถังอย่างไร?”
ถังหลานนิ่งเงียบ ก่อนจะยกตะเกียบพร้อมกล่าวว่า “กินกันเถิด อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย”