The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 435 แต่งตั้งองครักษ์มังกร
EP.435 แต่งตั้งองครักษ์มังกร
เจ็ดวันถัดมากองทัพเผ่าปีศาจถอนกำลังออกจากเมืองหน้าด่านโม่ซงพร้อมหันไปโจมตีกองทัพติงซี่ในเมืองสายัณห์แทน ขณะที่อาการบาดเจ็บของหลินมู่อวี่ต้องได้รับการพักฟื้น ดังนั้นฉินอินจึงสั่งให้กองทัพบางส่วนปกป้องเทือกเขาฉิน ส่วนที่เหลือให้เดินทางกลับเมืองหลันเยี่ยน ขณะนี้เมืองหน้าด่านหลายสิบแห่งบนเทือกเขากลับคืนสู่จักรวรรดิฉินและกลายเป็นปราการป้องกันการบุกรุกของจักรวรรดิอี้เหอและเผ่าปีศาจ
วันที่ยี่สิบเอ็ดธันวาคมปีเจ็ดพันเจ็ดร้อยสามสิบสี่ กองทัพแห่งจักรวรรดิเดินทางกลับเมืองหลันเยี่ยน
…
ในที่สุดการต่อสู้อย่างดุเดือดสิ้นสุดลง ในฐานะจักรพรรดินี สิ่งแรกที่ฉินอินต้องทำคือมอบรางวัลตอบแทน วันรุ่งขึ้นจึงมีการเรียกเหล่าทหารและขุนนางมารวมตัวกันเพื่อประชุมศาล
แม้ว่าร่างกายหลินมู่อวี่จะเต็มไปด้วยผ้าพันแผล แต่เขาสวมชุดเกราะอย่างระมัดระวังและไปเข้าร่วมศาล เนื่องจากเขารู้ดีว่าวันนี้จำเป็นต้องไปสนับสนุนฉินอิน มิเช่นนั้นนางอาจถูกถังหลานและซูมู่หยุนจำกัดสิทธิ์ในการออกเสียง
เฟิงจี้สิงพยุงหลินมู่อวี่พร้อมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ต้องกังวล ข้าดีขึ้นมากแล้ว” หลินมู่อวี่ยิ้ม
“ดี”
เฟิงจี้สิงกล่าวอย่างกังวล “อาอวี่ต้องรักษาตัวโดยเร็วที่สุด เผ่าปีศาจกำลังเคลื่อนทัพเข้ามาอีกครั้ง เมื่อไม่นานนี้หน่วยสอดแนมในเมืองตงฉวงรายงานว่า เฉียนเฟิงกำลังฝึกฝนกลยุทธ์ให้อสูรเกราะตลอดทั้งวัน หากต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ข้าเกรงว่าพวกมันคงไม่โจมตีอย่างโง่เขลาอีกแล้ว”
“อืม ข้ารู้” ภายในใจหลินมู่อวี่รู้ดีว่าจอมพลเฉียนเฟิงเป็นชายที่ปราดเปรื่องที่หาญกล้า ซึ่งเป็นภัยต่อจักรวรรดิอย่างยิ่ง กระนั้นความเกลียดชังพวกเขามีไม่มากพอ มิเช่นนั้นคงเข้าแทรกซึมเข้าเมืองตงฉวงนานแล้ว หากจัดการเฉียนเฟิงได้ คงทำให้จักรวรรดิปลอดภัยขึ้น
ขณะเดียวกัน ข้าราชบริพารกล่าวเสียงดัง “การประชุมเริ่มขึ้นแล้ว”
ทุกคนคุกเข่าลงแสดงความเคารพจักรพรรดินี ฉินอินเดินออกมาพร้อมข้าราชบริพารหญิงหลายคนตรงไปยังบัลลังก์ นางนั่งลงพร้อมยกมือกล่าว “ทุกท่านโปรดลุกขึ้นเถิด”
หลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิงยืนขึ้นพร้อมเงยหน้าขึ้นมอง ฉินอินสวมชุดสีขาวครีมดูสง่างามและหรูหรามาก ใบหน้าที่งดงามเผยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ แต่ยังคงรักษาภาพลักษณ์เด็กสาวผู้เหนียมอาย ขณะนี้ฉินอินไม่ใช่เด็กสาวผู้อ่อนแออีกต่อไป
