The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 378 การตัดสินใจเร่งด่วน
EP.378 การตัดสินใจเร่งด่วน
“ชิ้ง!”
กระบี่เล่มยาวถูกชักออกจากฝักและจ่อคอของผู้บัญชาการกองร้อย หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ข้าไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าที่นี่ เจ้าอยู่สังกัดกองทัพใด และใครคือผู้บัญชาการสูงสุด?”
“ขะ…ข้า…”
ผู้บัญชาการกองร้อยตะลึงงัน “พวกเรามาจากจวนเจ้าเมืองมณฑลชางหนานและอยู่ภายใต้กองทหารเมืองชีไห่ ผู้บัญชาการสูงสุดคืออดีตทหารกองหน้า ท่านจางเหมิง…”
“พาข้าไปพบเขา”
“ขอรับ!”
…
ค่ายทหารอยู่ลึกเข้าไปในป่าทึบข้างถนนสายหลัก ซึ่งมีทหารแห่งจักรวรรดิประจำการหนึ่งหมื่นนาย ด้วยกองทัพขนาดเล็กเช่นนี้คงไม่สามารถหยุดการรุกรานของเผ่าปีศาจได้…
หลินมู่อวี่และฉินเหยียนขี่ม้าตามผู้บัญชาการกองร้อย ขณะที่ตลอดสองข้างมีทหารจำนวนมากจับจ้องมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
ภายในค่าย ผู้บัญชาการกองหมื่นจางเหมิงกำลังหารือกับนายพลยศสูงคนอื่นๆ เมื่อหลินมู่อวี่และฉินเหยียนเดินเข้าไปพร้อมกัน จางเหมิงผู้นี้เป็นคนมีไหวพริบ เขาเหลือบมองตราบนหน้าอกหลินมู่อวี่แล้วประสานหมัดกล่าว “จางเหมิงทักทายท่านแม่ทัพขอรับ”
หลินมู่อวี่เอ่ยถาม “เจ้ารู้จักข้าหรือ?”
จางเหมิงพยักหน้า “ขอรับ ช่วงเทศกาลหว่านพืชผล…โชคดีที่ได้พบท่านครานั้น”
จางเหมิงมองหลินมู่อวี่ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นหันมองฉินเหยียนและกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ เหตุใดจึงอยู่ในสภาพนี้ แล้ว…ไม่เฉลิมฉลองความสำเร็จในเมืองตงฉวงหรือ?”
“เฉลิมฉลอง…”
หลินมู่อวี่พูดเสียงแผ่วเบา “กองทหารหยางเว่ยพ่ายแพ้และถูกทำลายทั้งหมด…”
“ฮะ? กองทหารถูกทำลาย…” จางเหมิงตกใจ “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของปีศาจหรือไม่?”
“ไม่ขอรับ…” จางเหมิงงุนงง แท้จริงแล้วแม้แต่หลินมู่อวี่และฉินเหยียนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
หลินมู่อวี่สูดลมหายใจก่อนกล่าวว่า “มีกลุ่มปีศาจตกลงมาจากท้องนภาและปิดล้อมเมืองตงฉวงเป็นเวลาสิบเก้าวันกระทั่งเสบียงของเราหมด จากนั้นกองทหารถูกกวาดล้างในท้ายที่สุด อ๋องน้อยฉินเหยียนและข้าหนีตายข้ามแม่น้ำต้าวเจียงและรอดชีวิตมาถึงที่นี่”
ใบหน้าจางเหมิงเผยความหวาดกลัว “ปีศาจเหล่านั้นช่างโหดเหี้ยม”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “เผ่าปีศาจสามารถเอาชนะกองทัพมนุษย์หนึ่งแสนนายด้วยอสูรเพียงหนึ่งหมื่นตน ทว่าขณะนี้พวกมันมีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนตน ดังนั้น…ไม่มีทางที่จะต้านทานได้เลย”
“ท่านเซินเว่ยโหว…และแม่ทัพตู้ไห่อยู่ไหนขอรับ?”
“ทุกคนถูกสังหาร”
“…”
หัวใจจางเหมิงเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งขณะที่พึมพำ “แล้วเราจะทำอย่างไร…เผ่าปีศาจจะบุกเข้าโจมตีมณฑลชางหนานเมื่อใด?”
