The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 386 ศึกแม่น้ำต้าวเจียง
EP.386 ศึกแม่น้ำต้าวเจียง
ณ ค่ายเผ่าปีศาจ
เฉียนเฟิงเปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีดำบริสุทธิ์ก่อนจะก้าวเข้าสู่กระโจมหลักพร้อมผ้าคลุมที่ปลิวไสว เขาหันมองรอบบริเวณด้วยดวงตาที่มืดมน มีปีศาจระดับสูงอยู่ด้านในมากกว่ายี่สิบตน ดวงตาสีม่วงอ่อนจับจ้องอสูรเกราะตนหนึ่ง เขาคือจอมพลของกองทัพที่สองในตำนาน…เหล่ยฉง!
เหล่ยฉงยิ้มให้เฉียนเฟิงพร้อมเขี้ยวคู่หนึ่งปรากฏทำให้เขาดูน่ากลัวมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยภาษาที่ฟังยาก “จอมพลเฉียนเฟิงได้รับชัยชนะ?”
เฉียนเฟิงยิ้มเล็กน้อย “เป็นไปได้ด้วยดี ขอบคุณที่เป็นห่วง”
จากนั้นเขาหันไปโค้งคำนับกับชายหนุ่มที่นั่งในตำแหน่งผู้บัญชาการและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ฉินอินปฏิเสธคำขอร้องและไม่ยอมส่งมอบหลินมู่อวี่ให้”
“เช่นนั้นเตรียมทำสงครามได้เลย!”
ใบหน้าขององค์ชายลำดับสามเผยความโหดร้ายขณะที่ควงถ้วยหยกในมือ “ข้ารอแทบไม่ไหวที่จะครอบครองแผ่นดินทั้งหมด ที่นี่คือบ้านของเผ่าเทพ ในที่สุดพวกเราก็จะได้กลับบ้าน!”
“ฝ่าบาท…” เฉียนเฟิงหยุดพูด
องค์ชายลำดับสามเงยหน้าขึ้นและเอ่ยถาม “มีสิ่งใดหรือจอมพลเฉียนเฟิง?”
เฉียนเฟิงกล่าว “เปลี่ยนแผนการรบได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ศึกทางน้ำไม่ราบรื่นอีกต่อไปแล้ว”
“เหตุใด?” เหล่ยฉงถามอย่างเร่งรีบ
เฉียนเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่เดินอยู่ในค่ายพวกมนุษย์ ข้าได้กลิ่นที่คุ้นเคย แต่ไม่แน่ใจนัก…”
“กลิ่นอะไร?” องค์ชายลำดับสาม
เฉียนเฟิงขมวดคิ้ว “กลิ่นน้ำมันที่แรงมากๆ…ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์มีน้ำมันที่สามารถลุกไหม้เมื่อเจอไฟ ซึ่งเรียกว่าน้ำมันบีชสีดำ ดังนั้นกระหม่อมกังวลว่าจักรวรรดิจะใช้ไฟในการโจมตี แล้วแผนการ ‘แพจัตุรัส’ ของกองทัพอสูรเกราะอาจล้มเหลว”
“ไม่!”
องค์ชายลำดับสามกล่าวอย่างหนักแน่น “แผนการรุกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราเตรียมการมาอย่างดีเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว ซึ่งไม่สามารถรอได้อีกต่อไป และข้าเองก็ไม่ต้องการรอ! เราต้องดำเนินการตามแผนเดิม ท่านจอมพลไม่ต้องเป็นกังวล ท่านก็ได้เห็นพลังของอสูรเกราะแล้ว แม้ว่ามนุษย์จะใช้ไฟโจมตี แต่เราสามารถทำลายมันได้แน่นอน!”
“ฝ่าบาททรงไตร่ตรองอีกครั้งเถิด!” เฉียนเฟิงขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องพูดสิ่งใดอีก”
องค์ชายลำดับสามยืนขึ้นและกล่าว “จงทำตามแผนเดิม และจะเคลื่อนทัพในอีกสองชั่วโมง! นักรบตนแรกที่สามารถขึ้นฝั่งตะวันตกจะได้รับรางวัลหนึ่งแสนเหรียญทองพร้อมถูกแต่งตั้งให้เป็นนายพล! ส่วนผู้ที่จับฉินอินได้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นจอมพล!”
“ขอรับ!”
