The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู
EP.322 ฝ่าวงล้อมศัตรู
“ระวังลูกธนู!”
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบดึงบังเหียนควบม้าออกไปพร้อมขบวนทหารม้า ทุกคนชูโล่ขึ้นตั้งรับ ขณะที่ทางเหนือมีพลธนูซุ่มอยู่ในความมืด กระนั้นลูกศรก็ไม่สามารถทะลวงความแข็งแกร่งของทหารม้าหนักได้ หลังจากศัตรูโจมตีด้วยธนูรอบแรก มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และไม่มีผู้เสียชีวิต
‘ชิ้ง!’
คมมีดไร้ลักษณ์พุ่งทะลุเหนือขบวนทหาร มีดเสียงปีศาจโจมตีและสังหารผู้คนไปกว่าสิบคนอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของหลินมู่อวี่ มันบินตามเจ้านายราวกับเงาตามตัวตลอดทาง ทว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นหรือจับต้องมีดเล่มนี้ได้ ขณะเดียวกันวิญญาณมังกรนภาคำรามก้องอย่างน่าเกรงขาม!
กระบี่วิญญาณมังกรบินออกไปพร้อมแสงสว่างวาบ ‘ฟุ่บ’ มันทะลุผ่านโล่หนักหลายชิ้นและระเบิดออกทันที! ปราณยุทธ์เปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทกใส่ทหารราวเจ็ดคนกระเด็นออกไปและทำลายกองทหารอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าศัตรูก็แปรทัพป้องกันอีกครั้ง กำแพงมนุษย์ทับซ้อนกันตั้งรับรอการโจมตีของทหารค่ายเขาเหิน
หลงเซียนหลินเตรียมการมายาวนาน จึงไม่เป็นปัญหามากแม้หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะโจมตีตอนกลางคืนและเป็นฝ่ายเดินเข้าหากับดักเอง ดูเหมือนว่าหลงเซียนหลินเดาทางได้ว่าทหารแห่งจักรวรรดิจะเข้ามาโจมตี ดังนั้นจึงเตรียมพลโล่มากกว่าปกติไว้ในค่ายพร้อมพลธนู ทว่าเบื้องหลังโล่หนาเหล่านั้นคือพลหอก ซึ่งเป็นยุทธวิธีทหารม้าหนักที่น่าเกรงขาม!
“ระวัง!”
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบควบม้าไปด้านหน้าพร้อมดาบ ทันใดนั้น! แสงใบดาบส่องสว่างกระแทกปลายหอกหลายเล่ม เขาขี่ม้าเหวี่ยงดาบทะลวงกองทัพอย่างรวดเร็ว ด้านหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนมีกองทหารเขาเหินพุ่งตัวตามมาและหยุดไม่ทัน พวกเขาถูกหอกแทงอย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังทั่วบริเวณ
หลินมู่อวี่ชักกระบี่และควบม้าเคียงข้างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน กระบี่วิญญาณมังกรตัดผ่านเหล็กง่ายดายราวกับตัดโคลน ทันใดนั้น! หลินมู่อวี่ก็ยกมือขึ้นพร้อมพลังเจ็ดประทีปเอ่อล้นออกมา…หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!
พลังหนึ่งประทีปโหมกระแทกกองทหารอย่างรุนแรง! ทหารเกือบยี่สิบนายเลือดท่วมกายภายในพริบตา ด้วยพลังมหาศาลทำให้พวกเขาเลือดออกและบาดเจ็บสาหัสปางตาย
ขณะเดียวกันมีเพียงคำเดียวที่ปรากฏขึ้นภายในใจหลินมู่อวี่ ‘ต้องฆ่า’ ความเมตตาและความชอบธรรมทั้งหมดหายไปจนสิ้น การมีน้ำใจต่อศัตรูยามนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเอง หลินมู่อวี่เข้าใจความจริงนี้ดี อีกทั้งเหล่าทหารอาสาส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดี พวกเขาเป็นกองทหารส่วนตัวของราชาเจิ้นหนานฉินอี้ มิใช่ทหารแห่งจักรวรรดิผู้ต่อสู้เพื่อแผ่นดิน
เมื่อเทียบกันแล้ว ทหารค่ายเขาเหินนั้นมีคุณธรรมกว่ามาก พวกเขายินดีปกป้องเมืองหลวงจากการรุกรานของศัตรูอย่างเต็มที่!