“ข้าไม่ทราบ แต่คงเป็นเร็ววันนี้”
หลินมู่อวี่นั่งลงและกล่าว “จางเหมิงนำกระดาษและปากกาเหล็กมาที เตรียมนกส่งสารสำหรับส่งจดหมายไปยังเมืองหลันเยี่ยน ข้าต้องการเขียนถึงองค์จักรพรรดินี”
“ขอรับ”
ทันทีที่กระดาษและปากกาเหล็กถูกนำมาให้ หลินมู่อวี่เขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองตงฉวงอย่างรวดเร็วด้วยลายมือที่ไม่สวยงามนัก เขาต้องการให้เมืองหลันเยี่ยนเตรียมการรับศึก จากนั้นเสียงกระพือปีกดังขึ้นพร้อมนกส่งสารที่บินจากไป อย่างน้อยคงใช้เวลาราวสองวันกว่าผู้คนในเมืองหลันเยี่ยนจะรับรู้เกี่ยวกับเผ่าปีศาจ ทว่ามณฑลชางหนานไม่มีเวลามากถึงเพียงนั้น…
“จางเหมิง”
“ข้าน้อยพร้อมรับคำสั่งขอรับ” จางเหมิงแสดงท่าทีเคารพ แม้เขาจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพเมืองชีไห่ แต่เขาเคยเห็นหลินมู่อวี่เมื่อครั้งฉินจิ้นยังมีชีวิต จึงทำให้เขารับรู้ถึงสถานะของผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เป็นอย่างดี
“นำแผนที่มา ยิ่งมีรายละเอียดมากยิ่งดี”
“ขอรับ”
แผนที่ถูกกางลงตรงหน้า ขณะที่หลินมู่อวี่กราดตามองอย่างระมัดระวัง “ในแผนที่นี้ไม่ทำเครื่องหมายของแม่น้ำหรือ?”
“เรื่องนั้น…”
จางเหมิงพยักหน้า “ข้าสามารถวาดให้ได้ขอรับ มีแม่น้ำต้าวเจียงสายย่อยระหว่างมณฑลชางหนานและมณฑลหลิงตงซึ่งมีความกว้างราวสามร้อยเมตร หลายร้อยปีก่อนมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ็ดแห่ง เพื่อเป็นเส้นทางสำหรับม้าศึก”
“อืม”
หลินมู่อวี่เอ่ยถาม “ตำแหน่งของเราอยู่ที่ไหน?”
“ตรงนี้ขอรับ ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำต้าวเจียง”
“เช่นนั้น…”
หลินมู่อวี่ยืนขึ้นและขยับแผ่นที่ออก “จางเหมิง เจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งของข้าไหม?”
จางเหมิงประสานหมัด “ท่านแม่ทัพหลวงเป็นพระเชษฐาขององค์จักรพรรดินี อีกทั้งเป็นผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าข้าน้อยเต็มใจรับฟังคำสั่งของท่านแม่ทัพ โปรดอย่าลังเลที่จะกล่าวเลยขอรับ”
“อืม”
หลินมู่อวี่กระซิบ “สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือเคลื่อนทัพไปยังทิศตะวันตกของแม่น้ำต้าวเจียงทันที จากนั้นส่งสาส์นไปยังค่ายทหารที่ประจำการใกล้สะพานทั้งเจ็ดเพื่อรื้อถอนทั้งหมด พร้อมออกคำสั่งให้ชาวประมงทั้งสองฝั่งอพยพเช่นกัน ทิศตะวันออกของแม่น้ำไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว”
“ท่านแม่ทัพหลวง…เหตุใดแม่น้ำต้าวเจียงจึงสำคัญนัก?” จางเหมิงสับสน
หลินมู่อวี่กล่าวเสียงแผ่วเบา “กองกำลังหลักของเผ่าปีศาจคืออสูรเกราะ เท่าที่ข้ารู้…พวกมันกลัวน้ำและไม่สามารถว่ายน้ำได้ ดังนั้นแม่น้ำต้าวเจียงสายนี้จะหยุดพวกมันในการข้ามาทางตะวันตก หากช้าเกินไป…พวกมันจะรุกรานเข้ามาอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง…อสูรเกราะกินคน และอย่าคิดเรื่องการเจรจาข้อตกลง พวกเผ่าปีศาจไม่คิดว่าพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เท่าเทียมกับมัน”
จางเหมิงเผยสีหน้าตื่นตระหนกและพยักหน้ารับ “ขอรับ ข้าจะทำตามคำสั่ง”
…
ในช่วงบ่ายกองทัพถูกถอนออกและตรงไปยังฝั่งตะวันตก หลังจากข้ามสะพานแขวนที่ทำจากโซ่ หลินมู่อวี่ตัดสินใจตัดโซ่ทิ้งทันที แม้ไม่รู้ว่าอำนาจทางทหารของจางเหมิงมีมากเท่าใด แต่ตอนนี้จำเป็นต้องพึ่งพาเขา
มีเรือประมงหลายลำแล่นบนแม่น้ำต้าวเจียง ขณะที่ผู้คนมากมายกำลังอพยพ
จางเหมิงพาทหารส่งสารมาสองสามนายมาในยามบ่าย “ท่านแม่ทัพหลวง สะพานสามแห่งถูกรื้อถอนแล้ว ทว่าอีกสี่แห่งยังคงไม่กล้าลงมือ เนื่องจากเป็นสะพานขนาดใหญ่ พวกเขาจะรื้อถอนก็ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากจวนเจ้าเมืองห้าหุบเขา ควรทำอย่างไรดีขอรับ?”
