The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 239 ฟอกเงิน
“เราจะปล่อยให้พวกทหารอวิ้นจงล้อมเราอยู่เช่นนี้หรือขอรับ?”
เว่ยโฉวตามหลินมู่อวี่ไปยังกระโจมใหญ่พลางพูดด้วยความฉุนเฉียว “เราใช้กลยุทธ์ในการล้อมรอบภูเขาขวานไฟโดยไม่โจมตี ทว่าตอนนี้กลับเป็นฝ่ายถูกล้อมแทน หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเราจะไม่สามารถรับเสบียงที่ส่งมาจากเมืองหยินซานได้ เรากำลังตกที่นั่งลำบากเช่นเดียวกับสำนักอัศวินก่อนหน้านี้ ท่านต้องรีบแก้ปัญหานี้โดยเร็วนะขอรับ!”
หลินมู่อวี่หันมามองเว่ยโฉวด้วยสายตาอาฆาต “เว่ยโฉว เจ้าลองคิดให้ดีว่าเหตุใดคนของไป๋หลั่วจึงช่วยเหลือสำนักอัศวินเช่นนี้?”
“ก็เพราะ…”
เว่ยโฉวชะงักก่อนจะค่อยๆ ตอบ “ท่านไม่ได้กำลังคิดว่าผู้ว่าการหูเถี่ยหนิงแห่งมณฑลชางหนานสมคบคิดกับสำนักอัศวินอยู่ใช่หรือไม่?”
“ไม่แน่ชัดว่าร่วมมือกันหรือไม่ ทว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันแน่นอน”
หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นพลางถอนหายใจ “เพราะหาไม่ใช้เพราะเรื่องผลประโยชน์อันมหาศาล หูเถี่ยหนิงคงไม่ลงทุนลากคนของตนเข้ามาเกี่ยว และไม่คิดลังเลที่จะล้างบางทหารจักรวรรดิ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องใช้กำลังเพื่อปกป้องภูเขาขวานไฟที่มีความลับของสำนักอัศวินอยู่
เว่ยโฉวเริ่มกระจ่าง “ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องปรับตัว…”
“ใช่”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ตอนนี้เสบียงเหลือเท่าไร?”
“เสบียงมีพอสำหรับสองวัน ทว่าน้ำเราจะหมดแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นจงขุดบ่อหาน้ำ เราอยู่ที่ราบต่ำคงเจอน้ำง่ายกว่าตอนอยู่บนเขาขวานไฟ”
“ขอรับ!”
“แล้วก็…”
“ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือขอรับ?” เว่ยโฉวหันมาถาม
“ช่วยจัดเตรียมชุดทหารฝึกหัดสำนักดอัศวินให้ข้าที ข้าจะลอบไปสำรวจบริเวณเขาขวานไฟคืนนี้เพื่อหาดูว่าสิ่งใดคือความลับที่หูเถี่ยหนิงปิดซ่อนไว้”
“เสี่ยงเกินไปนะขอรับ บางทีอาจมี…”
“ไม่ต้องคิดรบเร้า ข้าตัดสินใจแล้ว”
“รับทราบขอรับ!”
…
ท่ามกลางลมหนาวพัดผ่าน ณ ภูเขาขวานไฟยามราตรี
“พรึบ…”
เถาวัลย์น้ำเต้าร่วงลงมา หลินมู่อวี่ปีนลงจากหน้าผากำแพงทางเหนือของภูเขาขวานไฟด้วยทักษะวิญญาณยุทธ์ของตน เพราะมันมีความสูงชันมากทำให้คนทั่วไปยากจะปีนป่าย ทหารสำนักอัศวินจึงไม่จำเป็นต้องเฝ้ายามฝั่งนี้
อากาศหนาวเย็นจนมีเกล็ดน้ำค้างแข็งขึ้นรอบคิ้วของหลินมู่อวี่ ทว่าแววตาของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลินมู่อวี่ในชุดทหารชำนาญการสีเขียวลอยตัวสูงจากพื้นหลายร้อยเมตร พยายามโรยตัวลงมาด้วยเถาวัลย์จากน้ำเต้า โชคดีที่พืชเลื้อยคลานนี้เขาเป็นคนสร้างขึ้นเองจึงไม่ต้องกังวลว่าหนามของมันจะบาดเอาได้ เพราะเพียงแค่สัมผัสหนามจากเถาวัลย์ก็จะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์
“ฟุบ!”
