The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 430 หลบหนี
EP.430 หลบหนี
“เฉินหยาง?” หลินมู่อวี่ตกใจ “เหตุใดเจ้าถึง…?”
เฉินหยางยิ้มเล็กน้อยพร้อมภาพมายาหมาป่าปรากฏขึ้นบนไหล่ ก่อนกล่าวว่า “วิญญาณยุทธ์ของข้าคือหมาป่า มันสามารถแยกแยะและติดตามกลิ่นเลือดได้ ข้ารู้นานแล้วว่าท่านผู้บัญชาการหลินซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” หลินมู่อวี่หรี่ตากล่าว “แม้ข้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังสามารถจัดการเจ้าได้อย่างง่ายดาย…”
“ข้ารู้”
เฉินหยางถอนหายใจ “ข้ารู้ดีว่าในสายตาผู้บัญชาการหลิน เฉินหยางกลายเป็นคนชั่วช้าที่ทรยศจักรวรรดิเพื่อเอาตัวรอด แต่…ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเผชิญหน้ากับความตายได้อย่างกล้าหาญ ข้ายังไม่อยากตาย…จึงทำได้เพียงต้องหักหลัง อย่ากล่าวสิ่งใดอีกเลย รถม้าของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ผู้บัญชาการหลินสามารถซ่อนอยู่ใต้หลังคา แล้วข้าจะคิดหาวิธีส่งท่านออกจากเมืองสายัณห์ ตราบใดที่ท่านข้ามกำแพงเหล็กออกไปได้ จักรวรรดิอี้เหอจะไม่สามารถติดตามตัวท่านได้อีก”
“เหตุใดข้าต้องเชื่อใจเจ้า?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
“แล้วท่านมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”
ดวงตาเฉินหยางเฉียบคมราวกับเหยี่ยวล่าเหยื่อขณะที่กล่าวว่า “มันไม่ยากเลยที่ข้าจะใช้หัวท่านเพื่อสร้างชื่อให้ตนเอง และลอบโจมตีทันที แต่ผู้บัญชาการหลินโปรดเชื่อข้าเถิด ครานี้ข้าไม่ต้องเห็นจักรวรรดิฉินต้องสูญเสียผู้มากความสามารถเช่นท่าน”
หลินมู่อวี่ยิ้มขมขื่น “ไปกันเถิด อย่างที่เจ้ากล่าว…ข้าไม่มีทางเลือก”
“อืม…”
…
เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเมืองสายัณห์ยังคงอยู่ในความโกลาหล กองทัพทหารบุกค้นบ้านเรือนผู้คนและตรวจค้นทุกกระเบียดนิ้ว นกอินทรีจำนวนมากแผดเสียงร้องกลางอากาศขณะที่ตามหาหลินมู่อวี่ หม่านหนิงแทบจะออกคำสั่งให้ขุดลงไปใต้ดินเพื่อค้นหา แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้สั่งให้ทำเช่นนั้นจริงๆ
รถม้าสีดำเคลื่อนตัวบนถนนมุ่งหน้าไปประตูทิศเหนือของเมืองสายัณห์อย่างเชื่องช้า แต่หน้าประตูเต็มไปด้วยกองทัพแห่งจักรวรรดิอี้เหอคอยคุมกัน
“แม่ทัพเฉินหยาง เมืองนี้อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกแล้ว…” ทหารรักษาการณ์กล่าวด้วยความเคารพ
เฉินหยางบนรถม้าตอบกลับ “ข้านำนักรบสามพันนายออกจากเมืองด้วยคำสั่งของท่านซีหยางโหวเพื่อสกัดกั้นหลินมู่อวี่ในพื้นที่ระหว่างเมืองสายัณห์และกำแพงเหล็ก นี่คือม้วนสาส์นและลูกศรประจำตัวท่านโหว”
ทหารรักษาการณ์ใช้แสงคบเพลิงเพื่อตรวจสอบ ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ เปิดประตูได้!”
แต่ทันใดนั้นมีอีกคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ช้าก่อน...ท่านซีหยางโหวเคยกล่าวไว้ว่า จะไม่มีผู้ใดเข้าหรือออกเมืองได้ เขาตรวจการอย่างเข้มงวด แม่ทัพเฉินหยางโปรดให้อภัยข้าน้อยที่หมิ่นคำสั่งของท่านด้วย แต่หลินมู่อวี่ผู้นี้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ไม่เพียงสังหารแม่ทัพลู่จ่าว แต่ยังสังหารนายพลหลายนายของจักรวรรดิอี้เหอ ซึ่งเป็นความผิดที่สมควรตาย!”