“อย่างนั้นหรือ?”
หลินมู่อวี่กัดฟัน “ทหารประจำการที่สะพานมียศระดับใด?”
“ระดับผู้บัญชาการกองพัน”
“เอาล่ะจางเหมิง พาคนไปรื้อถอนสะพานด้วยตนเอง ข้าจะรับผิดชอบทุกสิ่ง จากนั้นไปเตรียมม้าให้สองตัว ข้าจะเข้าไปในเมืองห้าหุบเขาเพื่อขอม้วนหนังสืออนุญาต เรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินการทันที มิเช่นนั้นผลที่ตามมาจะอาจกลายเป็นหายนะ!”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
จากนั้นม้าสองตัวก็จากไปอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่และฉินเหยียนรู้สึกเป็นกังวล เนื่องจากคนอื่นอาจไม่เข้าใจถึงความโหดร้ายของเผ่าปีศาจ ทว่าทั้งสองได้สัมผัสมาด้วยตนเองแล้ว เมื่อใดที่พวกมันข้ามแม่น้ำมาได้ ทั่วทั้งแผ่นดินจะถูกกองทัพอสูรเกราะหนึ่งแสนตนของเหล่ยฉงเข้ายึดครองอย่างแน่นอน
…
สองวันต่อมา ณ เมืองห้าหุบเขา
ประชากรในเมืองค่อนข้างบางตาจนน่าตกใจ หลังจากทั้งสองเข้ามาในเมืองก็พบเพียงความรกร้าง และไม่มีร่องรอยของหนึ่งในเจ็ดเมืองชื่อดังอีกต่อไป
หลังจากเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่จากจักรวรรดิอี้เหอ ทำให้สูญเสียพลเมืองไปเกือบสองล้านคน และทหารในเมืองห้าหุบเขาอีกกว่าแสนนาย เมื่อหลินมู่อวี่มาถึงจวนเจ้าเมืองก็เห็นเซี่ยงอวี้อยู่ที่นั่น
“จัดการมัน”
นี่เป็นประโยคแรกที่เซี่ยงอวี้กล่าวทันทีที่เห็นหลินมู่อวี่ กลุ่มทหารเมืองชีไห่ยกหน้าไม้ขึ้นเล็งทั้งสอง ขณะที่เซี่ยงอวี้ถือทวนนองเลือดพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“เซี่ยงอวี้ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“หมายความว่าอย่างไรเหรอ…”
เซี่ยงอวี้เลิกคิ้วและกล่าว “ข้าได้ยินมาว่ามีกองทัพที่เรียกว่า ‘เผ่าปีศาจ’ ปรากฏตัวในเมืองตงฉวง มิใช่ว่าเจ้าคือทหารที่หลบหนีจากสงครามหรือ?”
“พรึ่บ!” เปลวไฟจากหอกเขี้ยวอัคคีในมือฉินเหยียนลุกโชน
เซี่ยงอวี้มองอย่างเย้ยหยัน ขณะเดียวกันพลังไร้ลักษณ์แผ่รอบกาย ภายใต้เขตแดนพลังของขอบเขตปราชญ์ทำให้ฉินเหยียนขยับตัวไม่ได้…รวมทั้งเปลวไฟจากหอกเขี้ยวอัคคีเองก็ไม่สั่นไหวเช่นกัน
สายตาของหลินมู่อวี่เปลี่ยนเป็นเย็นชา ขณะที่ค่อยๆ ปลดปล่อยพลังเจ็ดประทีป พริบตาเดียวรัศมีดวงดาราส่องสว่างปกคลุมร่างกาย ด้วยความแข็งแกร่งของพลังเจ็ดประทีปทำให้เอาชนะเขตแดนพลังของเซี่ยงอวี้ได้อย่างรวดเร็ว
“บังอาจนัก!”