หลินมู่อวี่กระโดดลงพื้น ในที่สุดเขาก็ลงมาจากยอดผาสูงของภูเขาขวานไฟได้สำเร็จ กระบี่วิญญาณมังกรถูกสะพายและห่อด้วยผ้าสีดำ ตอนนี้เขาดูเหมือนทหารของสำนักอัศวินอย่างมาก จึงสามารถเดินเข้าไปได้อย่างไม่เกรงกลัว ไม่ไกลนักมีทหารชำนาญการหลายนายกำลังเฝ้ายามอยู่ทางเหนือเขาภูเขา
“นั่นใคร?” หนึ่งในทหารยามเอ่ยถามพลันง้างธนู
หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นพลางกล่าว “อย่ายิงพี่ชาย เราเป็นสหายกัน พอดีข้าเกิดท้องเสียและเกิดอายกลัวใครมาเห็นเข้าจึงแอบไปปลดปล่อยทางโน้นมา”
ใต้แสงจันทร์ส่อง ทหารยามเมื่อเห็นชุดของหลินมู่อวี่ก็อดยิ้มไม่ได้ “ข้าก็ตกใจแทบแย่ แล้วเจ้าเป็นเด็กใหม่หรือ? ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย”
“ขอรับ ข้าเพิ่งเข้าร่วมได้เดือนเดียว”
“ถึงว่าดูไม่คุ้นเอาเสียเลย แล้วเจ้าอยู่กลุ่มไหนเล่า?”
หลินมู่อวี่ชะงักกับคำถาม ทว่าโชคดีที่เขามีไหวพริบตอบ “ข้ามากับท่านทหารเหรียญโลหะหลัวซานในฐานะองครักษ์ขอรับ”
ทหารเหรียญโลหะในภูเขานี้มีกว่าร้อยคน และผลัดเปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า ทหารพวกนี้จึงไม่มีทางรู้จักได้หมดทำให้การโกหกนี่น่าเชื่อถือ!
“มากับท่านทหารเหรียญโลหะเองรึ มาๆ สนใจดื่มไวน์อุ่นร่างกายสักหน่อยหรือไม่?”
“ขอบพระคุณมากพี่ชาย แต่ข้าต้องรีบกลับเข้าไปแล้ว ท่านทหารเหรียญโลหะบาดเจ็บจากการต่อสู้วันนี้ ข้าจึงต้องรีบไปดูแลเขา”
“เช่นนั้นก็เหนื่อยหน่อยนะน้องชาย!”
หลินมู่อวี่ผ่านด่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ขณะกำลังเดินลัดป่าเขาสังเกตเห็นทหารอยู่บริเวณนั้นด้วยท่าทีเซื่องซึม ดูเหมือนการขาดแคลนน้ำจากการแพ้สองครั้งติดจะทำให้บรรดาสมาชิกเริ่มหมดเรี่ยวแรง น่าเสียดายที่หูเถี่ยหนิงเข้ามาแทรกแซงเสียก่อน มิฉะนั้นกลุ่มมังกรผงาดคงเข้ายึดภูเขาขวานไฟแห่งนี้ได้ภายในสามวันโดยไม่มีการสูญเสียมากมาย
ทันใดนั้นก็มีทหารชำนาญการหลายคนถือคบไฟมาโผล่หน้าหลินมู่อวี่ พวกทหารกำลังพาไพร่พลเดินตรงไปยังผาอีกฝั่ง หนึ่งในนั้นยกแส้ขึ้นฟากก่อนจะตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเมามาย “เดินให้ไว! ขืนมัวแต่ชักช้าเสียเวลาเช่นนี้ข้าจะฟาดให้หลังลาย!”
ไพร่พลพวกนี้กำลังแบกพลั่วเดินไปด้วยร่างผอมทรุดโทรม
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วพยายามไม่คิดมากและแอบแฝงตัวไปกับทหารชำนาญการพร้อมไพร่พลกลุ่มนี้ สาเหตุที่พวกมันต้องออกมาทำงานกลางดึก คงต้องเป็นงานที่ไม่อยากให้ผู้ใดเห็นเป็นแน่
อย่างที่คาด เมื่อผ่านเนินผาเตี้ยมาได้ก็พบกับที่แห่งหนึ่งที่มีแสงสว่างจ้า เป็นอุโมงค์ถ้ำลึกเข้าไปในเขาขวานไฟที่มีทหารชำนาญการอีกหลายคนคอยอารักขาอยู่ด้านหน้า มีเสียงพลั่วขุดดังมาจากด้านใน หลินมู่อวี่จึงรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นเหมืองทอง!