ฉินอินกราดตามองเหล่าข้าราชบริพารพร้อมเอ่ยเสียงอ่อนหวานอย่างชัดเจนว่า “ผู้บัญชาการหลินนำกองทัพมังกรผงาดไปทางใต้จนสามารถกอบกู้เมืองหน้าด่านโม่ซงและเจียหยวนจากเผ่าปีศาจได้ สร้างป้อมปราการ กระทั่งบุกเข้าไปในหลิงหนานยึดเมืองเพลิงจันทราและเมืองซิงเจว๋เพื่อเป็นกำลังให้จักรวรรดิฉินของเรา แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของผู้บัญชาการหลินไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เขาแสร้งทำเป็นจำนนเพื่อเข้าไปในเมืองสายัณห์ท่ามกลางทหารนับพัน ก่อนนำศีรษะของฉินเหลยซึ่งเป็นผู้บัญชาการองครักษ์อวี้หลินมาฝังในบ้านเกิด และเป็นความอัปยศที่จักรวรรดิอี้เหอมอบให้ ข้าจึงตัดสินใจแต่งตั้งผู้บัญชาการหลินขึ้นเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งจากทั้งหมดสิบเอ็ดแม่ทัพแห่งจักรวรรดิ”
เหล่าข้าราชบริพารหันมองหน้ากัน ทว่าไม่มีผู้หาเหตุผลมาคัดค้าน ขณะที่นายพลตระกูลถังดูเคร่งขรึมและไม่กล่าวสิ่งใด ครานี้องค์จักรพรรดินีทรงกริ้วเรื่องหลินมู่อวี่มาก กระทั่งตัดสินประหารนายพลตระกูลถังสี่นาย หนึ่งในนั้นคือถังจั่วซึ่งเป็นญาติคนสนิทของถังหลาน จึงเป็นเหตุให้เขาโกรธมาก กระนั้นก็ไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดออกไป มีเพียงถังลู่ที่รู้สึกอึดอัดพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้ผู้บัญชาการหลินจะสร้างคุณความดีมาก แต่…เขายังเป็นเด็ก กระหม่อมเกรงว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหนึ่งในแม่ทัพของจักรวรรดิ”
“คุณสมบัติ…”
ฉินอินหัวเราะก่อนกล่าวว่า “เหล่าแม่ทัพในหอหลิงหยุน เซี่ยงเหวินเทียนอายุยี่สิบเอ็ดปี หลัวตงไหอายุยี่สิบสี่ปี ส่วนเฟิงอี้เฉิงอายุยี่สิบเจ็ดปี ขณะนี้ผู้บัญชาการหลินอายุยี่สิบหกปี เหตุใดจึงไม่ได้? เอาล่ะ เชิญอ่านสารขนนกจากหลิงหนานของกบฏจักรวรรดิอี้เหอ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ข้าราชบริพารหญิงพยักหน้ารับอย่างเคารพพร้อมหยิบสารออกมาอ่าน “หลินมู่อวี่ได้ต่อสู้เพื่อชิงศีรษะผู้บัญชาการฉินเหลยในจวนของแม่ทัพลู่จ่าว มีทหารกว่าร้อยนายเสียชีวิตด้วยคมกระบี่เขา รวมถึงลู่จ่าวผู้เป็นหนึ่งในเจ็ดแม่ทัพแห่งจักรวรรดิอี้เหอ นอกจากนี้มีรองผู้บัญชาการจ้าวจิ่ว รองผู้บัญชาการหลี่ชา ผู้บัญชาการทหารม้าหวังเปียว รองผู้บัญชาการต่งเหยียนและคนอื่นๆ เขาได้สังหารหยานลี่จอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่หนึ่งซึ่งเป็นบริวารของลั่วหลาน และทำให้หลูจ๋านจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สามบาดเจ็บสาหัส”
สิ้นเสียง นางหันไปโค้งคำนับให้ฉินอินพร้อมถอยออกไป
ฉินอินลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อมองกลับมายังจักรวรรดิฉิน ใครบ้างที่สามารถเป็นแม่ทัพที่ซื่อสัตย์และเก่งกล้าเช่นนี้?”