ทวนนองเลือดของเซี่ยงอวี้ปลดปล่อยพลังน่าเกรงขาม ขณะที่เขาหัวเราะเสียงดัง “ข้าคิดว่าจะไว้ชีวิตเพราะเห็นแก่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน แต่เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้!”
หลังจากที่เซี่ยงอวี้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ก็ดูทะนงตัวขึ้นมาก เขาตวัดทวนเป็นแนวนอน ก่อนที่พลังเก้าโกลาหลจะหลั่งไหลออกมา
ราวกับโลกหยุดหมุน…ขณะที่พลังเก้าโกลาหลกลืนกินพลังงานโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง
หลินมู่อวี่ไม่สนใจนัก เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นขณะที่พลังกลยุทธ์ดวงดาราหลั่งไหลสู่แขนและควบแน่นเป็นพลังขั้นที่สาม…ปัญจสวรรค์!
ดวงดาวมหาศาลเกาะกลุ่มเป็นรูปภูผาดาราและพุ่งตรงปะทะทวนของเซี่ยงอวี้ทันที!
“ตูม!!”
สองพลังแข็งแกร่งปะทะกันจนระเบิดออกอย่างรุนแรง พลธนูกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งหนี ขณะที่เซี่ยงอวี้ถูกกระแทกจนถอยไปหลายก้าว มือที่ถือทวนนองเลือดชาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าพลังระเบิดของหลินมู่อวี่นั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก พลังลึกลับของปัญจสวรรค์นั้นเหมือนกับหินและโลหะที่เจาะเข้ามายังแขนตน ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่ต้องการ ส่วนด้านหลินมู่อวี่เองก็ถูกกระแทกถอยหลังไปสองสามก้าวเช่นกัน พร้อมพลังย้อนกลับที่ส่งผลให้แผลบนแขนเปิดออก
อย่างไรก็ตามหลินมู่อวี่รู้สึกพอใจมาก การโจมตีกลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สามสามารถปะทะกับเซี่ยงอวี้ได้อย่างสูสี หากต้องใช้วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะเพียงอย่างเดียว ด้วยการระเบิดพลังของเซี่ยงอวี้ เกรงว่าอาจทำให้พ่ายแพ้ได้ กระนั้นการปะทะเมื่อครู่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าพลังของตนเหนือกว่าเซี่ยงอวี้ แม้อีกฝ่ายจะอยู่ในระดับขอบเขตปราชญ์ ทว่าวิทยายุทธ์และการเคลื่อนไหวอ่อนแอกว่ามาก
“เจ้าต้องการส่งข้ากลับเมืองหลันเยี่ยนอย่างนั้นหรือ?”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เช่นนั้นเรียกทหารมาร่วมกับข้าและรีบกลับเมืองหลันเยี่ยน กองทัพเผ่าปีศาจจะเข้าสู่มณฑลชางหนานในเร็ววัน หากเจ้าซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการไม่สามารถต้านทานได้ เพียงกล่าวออกมา และกลับไปหาเสี่ยวอิน”
เซี่ยงอวี้กัดฟันแน่น เดิมทีเขาวางแผนจับหลินมู่อวี่ใส่รถคุมขังนักโทษและส่งกลับไปเมืองหลันเยี่ยน แต่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องยาก จึงทำได้เพียงส่งคนเพื่อพาหลินมู่อวี่กลับเท่านั้น เขาเลิกคิ้วและออกคำสั่ง “ทหาร จัดกองกำลังหนึ่งพันนายคุ้มกันหลินมู่อวี่กลับเมืองหลันเยี่ยน จากนั้นส่งต่อให้ท่านหลานกง”
“ขอรับ!”
…
ทหารม้าหนักหนึ่งพันนาย…ช่างเป็นการกระทำที่ประจบสอพลอ
หลินมู่อวี่และฉินเหยียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันม้าไปยังทิศทางของเมืองหลันเยี่ยนและเดินจากไป
…………………………………