The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 406 สังหารจักรพรรดิแดนโกลาหล
EP.406 สังหารจักรพรรดิแดนโกลาหล
“ตูม!”
ภายใต้แสงสว่างจากกระบี่วิญญาณมังกร แผ่นเหล็กหนาบนเหวมังกรพลันแตกออก ทันใดนั้น! เถาวัลย์น้ำเต้ามหาศาลพวยพุ่งออกมากระแทกโล่จนถอยหลัง จากนั้นหลินมู่อวี่กระโดดขึ้นมาจากปากเหวพร้อมชวีฉู่และจ้องมองผู้คนรอบตัวด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หลินจื้อ ไอ้กบฏ!”
ไม่ไกลออกไป จักรพรรดิคำรามด้วยความอาฆาต “ข้าประทับใจเจ้าและมอบตำแหน่งปรมาจารย์วิญญาณให้ รวมทั้งให้หมั้นหมายกับองค์หญิงสี่ แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้! ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แล้วยังลงไปในเหวมังกรเพื่อสมรู้ร่วมคิดกับโจรกบฏชวีฉู่ ลากพวกมันมาให้ข้า ข้าจะทอดมันทั้งสองด้วยกระทะทองแดง!”
ที่มุมหนึ่งปรมาจารย์วิญญาณสามคน จอมมารยี่สิบเจ็ดคน พร้อมทั้งทหารจอมยุทธ์จำนวนมหาศาลชักอาวุธพุ่งตรงมาด้วยจิตสังหาร
ชวีฉู่กระโดดลงบนพื้น เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เนื้อตัวดูโทรมและมอมแมม กระนั้นปราณของเขากลับทรงพลังยิ่ง ชวีฉู่ลูบเคราแผ่วเบาพร้อมกล่าวว่า “อาอวี่ ปู่จะเฝ้าดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร แต่เมื่อใดที่ไม่สามารถสู้ได้ ข้าจะเข้าไปช่วยทันที”
“ตกลง”
กระบี่เล่มยาวโบกสะบัดขณะที่จ้องมองกลุ่มปรมาจารย์วิญญาณและจอมมารวิ่งตรงเข้ามา พลังวิญญาณของพวกเขาระเบิดออกขณะที่อยู่ห่างออกไปราวสามเมตร ทันใดนั้น! พลังไร้ลักษณ์แผ่ทั่วบริเวณ ขณะที่โซ่เทวะปกคลุมร่างกายพร้อมน้ำเต้าทองพวยพุ่งออกมา ซึ่งพลังนี้ทำให้ศัตรูไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“ตายซะ!”
หลินมู่อวี่กำหมัดแน่น พลังแห่งปีศาจและทวยเทพปกคลุมทั่วกำปั้นพร้อมระเบิดออกอย่างรุนแรง
สี่ประทีปเทพมารโศกา!
“เปรี้ยง!”
พลังอันแข็งแกร่งกระแทกร่างของปรมาจารย์วิญญาณผู้หนึ่งพร้อมจอมมารห้าคนระเบิดกลายเป็นกองเนื้อทันที “ฉึก!” หลินมู่อวี่ขว้างกระบี่แทงทะลุคอปรมาจารย์อีกคนด้วยทักษะจิตควบคุมกระบี่ธาตุไฟ ก่อนจะบังคับเปลี่ยนทิศทางพุ่งทะลวงหน้าอกจอมมารอีกสามคน
“อ๊าก!!”
เสียงร้องโหยหวนดังก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้น! ทหารอีกสามคนก็ตายตกในพริบตา แม้จะเหมือนการต่อสู้ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นการสังหารหมู่!
ปรมาจารย์วิญญาณร่างกายสั่นสะท้านขณะที่ถือหอกก้าวถอยหลัง “หลินจื้อ เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…เหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนี้…”
“ไอ้พวกขยะ!”
จักรพรรดิคำรามพร้อมปลดปล่อยปราณยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ ก่อนจะคว้าดาบจากมือทหารจอมยุทธ์ แล้วฟาดฟันใส่หลินมู่อวี่อย่างรุนแรง
“เปรี้ยง!”
หลินมู่อวี่เรียกกำแพงน้ำเต้าออกมารับคมดาบจนเกิดประกายไฟขึ้น ความเจ็บปวดพลันแล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว การโจมตีของขอบเขตปราชญ์ไม่ธรรมดาจริงๆ ในพริบตาจักรพรรดิตวัดดาบใส่ไม่หยุดยั้งกว่าสิบครั้งปานสายฟ้า กระทั่งกำแพงน้ำเต้าพลังทลายลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นขณะที่ตะโกนดัง “หลินจื้อ ตายซะ!”