ซูมู่หยุนประสานหมัดกล่าว “ฝ่าบาท ความจงรักภักดีเป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ในจักรวรรดิ เขามีความสามารถแบบที่ผู้คนในหลิงหนานไม่สามารถทำได้พร้อมสร้างคุณความดีมากมาย กระหม่อมเชื่อว่า…ผู้บัญชาการหลินสมควรได้รับตำแหน่งแม่ทัพ อีกทั้งทหารทั้งสองหมื่นนายของกองทัพมังกรผงาดเก่งกล้าและแข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ผู้บัญชาการของพวกเขาจึงสมควรได้รับตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งคือตำแหน่งแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอินประหลาดใจ ไม่คิดว่าซูมู่หยุนจะสนับสนุนหลินมู่อวี่ในวันนี้ นางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความเห็นชอบของท่านตา หากเป็นเช่นนั้น…ข้าจะแต่งตั้งหลินมู่อวี่เป็นแม่ทัพแห่งจักรวรรดิ มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่?”
ถังหลานประสานหมัดกล่าว “กระหม่อมไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนในตระกูลถังพลันประสานหมัด จากนั้นทุกคนเริ่มแสดงความยินดีกับหลินมู่อวี่ ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมีแม่ทัพหนุ่มเพียงไม่กี่นายเท่านั้น อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขาม
หลินมู่อวี่ก้าวออกมาคุกเข่าพร้อมกล่าวว่า “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ฉินอินยิ้มและพยักหน้ารับ “พี่อาอวี่ลุกขึ้นเถิด”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ ก่อนที่ฉินอินจะเดินเข้ามาพร้อมมือข้างหนึ่งถือตราแม่ทัพ ส่วนอีกข้างถือกระบี่ ของเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แสดงยศและอำนาจทางทหาร หลินมู่อวี่รับมาและขอบคุณนางอีกครั้ง
…
“การหารือลำดับถัดไปคือการปรับโครงสร้างกองทหารอวี้หลิน การก่อตั้งองครักษ์อวี้หลินและองครักษ์มังกรขึ้นใหม่” ฉินอินมองไปยังกลุ่มข้าราชบริพารและกล่าวต่อ “ตามกฎของจักรวรรดิยาวนานกว่าเจ็ดพันปี ภารกิจสำคัญต่างๆ รับผิดชอบโดยองครักษ์อวี้หลินมาโดยตลอด แต่ขณะนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพองครักษ์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเดิมทีมีหน้าที่ปกป้องเมืองหลวง มิใช่เพื่อปกป้องจักรพรรดิ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าควรสร้างกองทัพองครักษ์อวี้หลินขึ้นใหม่อีกครั้ง”
เหล่าขุนนางและข้าราชบริพารตกตะลึง
ซูมู่หยุนขมวดคิ้วพร้อมประสานหมัด “ฝ่าบาท กะ…การป้องกันความปลอดภัยของตำหนักเจ๋อเทียนเป็นความรับผิดชอบของทหารม้าเหล็กตระกูลซูซึ่งนำโดยอาอวี่ พระองค์ไม่ไว้วางพระทัยป้าอวี่หรือ?”
ฉินอินยิ้มหวาน “ป้าอวี่เป็นญาติของเสี่ยวอิน เช่นนั้นจะไม่ไว้ใจนางได้อย่างไร แต่ด้วยกฎของจักรวรรดิจักรพรรดิจะเป็นผู้กำหนดองครักษ์มังกรด้วยตนเอง ส่วนองครักษ์อวี้หลินก่อตั้งขึ้นเพื่อป้องกันตำหนักเจ๋อเทียน เช่นเดียวกับที่ท่านตาและท่านหลานกงกล่าวเสมอว่า…กฎของบรรพบุรุษไม่อาจทำลายได้ ท่านหลานกงมีความเห็นว่าอย่างไร?”
ดวงตาถังหลานเปล่งประกายขณะประสานหมัดกล่าว “ฝ่าบาท การสร้างกองทัพองครักษ์อวี้หลินขึ้นใหม่ไม่ใช่เรื่องเล็กและจะต้องทำไปทีละขั้นตอน กระหม่อมแนะนำว่าให้จัดตั้งองครักษ์มังกรก่อน จากนั้นจึงจัดตั้งกองทัพองครักษ์อวี้หลินหนึ่งร้อยนาย เนื่องจากการคลังและวัสดุของจักรวรรดิมีอยู่อย่างจำกัด และไม่สามารถใช้อย่างฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนได้แล้ว”
ฉินอินคร่ำครวญก่อนยิ้มรับ “ท่านหลานกล่าววถูกต้อง เช่นนั้น…เริ่มกันเลยเถิด!”