…
“อาอวี่!”
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหันมองหลินมู่อวี่และกล่าวว่า “ออมแรงไว้เถิด อย่าใช้วิญญาณยุทธ์และปราณ นี่คือสงคราม ข้าไม่รู้ว่าการต่อสู้จะดำเนินยาวนานเพียงใด เจ้าต้องรักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณไว้”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วพี่ฉู่”
ตามดังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกล่าว กองทัพค่ายเขาเหินเข้าจู่โจมอย่างดุเดือดกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะสามารถฝ่าวงล้อมออกไปเมื่อใด เดิมทีสงครามเป็นดั่งศิลปะ ทว่าสงครามครานี้แตกต่างออกไป ผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉลาดและเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งถึงการสังหารคนหมู่มากด้วยกำลังที่น้อยที่สุด
หลินมู่อวี่ผ่อนคลายพลังและปราณยุทธ์อย่างเชื่องช้า และจะสังหารศัตรูด้วยพลังกายเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินมู่อวี่ เนื่องจากกระบี่วิญญาณมังกรคมมาก อีกทั้งม้าศึกเจี๋ยดี่ก็ปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็ก หลินมู่อวี่พุ่งออกไปสังหารด้วยคมกระบี่วิญญาณมังกรทำให้จำนวนทหารค่อยๆ ลดลง
เฟิงจี้สิงกล่าวว่า ในสงครามนั้น…พลังอำนาจเป็นสิ่งไม่แน่นอน สงครามเปรียบดั่งเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายก็ต้องสูญเสียความแข็งแกร่งและชีวิตในสงคราม พลังของจอมยุทธ์ขอบเขตนภาอาจเทียบเท่าทหารร้อยคน ส่วนจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์เทียบเท่าทหารหนึ่งพันนาย ขณะที่ขอบเขตเทวะเทียบเท่ากับทหารหนึ่งหมื่นนาย กระนั้นหากต้องสังหารคนมากมายถึงเพียงนี้ ความแข็งแกร็งที่มีอาจเหือดหายไป ขอบเขตปราชญ์และขอบเขตเทวะที่สูญเสียปราณยุทธ์จนหมดสิ้น ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา…
กองทัพค่ายเขาเหินนำโดยหลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพุ่งตัวโจมตีอย่างต่อเนื่อง มีทหารอาสาจำนวนมากเสียชีวิตภายใต้เท้าม้าเหล็กค่ายเขาเหิน แต่ดูเหมือนว่าทหารอาสาเหล่านี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งมีคบเพลิงมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าค่ายเขาเหินดึงดูดความสนใจของทหารอาสา เป็นเหตุให้กำลังพลของศัตรูเพิ่มมากยิ่งขึ้น!
“ท่านแม่ทัพ!”
นายพลค่ายเขาเหินดึงหอกเปื้อนเลือดออกจากศพจนเลือดกระเด็นใส่หน้า ทว่าเขาไม่สนใจและกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “ทหารอาสาเพิ่มกำลังพลอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายกำลังวิ่งเข้ามาหาเราจากรอบด้าน หากเราไม่ถอย…ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีก!”