จอมพลเผ่าปีศาจกลุ่มหนึ่งประสานหมัดพร้อมรอยยิ้มประดับบนหน้า แต่เฉียนเฟิงกลับขมวดคิ้วแน่น
…
ยามพลบค่ำ พระอาทิตย์อัสดงสาดแสงลงบนแม่น้ำต้าวเจียงราวกับโลหิตพร้อมทอแสงเป็นประกายหลายพันไมล์
ณ ท่าเรือเฟิงหลิน เรือประจัญบานเข้าเทียบท่าอย่างเชื่องช้า ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพเรือส่งให้ปิดท่าเรือ หลังจากที่หลินมู่อวี่ได้ครุ่นคิด เขาตัดสินใจที่จะไม่เข้าปะทะโดยตรง อย่างไรก็ตามเรือรบของกองทัพเรือแห่งจักรวรรดิมีจำกัด อีกทั้งถูกเผาไปแล้วหนึ่งลำ
หลินมู่อวี่สวมชุดคลุมของผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ริมน้ำและทอดสายตาไปทางฝั่งตะวันออก สายลมยามเย็นพัดเสื้อคลุมปลิวไสว ขณะที่ฉินเหยียน เว่ยโฉว และเฟิงสี่ยืนอารักขาอยู่อย่างเงียบงัน
“น้ำมันบีชสีดำพร้อมหรือยัง?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
“พร้อมแล้วขอรับ” ฉินเหยียนประสานหมัด “น้ำมันบีชสีดำแปดพันถังเพียงพอที่จะเผาไหม้พื้นผิวแม่น้ำหลายสิบไมล์ พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล พวกมันจะไม่สามารถข้ามมาได้อย่างแน่นอน”
“อืม”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างใจเย็น “คำสั่งจะดำเนินต่อไป หลังจากเผ่าปีศาจแล่นเรือมาถึงใจกลางแม่น้ำ จงเทน้ำมันทั้งแปดพันถังภายในพริบตา และรอจนกว่าเรือจะห่างจากฝั่งสามสิบเมตร จากนั้นจงยิงธนูไฟเผาพวกมัน นอกจากนี้ให้จัดทัพที่ริมฝั่ง พลโล่อยู่แถวหน้า ส่วนพลธนูอยู่ด้านหลังและเปลี่ยนไปใช้ศรเศวตรมณียิงพวกมันทั้งหมด อย่าปล่อยให้ขึ้นฝั่งได้”
“ขอรับ” ทั้งสามพยักหน้ารับพร้อมกัน
ไม่นานความมืดก็คืบคลานเข้ามา แสงคบเพลิงสว่างขึ้นจากอีกฝั่ง ขณะเดียวกันทหารส่งสารของเฟิงจี้สิงเข้ามารายงานว่าเผ่าปีศาจพร้อมโจมตีแล้ว!
“พวกมันอยู่ในน้ำ” เว่ยโฉวเพ่งมองและกล่าว
หลินมู่อวี่กำด้ามกระบี่ที่เอวแน่นขณะที่จับจ้องไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเย็นชา แพไม้ขนาดใหญ่ถูกโยนลงบนน้ำพร้อมริมฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยพวกปีศาจเป็นแถวยาวกว่าห้าไมล์ โชคดีที่กองทหารที่สี่เตรียมการมาอย่างดี จึงมีแนวป้องกันของทหารแห่งจักรวรรดิอยู่ตลอดแนวชายฝั่ง
“เข้ามา!” เว่ยโฉวถือคันศรกลืนปีศาจด้วยแววตาที่แน่วแน่และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่ฉินเหยียนเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง เขาแตกต่างจากเว่ยโฉว เนื่องจากเคยเผชิญหน้าในเมืองตงฉวงและรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมและความแข็งแกร่งของพวกมัน สำหรับเขา…การต่อสู้ครานี้ไม่ใช่เพื่อการป้องกัน แต่เป็นการล้างแค้น!