“วิ้ง!”
ทันใดนั้นเถาวัลย์น้ำเต้าแทงทะลุพื้นพันธนาการจักรพรรดิทันที
หลินมู่อวี่ใช้ฝีเท้าดาวตกพุ่งเข้าไปพร้อมง้างกระบี่เล่มยาว “เคร้ง!” คมดาบถูกสกัดไว้ เขาพลันยกมือซ้ายที่ปกคลุมไปด้วยริ้วแสงดวงดาวสว่างไสวขึ้นมา กลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สอง…โซ่ดวงดาว!
จักรพรรดิถูกตรึงอยู่กับที่จึงถูกคมกระบี่ทะลวงหน้าอกจนเลือดไหลทะลัก!
“ไอ้สารเลว!”
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว ปราณยุทธ์ของจักรพรรดิเพิ่มสูงขึ้นพร้อมระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง เขตแดนสวรรค์แบบเดียวกับชวีฉู่พลันทำลายโซ่ดวงดาวและเถาวัลย์น้ำเต้า ก่อนจะส่งฝ่ามือหนักหน่วงกระแทกหน้าอกหลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว
“เปรี้ยง!”
หลินมู่อวี่กระอักเลือดพร้อมถูกกระแทกลอยออกไป เขาไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิจะมีพลังของขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สามด้วยเช่นกัน แต่โชคดีที่จักรพรรดิไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ์ มิเช่นนั้นเขาคงตายตกด้วยฝ่ามือทรงพลังอย่างแน่นอน
“ให้ข้าจัดการเองอาอวี่”
ชวีฉู่กระโดดเข้าไปขวางด้านหน้าหลินมู่อวี่พร้อมยกฝ่ามือขึ้น ทันใดนั้นติ่งอัคนีคำรามก้องและก่อตัวเป็นกำแพงป้องกัน
“เปรี้ยง!”
จักรพรรดิโจมตีใส่ติ่งอัคนีด้วยฝ่ามือทรงพลังพร้อมปลดปล่อยเปลวเพลิงลุกโชติช่วงรุนแรง กระทั่งเผาไหม้ทหารจอมยุทธ์รอบบริเวณไปหลายนาย กระนั้นกลับไม่สามารถทำลายติ่งอัคนีของชวีฉู่ได้เลย
“เป็นไปได้อย่างไร…ไอ้แก่นี่…” ดวงตาจักรพรรดิเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
ชวีฉู่มองไปยังเขาพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อสามปีก่อน หากไม่ใช่เพราะข้าต้องการสร้างทักษะสยบมังกร ข้าคงออกจากเหวมังกรมาเพื่อสังหารเจ้านานแล้ว!”
สิ้นเสียง ชวีฉู่พุ่งตัวออกไปพร้อมระเบิดเปลวเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องนภา
“อ๊าก!!!”
จักรพรรดิไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายภายใต้แรงกดทับของเขตแดนพลังขอบเขตปราชญ์ ทันใดนั้น! ก็กลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา
แม้ทั้งสองจะอยู่ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สามเหมือนกัน แต่พละกำลังกลับแตกต่างกันสิ้นเชิง…
…
หลินมู่อวี่ปลดปล่อยพลังเกราะพร้อมส่งมังกรผลึกโลหิตกลับสู่ต่างมิติ เขาถือกระบี่เล่มยาวขณะที่กราดตามองทุกคน “จักรพรรดิสิ้นชีพแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรับใช้ผู้ใดอีกต่อไป”
ผู้คนต่างตกตะลึง ปรมาจารย์วิญญาณถูกสังหารทั้งหมด ขณะที่จอมมารเหลือเพียงครึ่งเดียว พระราชวังแดนโกลาหลไร้ซึ่งเจ้าของอีกต่อไป
“ทะ…ท่านหลินจื้อ…” จอมมารผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ทะ…ท่านวางแผนจะจัดการกับแดนโกลาหลอย่างไรขอรับ?”