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราบนท้องฟ้า “ยังไม่ถึงเวลา เราต้องเดินหน้าต่อโจมตีต่อไป!”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่ยังคงเงียบ ด้านหลังเขามีองครักษณ์อวี้หลินเจ็ดสิบนายจากค่ายรังอินทรีร่วมต่อสู้กับค่ายเขาเหิน พวกเขาตวัดดาบฟันทหารค่ายอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายยังคงยิงธนูใส่อย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รวมทั้งเว่ยโฉวที่ถูกลูกศรแทงทะลุหน้าอกเลือดไหลทะลัก แม้ว่าทหารค่ายเขาเหินจะสังหารศัตรูจำนวนมาก แต่ก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน
กระนั้นนี่คือสงคราม…การมาเยือนของทหารค่ายเขาเหินก็ดึงดูดทหารอาสาให้มารวมตัวกันมากขึ้น พวกหลินมู่อวี่ต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเผาพืชพันธุ์เสบียงของทหารหลิงหนาน
ขณะที่เร่งโจมตี หลินมู่อวี่มองไปยังทางทิศตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เขาพลันรู้สึกกังวลในใจ ไม่รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดออกเดินทางแล้วหรือยัง ด้วยระดับของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดตอนนี้ ตราบใดที่ทหารอาสาผู้ดูแลยุ้งฉางมีต่ำกว่าห้าพันคน หลินมู่อวี่เชื่อว่าพวกเขาจะทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลัวอวี่และเฟิงสี่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดในการต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าทหารอาสาก็ถูกสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ ผ้าคลุมสีขาวของหลินมู่อวี่ชุ่มไปด้วยเลือด และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน แม้แต่ไหล่ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ได้รับบาดเจ็บ เป็นผลงานจากพลหอกที่ขว้างอาวุธทะลุเกราะปราณยุทธ์กระแทกไหล่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเต็มแรง
เมื่อเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องนภาเพื่อดูเวลา หลินมู่อวี่กล่าวว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฝ่าวงล้อมออกไปกันเถิด!”
“อื้ม!”
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพยักหน้าก่อนจะแทงศัตรูด้านหน้าพร้อมตะโกน “ถอย!”
ทหารม้าทั้งหมดหันขบวนกลับและพุ่งทะลวงพลหอกของกองทัพทหารอาสา ทว่าเงาดำทมิฬพุ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว มันคือหอกของศัตรู! หอกเหล่านี้คมมากและแทงทะลุร่างทหารค่ายเขาเหินหลายนายจนปลิวตกจากม้า ก่อนจะถูกเหล่าทหารม้าที่ตามมาด้านหลังเหยียบย่ำอย่างน่าเวทนา ทว่าหลินมู่อวี่ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และคนอื่นๆ ไม่รอช้าที่จะพาผู้ที่ยังมีชีวิตกลับออกไป
‘วิ้ง!’
หลินมู่อวี่ผายฝ่ามือเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทอง มันเปล่งแสงทะยานสู่ทองนภาทันที ‘วิ้ง’ แสงสว่างวาบผ่านฝูงชนพร้อมแยกทหารอาสาออกเป็นสองฝั่ง เปิดเส้นทางให้แก่ทหารของหลินมู่อวี่
“ดีมาก!”
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหัวเราะ ขณะที่ตวัดดาบฟันหัวของศัตรูลอยขึ้นบนอากาศ เขาตะโกนดัง “พี่น้องค่ายเขาเหิน เราทำภารกิจสำเร็จแล้ว ถึงเวลากลับบ้าน!”
ทว่าหลายคนต้องจบชะตาชีวิตที่นี่ ทหารอาสาเข้ารุมโจมตีทหารม้าด้านหลังจนถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นศัตรูก็ปาหอกเข้าใส่ทหารม้าหนักอีกคนอย่างป่าเถื่อนจนกลายเป็นเม่นพร้อมม้าศึก ภายในสิบนาทีเท่านั้น ทหารค่ายเขาเหินกว่าพันคนต้องหลั่งเลือดบนแผ่นดินนี้
หลินมู่อวี่อดทนดูไม่ได้ ทว่านี่คือสงคราม…มันทำให้เจตจำนงชัดเจนขึ้น เติบโตขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างวีรบุรุษ บางที…สงครามตรงหน้าอาจเป็นช่วงเวลาที่กล่าวมานั้น
“ฆ่ามัน!”
จิตสังหารในแววตาของหลินมู่อวี่แข็งแกร่งขึ้น มือขวาชักกระบี่วิญญาณมังกรและขว้างออกไปพร้อมพลังธาตุไฟควบคุมกระบี่ มันบินออกไปสังหารทหารทันที! จากนั้นก็คว้าทวนหลีฮวาออกจากถุงสรรพสิ่ง ทันใดนั้น! ปลายหอกก็พุ่งทะลุช่องท้องทหารอาสานายหนึ่ง หลินมู่อวี่รีบชักออกและตวัดกระแทกใส่ทหารอีกกลุ่มที่วิ่งตรงเข้ามา ขณะเดียวกันวิญญาณสัตว์ร้ายกิเลนน้ำแข็งก็คำรามก้องพร้อมแช่ทหารอาสาให้กลายเป็นน้ำแข็ง หลินมู่อวี่พลันส่งทวนเข้าสังหารอย่างรวดเร็ว!