“ข้ารู้…”
เฉินหยางยืนขึ้นพร้อมกล่าวว่า “เชิญตรวจสอบเถิด”
“ขอรับ…”
ทหารรักษาการณ์ชักดาบออกมาขณะตรวจสอบรถม้า ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปที่ใต้หลังคารถม้า เขาพลันยกมือแทงดาบขึ้นไป
“ฉึบ!”
ขี้เลื่อยร่วงหล่นออกมา เฉินหยางสั่นสะท้านภายในหัวใจพร้อมกล่าวว่า “เจ้าต้องการทำสิ่งใด? ช่างไม่ละอายใจที่กล้ามาค้นเช่นนี้”
ทหารรักษาการณ์ชักกระบี่ออกอย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีเลือดติดใบดาบ เขาประสานหมัดพร้อมกล่าวว่า “โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย ท่านแม่ทัพผ่านได้”
“หึ!”
เฉินหยางออกคำสั่ง จากนั้นกองทัพค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากเมือง
…
“ท่านหลินเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เฉินหยางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
ในชั้นลอยใต้หลังคา หลินมู่อวี่มองไปยังแผ่นไม้ที่ถูกเจาะใต้รักแร้ตนพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “ไม่เป็นไร หลูจ๋านไม่สามารถสังหารฆ่า เช่นนั้นทหารรักการณ์ธรรมดาจะจัดการข้าได้อย่างไร”
เฉินหยางถอนหายใจโล่งอกพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดีแล้วขอรับ…มันทำให้ข้ากลัวแทบตาย หลังจากพ้นอาณาเขตรักษาการณ์ของเมืองระยะหนึ่งแล้ว ข้าจะส่งท่านที่ป่าทึบ ซึ่งข้าไปส่งท่านได้เพียงเท่านี้”
“ขอบคุณมากท่านแม่ทัพ…”
รถม้าโยกไหวตลอดทาง หลังเดินทางระยะหนึ่ง รถม้าค่อยๆ หยุดลง เฉินหยางเปิดชั้นลอยออก หลินมู่อวี่มองรอบบริเวณ ขณะที่เสียงเกือกม้าของกองทัพเฉินหยางดังขึ้นอีกด้านของป่า
“มาเถิด อย่าให้พวกเขารู้”
“ขอบคุณ” หลินมู่อวี่ประสานหมัดพร้อมกล่าว “ข้าจะจดจำความเมตตาของท่านเฉินหยางในครานี้”
เฉินหยางกล่าวด้วยใบหน้าหม่นหมอง “ไม่ ข้าเป็นเพียงคนทรยศต่ำต้อย สิ่งที่ข้าทำได้เพียงเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดตลอดสามปีที่ผ่านมา ท่านผู้บัญชาการหลินรีบไปเถิดขอรับ”
“ลาก่อน”
หลินมู่อวี่พลันหายเข้าไปในป่าลึก
…
ป่าทางตอนเหนือของเมืองสายัณห์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงกลายเป็นพื้นที่รกร้าง หลินมู่อวี่เดินฝ่าเข้าไปในป่าพร้อมกระบี่เล่มยาว หนามในป่าเกี่ยวชุดเกราะที่แตกของเขาอย่างต่อเนื่องจนเลือดไหลอาบร่างและเริ่มหมดแรง กระนั้นเขายังคงมีเคล้าความสง่างามของผู้บัญชาการกองทัพมังกรหลงเหลืออยู่
ขณะที่กำลังเดิน จู่ๆ ทักษะชีพจรวิญญาณก็ตรวจจับพลังงานผันผวนได้ มีคนกำลังเข้ามา…
“ฟิ้ว!”
ลูกศรแหลมคมพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่ชักกระบี่ออกมาด้วยสัญชาตญาณพร้อมฟันลูกศรทันที ในระยะไกลมีกลุ่มทหารม้าเหล็กแห่งจักรวรรดิอี้เหอกำลังไล่ล่าตามมา หนึ่งในนั้นตะโกนเสียงดัง “พบหลินมู่อวี่แล้ว จุดควันไฟแจ้งท่านซีหยางโหวเร็ว! ส่วนคนที่เหลือตามข้าไปตัดหัวมันเพื่อมอบให้ท่านโหว!”