ชวีฉู่เป็นผู้สังหารจักรพรรดิ และความแข็งแกร่งของเขาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นเขาได้กลายเป็นผู้ปกครองในแดนโกลาหลแห่งนี้ เป็นเหตุให้จอมมารตั้งคำถามนี้
หลินมู่อวี่ตอบ “พวกเราเป็นเพียงผู้สัญจรที่ผ่านเข้ามา ซึ่งแดนโกลาหลไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเรา แต่…เจ้ารู้หรือไม่ว่าคลังสมบัติของจักรพรรดิอยู่ที่ใด จงพาพวกเราไป ข้าต้องการมันกลับไปด้วย”
“ขอรับ…ท่านหลินจื้อ”
จอมมารหันกลับพร้อมนำหน้าหลินมู่อวี่และชวีฉู่เข้าไปด้านในของพระราชวัง ทั้งสองเห็นสาวใช้มากมายยืนนิ่งระหว่างทางเดิน ชวีฉู่พลันขมวดคิ้วออกคำสั่งยกเลิกระบบสาวใช้ในพระราชวังและปล่อยพวกนางทั้งหมด
ลึกเข้าไปในพระราชวังภายในห้องนอนจักรพรรดิชั้นใต้ดิน กองอัญมณีทับถมสูงราวกับภูเขา อีกทั้งมีศาสตราวุธมากมาย ชวีฉู่พบถุงมิติและเริ่มกอบโกยอัญมณีลงไป ขณะที่หลินมู่อวี่เดินสำรวจศาสตราวุธและพบว่าจักรพรรดิค่อนข้างมีรสนิยมที่ดี เขาเก็บอาวุธวิเศษไว้มากมาย ซึ่งมีกระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการหลอมด้วยมังกรไฟเช่นเดียวกับหอกเขี้ยวอัคคีของฉินเหยียน และมีความคล้ายคลึงกันค่อนข้างมาก เขาจึงหยิบมันใส่ถุงสรรพสิ่งเพื่อหวังนำไปฝากฉินเหยียน เนื่องจากขณะนี้เขาเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพมังกรผงาดและคู่ควรกับอาวุธดีๆ
ทั้งสองกอบโกยสมบัติของจักรพรรดิตั้งแต่เช้าจรดเย็นและใช้ถุงมิติไปถึงสี่ถุง!
เมื่อออกจากห้องใต้ดิน พวกเขาไม่พบผู้ใดอยู่ในพระราชวังอีกแล้ว ไม่มีทหารจอมยุทธ์ หรือแม้แต่สาวใช้ มีเพียงองค์หญิงไม่กี่คนที่ร้องไห้พร้อมจ้องมองหลินมู่อวี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ องค์หญิงสี่ดูเศร้าโศกมาก “ท่านหลินจื้อ ในเมื่อข้าเป็นผู้หญิงของท่าน ดังนั้นต้องพาข้าออกไปด้วย ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว”
ชวีฉู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อาอวี่นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
หลินมู่อวี่รู้สึกเขินอาย “ผู้อาวุโสฉู่อย่าล้อเล่นกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่เคยแตะปลายผมของนางแม้แต่น้อย นางไม่ใช่ผู้หญิงของข้า อีกทั้ง…ไม่คู่ควรอีกด้วย”
ชวีฉู่พยักหน้ารับ “อืม องค์หญิงซีและฝ่าบาทฉินอินงดงามเหนือกว่านางผู้นี้มาก”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
หลินมู่อวี่พูดไม่ออกเล็กน้อย “ใกล้ถึงเวลาแล้ว เรารีบไปกันเถิด
“อืม”
เมื่อเก็บถุงมิติเรียบร้อย หลินมู่อวี่เรียกเกราะมังกรผลึกโลหิตออกมาอีกครั้ง ก่อนจะสยายปีกพาชวีฉู่บินขึ้นไปยังชั้นที่สองและชั้นที่หนึ่งของแดนโกลาหล เขาสังหารหนอนยักษ์สองสามตัว ก่อนจะโยนลงไปด้านล่างเพื่อเป็นของขวัญแก่จอมมารและคนอื่นๆ ขณะที่เขานำศิลาวิญญาณไปออกไป ศิลาวิญญาณเป็นของดี ซึ่งสามารถนำไปขายหรือหลอมเป็นอาวุธได้ ขณะนี้กองทัพมังกรผงาดมีกองกำลังกว่าหมื่นนาย ทำให้ความต้องการทางด้านศาสตราวุธมีมากขึ้น แน่นอนว่าหลินมู่อวี่ต้องการใช้เงิน เขาจึงไม่คิดนำสมบัติในถุงสรรพสิ่งออกไปบริจาคอย่างแน่นอน
