The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 417 ยึดครองป้อมปราการทั้งสาม
EP.417 ยึดครองป้อมปราการทั้งสาม
วันที่สิบแปดเดือนพฤศจิกายนปีเจ็ดพันเจ็ดร้อยสามสิบสี่
ยุทธวิธีทหารม้าหอกโล่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เช้าตรู่ปลายฤดูใบไม้ร่วงหลินมู่อวี่ได้นำกองทัพมังกรผงาดสองหมื่นนายเคลื่อนทัพไปยังเมืองหน้าด่านโม่ซง
เมืองหน้าด่านโม่ซงเป็นเส้นทางหลักที่ใหญ่ที่สุดระหว่างมณฑลดาราของจักรวรรดิฉินและมณฑลชุนไป๋ของจักรวรรดิอี้เหอ ผู้ใดที่สามารถยึดครองเมืองหน้าด่านแห่งนี้จะเป็นผู้ได้เปรียบในสงคราม และขณะนี้มันตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าปีศาจซึ่งมีกองทัพอสูรเกราะกว่าสามพันตนปักหลักอยู่
ก่อนถึงเวลาเที่ยง กองทัพเดินทางมาถึงเมืองหน้าด่านโม่ซง
“ตึง ตึง ตึง!”
เสียงกลองศึกดังขึ้นพร้อมทหารกองทัพมังกรผงาดตะโกนเสียงดังก้อง
แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนหมอกทำให้ทัศนวิสัยชัดเจนขึ้น นักรบอสูรถือหอกคำรามดังขณะที่ประตูเมืองถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองทัพอสูรเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนเดินออกมาจัดแถวเพื่อเตรียมออกศึก ธงรบในเมืองปลิวไสวท่ามกลางสายลม พร้อมนายพลตีกลองเสียงดังฟังดูแปลกประหลาด
“แม่งเอ๊ย” เว่ยโฉวยิ้มเยาะ “เสียงกลองเผ่าปีศาจดังเหมือนเสียงตด ช่างน่าเกลียดจริงๆ”
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “พลหอกโล่เตรียมพร้อม!”
ฉือเจี้ยนเทาและคนอื่นๆ ถือโล่ทรงกรวยหนักอึ้งเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า ม้าของพวกเขาล้วนเป็นม้าพันธุ์ดี มิเช่นนั้นคงไม่อาจรับน้ำหนักของโล่ได้
ทวนดอกหลีฮวากวัดแกว่งขณะที่เสื้อคลุมสีขาวด้านหลังหลินมู่อวี่ปลิวไสวอย่างนุ่มนวล ก่อนจะควบม้าเข้าร่วมขบวนพลหอกโล่ทันที
เว่ยโฉวรีบกล่าว “ท่านหลินมู่อวี่ ทะ…ท่านกำลังจะออกไปต่อสู้อีกครั้ง อย่าลืมว่าท่านเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของสามเหล่าทัพ เช่นนั้นโปรดอย่าเสี่ยงชีวิตตนเอง”
“ไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่หันกลับมายิ้มอย่างมั่นใจ “อย่าลืมว่าข้าอยู่ขอบเขตปราชญ์ ซึ่งพวกปีศาจไม่มีทางโจมตีได้ หากข้าเข้าร่วมสงคราม จะทำให้กองทัพมังกรผงาดสูญเสียน้อยลง เว่ยโฉว…เจ้าเป็นพลหอกโล่และเป็นหัวหน้ากองพัน เช่นนั้นออกคำสั่งให้พี่น้องกองทัพมังกรผงาดที่เหลือเตรียมรับมือการบุกของอสูรเกราะ เราจะต้องกวาดล้างเผ่าปีศาจออกจากเมืองหน้าด่านโม่ซงให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม”
“ขอรับ ไม่ต้องเป็นกังวล”
“ตีกลองเริ่มสงครามได้!”
เสียงกลองศึกดังขึ้นต่อเนื่องขณะที่หลินมู่อวี่ยกทวนดอกหลีฮวาพร้อมกล่าวเสียงดัง “พลหอกโล่รักษาตำแหน่งไว้ และสังหารศัตรูซะ!”
ทุกคนยกโล่ทรงกรวยขึ้นพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
พวกเขาพลันตะโกนอย่างพร้อมเพรียง “จักรวรรดิจงเจริญ! องค์จักรพรรดินีทรงพระเจริญ!”
พลโล่ทวนค่อยๆ เคลื่อนทัพไปด้านหน้าเร็วขึ้น ไม่นานก็เร่งความเร็วเท่ากับยุทธวิธีทหารม้า พุ่งตรงไปยังอสูรเกราะราวสามพันที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“โฮก!”