“ขอรับ!”
จากนั้นกลุ่มทหารม้าจักรวรรดิอี้เหอไล่ล่าหลินมู่อวี่อย่างบ้าคลั่ง
หลินมู่อวี่ไม่สามารถหันกลับไปต่อสู้ได้ เนื่องจากมีทหารม้ากว่าห้าร้อยนายกำลังไล่ล่าเขามา ซึ่งอาจทำให้เขาถูกคมดาบนับพันฟาดฟัน ดังนั้นเขาจึงใช้ฝีเท้าดาวตกรีบพุ่งตรงไปยังกำแพงเหล็กอย่างรวดเร็วดั่งสายลม
เวลารุ่งสางมีควันหนาทึบพวยพุ่งบนถนน ทหารเมืองสายัณห์ไล่ล่าหลินมู่อวี่อย่างเอาเป็นเอาตาย แม้แต่หม่านหนิงก็ขี่ม้าไล่ตามมา
…
หลินมู่อวี่ใกล้ถึงกำแพงเหล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กองกำลังของจักรวรรดิอี้เหอมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ชิ้ง!”
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรพร้อมพุ่งเข้าใส่กองทหารราวกับพายุหมุนและสังหารศัตรูนับสิบในพริบตา ก่อนจะวิ่งตรงไปยังกำแพงเหล็ก แต่ทหารจักรวรรดิอี้เหอพลันปรากฏตัวขึ้นพร้อมยกคันศรขึ้นเล็ง แม้แต่เครื่องยิงบนกำแพงก็ถูกปรับศูนย์ยิง กระนั้นลูกธนูเหล็กของเครื่องยิงหนามาก และคงไม่อาจหยุดยั้งจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ได้
“มังกรน้อยบินไหวหรือไม่?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามขณะกำลังเข่นฆ่าผู้คน เขาค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของมังกรน้อย มิเช่นนั้นเขาคงบินหนีไปนานแล้ว
มังกรน้อยส่งเสียงตอบรับ “โฮก...”
แม้เสียงจะค่อนข้างเบา แต่ก็เป็นคำตอบที่ยืนยันว่ามันสามารถบินได้ระยะสั้นๆ
“อืม เช่นนั้นลงมือเลย”
ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ชกผ่านรอยแยกมิติพร้อมสายโลหิตลอยอ้อยอิ่งรอบกาย มังกรคำรามก้องพร้อมแปลงกายเป็นชั้นเกล็ดมังกรควบแน่นอยู่ที่แผ่นหลังหลินมู่อวี่ ก่อนจะรวมกันเป็นปีกขนาดใหญ่ เหล่าทหารจักรวรรดิอี้เหอต่างตะลึงงันราวกับเห็นผี “พระเจ้า เกิดบ้าอะไรขึ้น?!”
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ซีหยางโหวตะโกนเสียงดัง “ฆ่ามันซะ! อย่าปลอยให้มันหนีออกจากกำแพงเหล็กไปได้!!”
ทันใดนั้นเหล่าทหารจักรวรรดิอี้เหอส่งลูกศรจำนวนมหาศาลออกไปอย่างรวดเร็ว!
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
ลูกธนูธรรมดาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่หลินมู่อวี่ได้ เขาพยายามขยับปีก แม้จะยากลำบาก แต่สุดท้ายมันก็พาเขาลอยขึ้นเหนือพื้นดินตรงไปยังกำแพงเมือง
หม่านหนิงระเบิดโทสะ “ไอ้พวกขยะเอ๊ย…ติงซี่! พาข้าขึ้นไปบนกำแพงเมือง!”
“ขอรับซีหยางโหว!”
คนรูปร่างท้วมอย่างหม่านหนิงมักเชื่องช้า แต่ในเวลานี้เขากลับคล่องแคล่วอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกเขามาถึงกำแพงเหล็กเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ขณะที่มองเห็นหลินมู่อวี่บินตรงไปทางเหนืออย่างรวดเร็วราวกับนก
ติงซี่พลันกล่าว “ดูเหมือนว่า…เราจะจับเขาไม่ได้แล้ว”
“งั้นรึ?”