หากนำไปบริจาคแก่กระทรวงการคลัง มันจะกลายเป็นความมั่งคั่งของกงทั้งสองอย่างถังหลานและซูมู่หยุน แต่หากสมบัติเหล่านั้นยังอยู่กับเขา ก็จะสามารถนำมันไปขายเพื่อนำมาใช้ซื้ออุปกรณ์และศาสตราวุธให้แก่กองทัพมังกรผงาด เช่นนั้นแล้วเหตุใดเขาจะต้องบริจาคด้วย…
อย่างไรก็ตามชวีฉู่เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดี สมบัติในถุงมิติทั้งสามของเขาจึงอุทิศแด่ฉินอิน
…
หลินมู่อวี่เดินบนพื้นที่รกร้างของแดนโกลาหลชั้นที่หนึ่งขณะพยายามค้นหาตำแหน่งเดิมที่เข้ามาครั้งแรกพร้อมกล่าวว่า “ผู้อาวุโสฉู่ หลังจากกลับเมืองหลันเยี่ยน โปรดอย่าปฏิเสธตำแหน่งใดก็ตามที่เสี่ยวอินมอบให้ มันจะเป็นการดีที่สุดหากสามารถนำตำแหน่งและอำนาจของท่านกลับมาอีกครั้ง จากนั้นคงแบ่งเบาความกดดันของเสี่ยวอินได้บ้าง”
“แบ่งเบาความกดดัน…หมายความว่าอย่างไร?” ชวีฉู่ตกตะลึง
หลินมู่อวี่ตอบ “อาวุโสฉู่มัวแต่ทุ่มเทกับการฝึกฝนและไม่ได้ถามเกี่ยวกับจักรวรรดิ แท้จริงแล้วสาเหตุที่เมืองหลันเยี่ยนล่มสลายนั้น เป็นเพราะถังหลานและซูมู่หยุนเพิกเฉยไม่ส่งกองทัพทั้งสี่แสนนายมาและเพียงรอกระทั่งเมืองหลันเยี่ยนแตกผ่าน จึงทำกองกำลังเข้ามา รวมทั้งควบคุมอำนาจจักรพรรดินีของเสี่ยวอินทั้งหมด ดังนั้นจักรวรรดิจึงตกอยู่ในมือกงทั้งสอง ไม่ใช่เสี่ยวอิน ข้าไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อท่านกลับไปเมืองหลันเยี่ยน ข้าจะต้องช่วยเหลือเสี่ยวอินให้ได้”
“ไม่…”
ชวีฉู่ขมวดคิ้ว “ถังหลานและซูมู่หยุนเป็นสหายเก่าแก่ของข้า พวกเขาจะก่อกบฏได้อย่างไร?”
“รอกระทั่งกลับไปถึงเมืองหลันเยี่ยน แล้วท่านจะได้รับรู้ความจริง”
หลินมู่อวี่แตะจมูกและยิ้ม “กงทั้งสองกลัวว่าอำนาจทางทหารของเสี่ยวอินจะมีมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะการบุกรุกของเผ่าปีศาจ กองทัพมังกรผงาดของข้าคงไม่มีทางได้ขยายอำนาจ”
“เป็นเช่นนี้เอง…”
ชวีฉู่กล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวลอาอวี่ ข้าได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิองค์ก่อนมากมาย ข้าจะช่วยเหลือจักรพรรดินีอย่างแน่นอน หากถังหลานและซู่มู่หยุนมีจิตใจไม่ภักดีอย่างแท้จริง ข้าจะเป็นคนแรกที่จัดการพวกเขา”
“อืม เป็นเรื่องดีที่ท่านปู่คืนสู่จักรวรรดิอีกครั้ง ข้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสี่ยวอินอีกต่อไป และกลับไปจดจ่อกับสงครามทางใต้และทางเหนือเพื่อยึดแผ่นที่สูญเสียไปกลับคืน”
“อืม”
ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็มาถึงสถานที่ที่เขาผ่านเข้ามายังแดนโกลาหลคราแรก เขาจ้องมองมันและกล่าวว่า “มันอยู่ที่นี่ ข้าจะเปิดรอยแยกมิติ ท่านปู่รีบมาเร็วเข้า!”
“อื้ม”
พลังศักดิ์สิทธิ์สีทองหมุนวนรอบฝ่ามือหลินมู่อวี่พร้อมตะโกนเสียงดังเรียกฌานสัมผัสออกมา ทันใดนั้น! รอยแยกมิติพลันปรากฏขึ้นห่างออกไปราวแปดเมตร เผยให้เห็นมารโลหิตและบริวารที่ปกป้องเจดีย์ทงเทียนท่ามกลางพายุสีเลือดอีกฝั่ง
………………………………….