แท้จริงแล้วภายในใจหลินมู่อวี่แตกต่างออกไป มีทหารแห่งจักรวรรดิกี่นายแล้วที่ต้องตายด้วยน้ำมือพวกปีศาจ และครานี้พวกมันรุกรานเข้าสู่ดินแดนมนุษย์อีกครั้ง หากไม่สู้…ก็มีเพียงความตายที่รอเขาอยู่
เสียงน้ำดังมากขึ้นขณะที่ ‘เรือรบ’ ของเผ่าปีศาจแล่นข้ามแม่น้ำมาจากระยะไกล
หลินมู่อวี่ยืนรออย่างสงบนิ่ง กระทั่งเรือรบของฝ่ายตรงข้ามมาถึงใจกลางแม่น้ำ ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นพร้อมออกคำสั่ง “เว่ยโฉวส่งสัญญาณ!”
เว่ยโฉวยกมือยิงพลุไฟขึ้นท้องฟ้า จากนั้นทหารบนฝั่งเปิดถังน้ำมันที่ส่งกลิ่นรุนแรงออกมา น้ำมันบีชสีดำถูกเทลงน้ำอย่างรวดเร็วและแผ่ขยายออกไป ทำให้น้ำฝั่งตะวันตกทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีดำทันที
“ชิ้ง!”
หลินมู่อวี่ชักกระบี่เล่มยาวออกมาและจ้องมองฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเย็นชา “เตรียมจุดไฟ!”
ทหารกลุ่มหนึ่งยกคบเพลิงขึ้นสูง
“ห้ามถอยเด็ดขาด!” หลินมู่อวี่สวดอ้อนวอนภายในใจ
และกองทัพปีศาจก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง แพไม้เคลื่อนตรงเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แสงจันทร์…หลินมู่อวี่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวจากระยะไกลพร้อมขมวดคิ้ว “ระวังการโจมตีหอกของพวกมัน ยกโล่หนักขึ้น!”
ทุกคนยกโล่ขึ้นป้องกันด้านหน้า “ฟิ้ว!” เงาสีดำพุ่งตรงมาท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน ด้วยพละกำลังของอสูรเกราะ มันขว้างหอกข้ามน้ำกว่าร้อยเมตรเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ ทันใดนั้น! หอกทรงพลังตกลงบนโล่พร้อมเสียงกรีดร้องน่าเวทนาของทหาร เนื่องจากถูกหอกแทงทะลุโล่จนเสียชีวิต…
เมื่อมองการแปรทัพโล่ที่ถูกโค่นลงยังง่ายดาย หลินมู่อวี่พลันขมวดคิ้วและตะโกนดัง “เหล่าพี่น้อง โปรดอดทนไว้!”
หลังสิ้นเสียง ทหารกองทัพมังกรผงาดก็เข้ามาแทนที่สหายที่ล้มตายและสนับสนุนพลโล่อีกครั้ง
อสูรเกราะกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
ฉินเหยียนกล่าว “พี่ใหญ่ พวกอสูรเกราะบินได้แม้จะไม่ไกลนัก เราคงต้องรีบจุดไฟ หากมันสามารถบินเข้าฝั่งได้เมื่อใด อาจเกิดปัญหาขึ้นแน่”
“เช่นนั้นจุดไฟซะ!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า จากนั้นคบเพลิงนับพันถูกโยนลงแม่น้ำทันที เกิดเพลิงไหม้โหมกระหน่ำขึ้นสู่ท้องนภา ขณะที่เปลวเพลิงสีฟ้าอ่อนลามไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว แม่น้ำต้าวเจียงทั้งหมดกลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตา แพจัตุรัสที่แล่นมาด้วยความเร็วไม่สามารถหยุดได้ทันจึงถูกเผาไหม้ทันที ขณะเดียวกันสายลมยามเย็นพัดเปลวเพลิงไปยังแพอื่นที่อยู่ด้านหลัง
“อ๊าก!!!”
อสูรเกราะนับไม่ถ้วนถูกเผาบนแพ แม้พวกมันจะมีเกราะที่หนาและแข็ง แต่ปีกด้านหลังพวกมันติดไฟอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นอสูรเกราะจำนวนมากกระโดดลงจากแพ แต่พวกมันไม่รู้วิธีว่ายน้ำ ท้ายที่สุดก็จมน้ำลงสู่ก้นแม่น้ำต้าวเจียง!
“ฮ่าๆๆ!”
ทหารแห่งจักรวรรดิบนฝั่งระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความดีใจอย่างท่วมท้น
หลินมู่อวี่หรี่ตาจ้องมองไปยังแพจัตุรัสท่ามกลางเปลวเพลิงและกล่าวเสียงดัง “อย่าประมาทศัตรู เตรียมพร้อมรบระยะประชิด! พวกมันกำลังจะมา ระวังตัวไว้!”