เมื่อเหล่าอสูรเผชิญหน้ากับกองทัพมนุษย์กำลังถือโล่รูปร่างประหลาด พวกมันโกรธเกรี้ยวพร้อมชักดาบวิ่งเข้าปะทะ
หลินมู่อวี่เดินไปแนวหน้าพร้อมปกคลุมไปด้วยกำแพงน้ำเต้าและโซ่เทวะ เขาสะบัดหอกดอกหลีฮวาในมือเล็กน้อย ก่อนจะส่งทักษะหอกรูปแบบทะลวงแทงอสูรเกราะราวกับมังกรคลั่ง ทันใดนั้น! ปราณเพลิงวายุระเบิดออกสังหารศัตรูทันที ขณะเดียวกันอสูรเกราะสามตัวด้านหลังกำลังง้างหอกหวังโจมตีหลินมู่อวี่ผู้บัญชาการกองทัพมนุษย์!
“ชิ้ง!”
จู่ๆ ท่าเฉว่ก็ถูกกระตุ้นให้เพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น “เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!” ทวนดอกหลีฮวาปะทะกับอาวุธของอสูรเกราะทั้งสาม ก่อนที่หลินมู่อวี่จะพุ่งเข้าไปอย่างไม่รีรอ “ฉัวะ ฉัวะ!!” เลือดสาดกระเซ็นทันทีที่คมทวนเฉือนคอศัตรู ขณะเดียวกันฉือเจี้ยนเทาและทหารกองทัพมังกรผงาดด้านข้างพลันเข้าโจมตีอสูรเกราะเช่นกัน
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!”
ตามดังคาด หอกของอสูรเกราะที่พุ่งตรงมาถูกโล่ทรงกรวยสกัดทั้งหมด ขณะเดียวกันทหารกองทัพมังกรผงาดแทงหอกเคลือบเพชรสีขาวออกไปอย่างไร้ปรานีเข้าหน้าอกของศัตรูจนเป็นรูพรุน ในพริบตาทั่วสนามรบกลายเป็นทะเลเลือด เสียงกล่องลูกศรดังต่อเนื่องจากด้านหลังหลินมู่อวี่ ดูเหมือนว่าเว่ยโฉวได้นำทหารที่เหลือเข้าประจำตำแหน่งรบแล้ว
หลินมู่อวี่ส่งพลังเจ็ดประทีปเข้าสู่กำปั้นพร้อมระเบิดออกไปอย่างรุนแรง
หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!
“ตูม!”
ปราณยุทธ์ควบแน่นและพุ่งออกไปทำลายอสูรเกราะในพริบตา แต่เกราะหนาของพวกมันแข็งแกร่งมาก จึงเพียงได้รับบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต กระนั้นก็ถูกโล่ทรงกรวยบีบบังคับจนถอยหนี ก่อนจะถูกหอกพุ่งสังหาร ทหารม้าหนักที่พุ่งมาด้วยความเร็วเต็มที่นั้นน่าเกรงขามมาก ไม่มีทางที่จะโต้กลับได้เลย พวกอสูรเกราะทำได้เพียงรับชะตากรรมและถูกทุบตีจนแตกพ่าย
หลินมู่อวี่นำหน้าพลโล่หอกหันกลับโจมตีกลุ่มอสูรเกราะที่เหลือพร้อมดึงทวนดอกหลีฮวาจากพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด ทักษะหอกพันธะมังกรทั้งสิบสองรูปแบบเป็นวิทยายุทธ์ที่ดีที่สุดในการบุกทะลวงศัตรู จากนั้นเขาก็ส่งทวนรูปแบบหงฉวน รูปแบบจู่โจม รูปแบบทำลาย และรูปแบบอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ทหารผ่านศึกก็ไม่อาจต้านทานได้ จึงไม่ต้องพูดถึงกลุ่มอสูรเกราะที่เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน
การต่อสู้ดำเนินอย่างดุเดือด ภายในพริบตาเมืองหน้าด่านโม่ซงเต็มไปด้วยซากศพของอสูรเกราะและทหารมนุษย์ โชคดีที่การฝึกพลหอกโล่เป็นไปได้ด้วยดี จึงทำให้เกิดความเสียหายค่อนข้างน้อย กระนั้นยังคงมีเหล่าอสูรเกราะมากมายอยู่เบื้องหลัง พวกมันบุกเข้าโจมตีพวกเว่ยโฉวและฉินเหยียนจนทำให้เกิดความสูญเสียหนักหน่วง แต่ศึกครานี้เหล่าทหารกองทัพมังกรผงาดตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ท้อถอยและจะสู้จนตัวตายไปด้วยกัน
กล่องลูกศรถูกเปิดใช้งานครั้งแล้วครั้งเล่าสังหารอสูรเกราะไปเป็นจำนวนมาก เครื่องยิง หน้าไม้ และเครื่องมือต่างๆ ถูกนำมาใช้โจมตีกองทัพอสูรเกราะภายในป้อมปราการพร้อมเสียงร้องโหยหวนน่าสังเวชดังกังวานในอากาศ
การต่อสู้ยังคงดำเนินไปจนถึงช่วงบ่าย ตามเนื้อตัวหลินมู่อวี่ชุ่มไปด้วยเลือดอสูร เขาจำไม่ได้แล้วว่าสังหารไปทั้งหมดกี่ตัว แต่ก็ทำให้ขวัญกำลังใจเผ่าปีศาจลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง อสูรเกราะสองสามตัวที่เหลือรอดถูกทหารม้าหนักเข้าล้อมโจมตีจนตายตก ในที่สุดประตูเมืองพังทลายลง ก่อนที่ฉินเหยียนจะบุกเข้าไปในป้อมปราการ
“เข้าไปในเมืองพร้อมสังหารพวกมันให้สิ้น อย่าให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว!” หลินมู่อวี่ถือทวนเปื้อนเลือดพร้อมออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
ทันทีที่เว่ยโฉวโบกแขนเป็นสัญญาณ ทหารกองทัพมังกรผงาดพลันบุกเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว
จากนั้นอสูรเกราะหลายร้อยตัวในเมืองคำรามอย่างสิ้นหวัง พวกมันบาดเจ็บเนื่องจากถูกตัดแขนขาจากสงครามก่อนหน้า ก่อนจะถูกสังหารทั้งหมด
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไม่มีอสูรเกราะเหลือรอดในเมืองหน้าด่านโม่ซงอีกต่อไป…
เฝิงสี่ ฉือเจี้ยนเทา และคนอื่นๆ รีบไปด้านข้างของเมืองพร้อมปักธงดอกจื่อยินของจักรวรรดิไว้บนกำแพง เหล่าทหารกองทัพมังกรผงาดเคลื่อนตัวเข้ามาในป้อมปราการและเริ่มพักผ่อน ส่วนซากศพอสูรเกราะถูกนำมากองรวมกันเพื่อขุดหลุมฝัง
“แฮ่ก...”
เว่ยโฉวหอบหายใจหนักพร้อมวางดาบลง ใบหน้าของเปี่ยมไปด้วยความสุข “ท่านผู้บัญชาการ ในที่สุดเมืองหน้าด่านโม่ซงก็เป็นของเรา”
หลินมู่อวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าพวกอสูรเกราะไม่ได้เก่งกล้าถึงเพียงนั้น ตราบใดที่กองทัพมนุษย์มีอาวุธที่คมมากพอ ผนวกกับพลังของกล่องลูกศร เครื่องยิง และอุปกรณ์อื่นๆ ก็ทำให้พวกเขาต่อกรกับมันได้
“เราสูญเสียไปเท่าใด?” เขาเอ่ยถาม
เว่ยโฉวรายงาน “กองทหารม้าหอกโล่เสียชีวิตแปดสิบเจ็ดนาย บาดเจ็บหนึ่งร้อยสิบสี่นาย ขณะที่ทหารกองทัพมังกรผงาดเสียชีวิตกว่าเจ็ดร้อยสี่สิบนาย และบาดเจ็บเกือบสองพันนาย พวกเราต้องพักผ่อนและออกรบอีกครั้งหรือไม่?”
“ส่งคนไปเมืองปู้กู่เพื่อระดมกองทัพจากตระกูลถังมาป้องกันเมืองหน้าด่านโม่ซง เราจะเริ่มโจมตีอีกสองเส้นทางในวันรุ่งขึ้นพร้อมทวงคืนเทือกเขาฉินในมณฑลดาราจากเผ่าปีศาจ!”
“ข้าน้อยจะเตรียมการทันทีขอรับ!”