ทันทีที่ทวนหลีฮวาออกมาอาละวาด ก็ทำให้ทหารอาสาเริ่มหวาดกลัวและล่าถอย ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยับยั้งความโกรธไม่ได้อีกต่อไป วิญญาณยุทธ์สีดำบนไหล่เปล่งประกายทะยานสู่ท้องฟ้า เขายกมือซ้ายขึ้น ทันใดนั้น! คัดสรรดวงดาราก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าพุ่งทะลุร่างศัตรูทันที แม้กระบวนท่าคัดสรรดวงดาราจะดูสง่างาม แต่มันมีพลังทำลายล้างสูงมาก!
ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งตรงกลับเมือง ห่างออกไปราวสองร้อยเมตรหน้าประตูเมืองมีทหารอาสาล้อมอยู่หนาแน่น นายกองคนหนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนเสียงดัง “ตัดใจถอย แล้วคิดว่าจะกลับเข้าเมืองง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถิด!”
หลินมู่อวี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฆ่ามัน!”
ทันใดนั้นประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมเสียงคำรามที่คุ้นเคย “นักรบแห่งจักรวรรดิผู้กล้าหาญ ฆ่ามัน! เพื่อพี่น้องค่ายเขาเหิน พลธนูกำจัดพวกนอกรีตเหล่านี้ซะ!!”
เขาคือตู้ไห่ แม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดินำกองทัพเทียนฉงออกจากประตูเมืองและบุกเข้าไปยังจัตุรัสของศัตรูอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉวยโอกาสนี้นำทหารค่ายเขาเหินกลับเข้าเมือง ไม่มีความปรานีในสงคราม ทหารค่ายเขาเหินเสียชีวิตลงเรื่อยๆ ทุกขณะที่อยู่นอกเมือง และเมืองหลันเยี่ยนก็ไม่สามารถรับความเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้ว
โดยไม่รู้ตัว ขณะที่ทหารค่ายเขาเหินถูกฆ่าตายอยู่ด้านนอกนานกว่าสองชั่วโมง ขอบฟ้าฝั่งตะวันออกก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน
…
ด้านใต้เมือง ตู้ไห่ระบำสองดาบสังหารศัตรูอย่างน่าเกรงขาม ทำให้กองทัพทหารอาสาหวาดกลัว จากนั้นจึงกลับเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบความเสียหายของทหารค่ายเขาเหิน
หลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบเว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และคนอื่นๆ ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย ตัวเขาเองก็โดนลูกธนูปักที่แขนโดยไม่รู้ตัว
“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ!” เว่ยโฉวรีบเข้ามาอย่างเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นไร”
หลินมู่อวี่ยื่นมือไปดึงลูกธนูออกและเอ่ยถามว่า “สถานการณ์ของค่ายรังอินทรีเป็นอย่างไร?”
เว่ยโฉวดูเศร้าหมองลงและกล่าวว่า “องครักษ์อวี้หลินสิบเจ็ดนายและทหารอวี้หลินมากกว่าสามร้อยนายถูกฆ่าตาย”
“อืม…”
หลินมู่อวี่ตอบรับเสียงแผ่วเบา ทว่าในใจเจ็บปวดยิ่ง
ทหารค่ายเขาเหินเคลื่อนตัวผ่านเมืองเป็นแถวอย่างเชื่องช้า โดยมีคบเพลิงและผู้คนเฝ้ามองอยู่ตลอดสองข้างทาง ภายใต้แสงคบเพลิงดวงตาหลายคู่มองมาอย่างไม่แยแสซึ่งทำให้หลินมู่อวี่ทุกข์ใจมาก ทหารค่ายเขาเหินออกไปรบหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนาย และกลับออกมาน้อยกว่าห้าพันนาย แผนการนี้มีทหารเสียชีวิตมากมาย ทว่าหลินมู่อวี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นคือใคร…