ซูมู่หยุนกล่าวด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท ตามกฎของบรรพบุรุษ องครักษ์มังกรมีเพียงหกนายเสมอ แต่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ฉินเหลย และตู้ไห่เสียชีวิตแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงเฟิงจี้สิง ชวีฉู่ และเหยาหยวนเพียงสามนายเท่านั้น พระองค์จึงต้องแต่งตั้งเพิ่มอีกสามนาย กระหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์มีผู้ใดในความคิดหรือไม่?”
“อืม” ฉินอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านตา ข้าวางแผนจะแต่งตั้งแม่ทัพหลินเป็นหนึ่งในองครักษ์มังกร”
“อา…”
ซูมู่หยุนตกตะลึง แต่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี่เป็นพระเชษฐาและปกป้องพระองค์จากอันตรายหลายครั้ง เขาจึงเหมาะสมที่จะได้ขึ้นเป็นองครักษ์มังกร”
ฉินอินยิ้ม “ขอบคุณท่านตาที่อนุญาตเจ้าค่ะ”
ถังหลานพลันกล่าว “กระหม่อมคิดว่าอาอวี่สมควรได้รับตำแหน่งองครักษ์มังกรเช่นกัน แต่กระหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์จะทรงเลือกผู้ใดขึ้นเป็นองครักษ์อีกสองตำแหน่ง องครักษ์มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความจงรักภักดีต่อจักรวรรดิ ดังนั้นฝ่าบาททรงต้องไตร่ตรองให้ดี”
“อืม ข้ารู้” ฉินอินพยักหน้า “ท่านหลานกงจะแนะนำใครได้บ้าง?”
ถังหลานยิ้ม “เซี่ยงอวี้ผู้เป็นทายาทเทพทหารเซี่ยงเหวินเทียนเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์เก้าโกลาหล เขาสามารถรับใช้พระองค์ได้ดียิ่ง และสามารถต่อสู้เพื่อจักรวรรดิจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
ทันใดนั้นนายพลด้านหลังซูมู่หยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยงอวี้ออกคำสั่งให้สังหารชาวบ้านเมืองห้าหุบเขากว่าหนึ่งแสนแปดหมื่นคน อสูรร้ายชั่วช้าเช่นนี้หรือจะคู่ควรกับการเป็นองครักษ์มังกร?”
ใบหน้าเซี่ยงอวี้พลันซีดเซียวพร้อมกล่าวว่า “เซี่ยงอวี้มีประสบการณ์ตื้นเขินนัก ท่านหลานกงโปรดแนะนำผู้อื่นเถิด”
ถังหลานถอนหายใจพร้อมหันมองกลุ่มถังลู่ ถังเทียน ถังเว่ย และคนอื่นๆ ด้านหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ในบรรดาทายาทตระกูลถัง มีเพียงถังเสี่ยวซีเท่านั้นที่มีความสามารถมากที่สุด แต่นางไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา แม่ทัพผู้เก่งกล้าอีกคนคือถังเจิ้น แต่เขาซื่อตรงเกินไป จึงไม่เหมาะสมนัก
ขณะเดียวกันซูมู่หยุนประสานหมัดพร้อมกล่าว “ฝ่าบาท กระหม่อมแนะนำซูอวี่ นางเป็นพระปิตุจฉาของพระองค์ และแทบไม่ต้องคลางแคลงถึงความจงรักภักดี อีกทั้งนางมีอำนาจทางทหารถึงสองแสนนายของเมืองหยาดสายัณห์”
ฉินอินหันมองซูอวี่พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ป้าอวี่ยินดีหรือไม่?”
ซูอวี่ประหลาดใจ “กะ…กระหม่อมเป็นได้หรือ?”
“แน่นอน”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” ซูอวี่คุกเข่าลงด้านหน้าพร้อมกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบพระทัยสำหรับความกรุณา ซูอวี่จะจงรักภักดีต่อจักรวรรดิฉินตลอดไป มิเช่นนั้นกระหม่อมขอยอมตายด้วยคมดาบ!”
“ป้าอวี่โปรดอย่าถ่อมตนเลย”
ฉินอินกล่าวอย่างสุขใจ “เช่นนั้นหลินมู่อวี่และซูอวี่จะถูกแต่งตั้งเป็นองครักษ์มังกร พิธีประกาศอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในตำหนักเจ๋อเทียนในวันรุ่งขึ้น จากนั้นข้าจะดำเนินการจัดตั้งองครักษ์อวี้หลิน”