…
หลังการต่อสู้อย่างดุเดือดเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน เมืองหน้าด่านสำคัญของมณฑลดารากลับมาอยู่ในมือของทหารกองทัพมังกรผงาด จากนั้นถังฉีนำทหารม้าสามหมื่นนายจากเมืองเหลิ่งซิงเข้าประจำการในป้อมปราการทั้งสามทางใต้ของจักรวรรดิ
หลังพักผ่อนสองสามวัน กองทัพมังกรผงาดก็ฟื้นฟูความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้อีกครั้งและสูญเสียกำลังทหารเกือบสองพันนาย แต่ทางตรงกันข้าม หลังเผ่าปีศาจสูญเสียการป้องกัน พวกมันถูกสังหารไปกว่าหนึ่งหมื่นตนและถูกกวาดล้างเกือบสิ้น จากนั้นเหล่าทหารจึงตัดเขี้ยวทั้งสองของอสูรเกราะเพื่อนำไปรับรางวัล
หลินมู่อวี่ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ปราณยุทธ์ของเขาฟื้นฟูถึงขั้นสูงสุดอีกครั้ง เมื่อก้าวออกจากกระโจมหลัก เว่ยโฉวด้านนอกเข้ามาประสานหมัดพร้อมรอยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการตื่นแล้ว ข้าได้สั่งหน่วยวิญญาณอัคนีให้เตรียมน้ำซุปและก๋วยเตี๋ยวไว้แล้วขอรับ”
“อืม ส่งอาหารของข้าไปยังประตูเมือง ข้าจะขึ้นไปสังเกตการณ์”
“ขอรับ”
ขณะนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาวซึ่งอากาศหนาวเย็นมาก เขายืนบนป้อมปราการพร้อมเหม่อมองริ้วสีแดงเพลิงทั่วทุกหนแห่งทางทิศใต้ มันคือสีของใบเมเปิลที่ร่วงหล่นบนผืนแผ่นดินอย่างงดงามและทอดยาวหลายพันไมล์ แต่น่าเสียดายที่ถูกพวกเผ่าปีศาจเหยียบย่ำอย่างไม่แยแส
ทหารรักษาการณ์ยกถาดอาหารเข้ามาด้วยความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ อาหารเช้าขอรับ”
“ขอบคุณ”
หลินมู่อวี่ยกถ้วยน้ำซุปขึ้นซด ก่อนจะคว้าขนมปังแผ่นเรียบขึ้นกัด และตามด้วยน้ำซุปร้อนๆ อีกครั้ง ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เขาอดไม่ได้ที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาหารในกองทัพมังกรผงาดเลิศรสมาก”
เว่ยโฉวนิ่งอึ้ง “ผู้บัญชาการ อาหารของทหารแห่งจักรวรรดิเหมือนกันหมด นั่นก็คือซุปหมู ก๋วยเตี๋ยว และขนมปัง หน่วยวิญญาณอัคนีของหลานกงเป็นผู้เตรียมอาหารให้กองทัพเรา ซึ่งน้ำซุปไร้ซึ่งรสชาติ…”
“จริงหรือ? ข้าไม่รู้สึกเลย…”
ฉือเจี้ยนเทาด้านข้างยิ้ม “ท่านเว่ยโฉว ข้ากำลังอารมณ์ดีจากการจัดการอสูรระดับสามดาวได้ ดังนั้นไม่ว่าจะกินอะไรก็รู้สึกว่ามันอร่อยทั้งนั้น”
“ฮ่าๆๆ อื้ม!”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า “นายพลฉือ ครานี้ท่านเป็นผู้ฝึกกองทัพทหารม้าหอกโล่ ข้าจะจดบันทึกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ เมื่อกลับไปเมืองหลวง ทูลองค์จักรพรรดินีคงประทานรางวัลมากมายแก่ท่าน”
ฉือเจี้ยนเทาประสานหมัดกล่าว “ข้าน้อยเพียงต้องการติดตามผู้บัญชาการไปพิชิตแผ่นดินเหนือเพื่อฟื้นฟูจักรวรรดิเท่านั้น และมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน”
“ไม่”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างจริงจัง “กระนั้นท่านก็ยังต้องการเหรียญทองและหญิงสาว”
ฉือเจี้ยนเทายิ้มรับ “เช่นนั้น…ข้าน้อยขอบคุณมากขอรับ”
หลินมู่อวี่จิบซุปร้อนพร้อมเคี้ยวเส้นบะหมี่ ขณะที่สายตาเขายังคงจับจ้องไปยังทิศใต้ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
…
เว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นายพลฉือเตรียมรับคำสั่ง กองทัพทั้งสามพร้อมออกเดินทางในเร็ววันนี้”
“อา…” ฉือเจี้ยนเทาตะลึง “เราเพิ่งพิชิตป้อมปราการทั้งสาม แล้วจะออกเดินทางทันทีเลยหรือขอรับ?”
เว่ยโฉวกล่าว “ผู้บัญชาการเหม่อมองไปทางทิศใต้ ท่านไม่เข้าใจความคิดของเขาหรือ? ผู้บัญชาการกำลังวางแผนยึดเมืองต่างๆ ของจักรวรรดิอี้เหอคืนจากเงื้อมมือเผ่าปีศาจ”
“ถูกต้อง”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างสงบ “สั่งการให้ทหารเตรียมตัว เราจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นเพื่อเข้าโจมตีเมืองเพลิงจันทราและทวงคืนแผ่นดินคืนสู่จักรวรรดิฉิน”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”