แม้ว่าจะถูกเพลิงเผา แต่แพจัตุรัสยังคงแล่นขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วพร้อมอสูรเกราะที่รีบขึ้นฝั่ง ก่อนจะล้มลงและกลิ้งไปมาส่งเสียงครวญคราง
“ยิงธนูสังหารพวกมันซะ!” ฉินเหยียนกล่าวเสียงดัง
ลูกธนูนับพันยิงออกไป อาจเป็นเพราะเปลวเพลิงที่ทำให้อสูรเกราะสูญเสียการป้องกัน พริบตาเดียวลูกธนูปักร่างกายราวกับเม่น และล้มลงพร้อมเสียงโหยหวน
“โฮก…”
กระนั้นที่ด้านหลังยังมีอสูรเกราะอีกมากที่กำลังขึ้นฝั่ง
หลินมู่อวี่พุ่งตรงไปพร้อมตวัดกระบี่เล่มยาวตัดอสูรเกราะออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที ขณะที่ฉินเหยียนถือหอกเขี้ยวอัคคีออกไปแนวหน้าและแทงทะลุอสูรเกราะหลายตัว พร้อมกันนั้นวิญญาณยุทธ์เกราะเกล็ดมังกรเปล่งแสงเป็นประกายรับหอกที่พุ่งมาจากศัตรู
“ฆ่ามัน!!”
ขวัญกำลังใจกองทหารมังกรผงาดเพิ่มมากขึ้น ทุกคนชักดาบออกมาฟันเกราะของศัตรูจนแตก แต่พลังชีวิตของพวกมันแข็งแกร่งมาก มันส่งเสียงคำรามดังลั่นพร้อมกวาดขวานศึกทะลวงเข้ามา ซึ่งทำให้เหล่ากองทหารมังกรผงาดต้องหวาดกลัวกับการเผชิญหน้ากับอสูรเกราะเป็นครั้งแรก กลุ่มทหารที่เข้าปิดล้อมและพยายามสังหารพวกมันจะต้องถูกฆ่าอย่างน้อยสองถึงสามคนเสมอ
ชายฝั่งแม่น้ำต้าวเจียงกลายเป็นทะเลเพลิงทันที ขณะที่กองทัพอสูรเกราะพยายามเข้าโจมตีทีละตัว แต่ก็ถูกยิงและฟันล้มลงทับถมกันเป็นกอง กลยุทธ์ของกองทหารมังกรผงาดค่อนข้างเรียบง่าย เพียงทำให้ศัตรูไม่สามารถทะลวงเข้ามา โดยการให้พลโล่ล้อมรอบและแทงหอกออกไปพร้อมกันเพื่อสังหาร วิธีนี้ทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังทหารน้อยลง
…
“ชิ้ง!”
กระบี่วิญญาณมังกรตัดหัวอสูรเกราะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หลินมู่อวี่จะวิ่งกลับไปยังริมฝั่ง ทันใดนั้นก็ปล่อยกำปั้นออกไปโจมตีโดยตรง พลังแข็งแกร่งบดขยี้อสูรเกราะห้าตัวกลายเป็นกองเนื้อในพริบตา!
“ระวังบนฟ้า!”
ฉินเหยียนเงยหน้าขึ้นมองและพบว่ามีอสูรปีกปรากฏตัวบนอากาศพร้อมธนูยาวในมือ ใต้แสงคบเพลิง พวกมันสาดลูกธนูเข้าใส่กองทหารมังกรผงาดเป็นจำนวนมาก
“ตายซะ!!”
เมื่อเว่ยโฉวหันไป ลูกศรก็พุ่งทะยานขึ้นไปและทะลุหัวใจอสูรปีกทันที ก่อนจะรีบหันกลับพร้อมวิญญาณยุทธ์ที่เปล่งประกาย จากนั้นเขาส่งลูกธนูสังหารพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรวดเร็ว
เหล่าพลธนูเล็งเป้าและยิงลูกธนูขึ้นบนอากาศ อสูรปีกเหล่านั้นจะลอยต่ำหากมันต้องการสังหารผู้คน แต่จำนวนของพวกมันเทียบไม่ได้กับทหารแห่งจักรวรรดิ ทันใดนั้นร่างของอสูรปีกก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับสายฝน
………………………………….