หม่านหนิงกัดฟันแน่นพร้อมออกคำสั่ง “แม่ทัพติงซี่เป็นพลธนูที่แกร่งกล้าในหลิงหนาน
“ขอรับซีหยางโหว…”
ทหารรักษาการณ์ยื่นธนูยักษ์ให้ติงซี่
“หลินมู่อวี่เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ เกราะปราณยุทธ์ของมัน…ลูกธนูไม่สามารถเจาะทะลวงได้” ติงซี่ถอนหายใจ “ท่านซีหยางโหวอย่าทำให้ติงซี่ต้องอับอาย…มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ…”
“วางใจเถิด”
หม่านหนิงยื่นมือหยิบลูกศรจากทหารรักษาการณ์ มันเป็นลูกศรสีขาวที่ส่องประกายในแดดยามเช้า “ศรเศวตรมณีสามารถสังหารเทพและปีศาจได้ แทบไม่ต้องพูดถึงหลินมู่อวี่ที่บาดเจ็บหนักขณะนี้”
“นี่มัน…” ติงซี่กัดฟันกรอด “ศรเศวตรมณีนี้มาจากที่ใด?”
“ดึงออกจากศพทหารของเรา” หม่านหนิงกล่าวด้วยสายตาเย็นชา “จักรวรรดิอี้เหอได้รับความเดือดร้อนอย่างมากจากศรเศวตรมณี วันนี้หลินมู่อวี่จะต้องได้ลิ้มรสของมันบ้าง…แม่ทัพติงซี่มีความแข็งแกร่งและทักษะยิงธนูไม่มีผู้ใดเปรียบเทียบได้ หากการโจมตีนี้ล้มเหลว คงหมายความว่าท่านกำลังร่วมมือกับศัตรูและทำการทรยศ เช่นนั้นข้าคงต้องใช้กฎทหารจัดการ”
ติงซี่หนาวสะท้านเข้าไปในหัวใจ เขารับลูกศร ก่อนจะค่อยๆ ง้างคันธนูยักษ์เล็งไปทางหลินมู่อวี่ที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ซึ่งดูเหมือนนกที่พยายามกระพือปีกขึ้นสูง
“ฟิ้ว!”
ลูกศรพุ่งออกไป ก่อนที่ร่างของหลินมู่อวี่จะสั่นเล็กน้อยและตกลงกลางป่า
หม่านหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เปิดประตูเมืองพร้อมส่งทหารม้าออกไป ถึงเวลาไล่ล่าหลินมู่อวี่แล้ว!”
คันศรยักษ์ในมือติงซี่ตกลง ขณะที่เขายืนนิ่งอย่างสิ้นหวัง
…
“ตูม!”
หลินมู่อวี่ตกลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงท่ามกลางป่าต้นเมเปิล ขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเศร้าของมังกรผลึกโลหิตจากทะเลจิต ลูกศรได้ยิงทะลุเกล็ดและหน้าอกของเขา เมื่อมองไปยังลูกศรก็พบว่ามันคือศรเศวตรมณีซึ่งขณะนี้ถูกย้อมไปด้วยเลือด
“ฟึ่บ!”
หลินมู่อวี่ดึงลูกศรออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมโยนทิ้ง เขาหอบหายใจราวกับร่างกำลังแตกสลายและรีบหยิบยาสมานแผลออกมาห้ามเลือด แต่เขาไม่มีเวลาหยุดพักผ่อน ก่อนจะชักกระบี่วิ่งตรงไปทางเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งของจักรวรรดิฉินและเป็นความหวังในการเอาชีวิตรอดของเขา
ไม่ง่ายเลยที่จะเดินทางหลายร้อยไมล์โดยไม่มีม้า ขณะเดียวกันเสียงเกือกม้าดังก้องจากเบื้องหลัง แต่การไล่ล่าในป่าทึบทำให้ประสิทธิภาพทหารม้าจักรวรรดิอี้เหอลดน้อยลงมาก ซึ่งกลายเป็นความหวังเดียวแก่เขา
เกล็ดมังกรบนร่างกายค่อยๆ หายไป ก่อนที่มังกรน้อยจะเข้าสู่สภาวะหลับใหลอีกครั้ง
หลินมู่อวี่ลอบถอนหายใจ ครานี้เขาคงไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมังกรน้อย และไม่มีโอกาสบินหนีขึ้นท้องฟ้าอีก
…
หลินมู่อวี่เดินโซเซอยู่ในป่า จู่ๆ ก็มีฝนตกโปรยปรายจากท้องฟ้า หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญในใจ “พระผู้เป็นเจ้าไม่คิดจะเมตตาข้าหน่อยเลยหรือ?”