แท้จริงแล้วภูเขาขวานไฟก็คือเหมืองทองขนาดใหญ่ น่าตกใจเสียจริง!
ไพร่พลถูกบังคับให้เข้าไปในเหมืองซึ่งหลินมู่อวี่ยังคงแฝงตัวตามเข้าไป รอบบริเวณทั้งนอกและในถ้ำถูกจุดด้วยคบเพลิง ทั้งภูเขาแห่งนี้คงแทบจะไม่เหลือสิ่งใดแล้ว เพราะมีคนงานคอยขุดหาแร่รอบกำแพงด้วยค้อน พลั่ว และอีกสารพัดเครื่องมือ
แร่ที่ขุดเจอเปล่งประกายสีทองจางๆ เมื่อสะท้อนกับแสงไฟ แม้จะไม่ใช่ทองแท้ทว่าก็นับได้ว่าเป็นแร่ทอง
หลินมู่อวี่พยายามสูดหายใจเข้าขณะที่ทหารหน้าหนวดนายหนึ่งมาหาเขาและเอ่ยถาม “น้องชาย ข้าดูไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย…มาใหม่รึ?”
“ขอรับ พี่ชายมีนามว่ากระไรหรือ?”
“เรียกข้าว่าต้านู๋”
“อ้อ พี่ต้านู๋…วันนี้รับหน้าที่เฝ้าเหมืองหรือขอรับ?”
“ใช่แล้ว!” ต้านู๋พยักหน้าและเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีละโมบเมื่อมองไปยังรถของแร่ด้านล่าง “หากเปลี่ยนทองพวกนี้เป็นเหรียญทองละก็…ฮ่าๆ พวกเราคงได้เมียคนละแปดคนแล้วเป็นแน่!”
หลินมู่อวี่รู้สึกเอือมระอาก่อนจะฝืนยิ้ม “พี่ต้านู๋คิดว่าแร่ทองพวกนี้จะถูกนำไปทำเป็นเหรียญทองหรือขอรับ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ต้านู๋โบกไม้โบกมือ “มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าตาแก่เจ้าเล่ห์หูเถี่ยหนิงแห่งเมืองห้าหุบเขาจะยอมส่งคนมาช่วยเราทั้งที่ถูกล้อมอยู่แบบนี้หรือ?”
หลินมู่อวี่เมื่อได้ฟังก็ชะงัก “ข้ามาใหม่ยังไม่รู้สิ่งใดมาก แต่ท่นหมายความว่าหูเถี่ยหนิงอยากได้แร่ทองพวกนี้ไปฟอกเงินใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะเป็นอะไรได้อีก?”
ต้านู๋กล่าวอย่างตื่นเต้น “ตั้งแต่โบราณนกยอมตายเพื่ออาหารฉันใด คนก็ยอมตายเพื่อเงินฉันนั้นแล”
“ทว่าเท่าที่ข้ารู้ กฎหมายของจักรวรรดิห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ใดฟอกเงิน…” หลินมู่อวี่ปั้นหน้ากล่าว
ต้านู๋ลูบจมูกพลางกล่าวต่อ “เจ้าคิดว่าตาแก่เจ้าเล่ห์หูเถี่ยหนิงโง่รึ? ภูเขาขวานไฟแห่งนี้ถูกพบมาเป็นปี แค่แร่ที่ขุดได้จากที่นี่ก็เกือบสิบล้านเหรียญทองแล้ว มิเช่นนั้นเจ้าหูเถี่ยหนิงจะเอาเงินทองจากไหนไปซื้อสาวใช้ ม้า และอาวุธดีๆ กันเล่า?”
“เขากล้าซื้อม้ากับอาวุธเชียวหรือ?” หลินมู่อวี่ตกตะลึง “หูเถี่ยหนิงช่างบ้าบิ่นเสียจริง”
ต้านู๋ยิ้ม “แน่นอน มณฑลชางหนานมีทหารกว่าแสนสองหมื่นนาย และยังมีกองทัพจากค่ายเขาเหินอันแข็งแกร่งกว่าหมื่นเจ็ดพันนายนำโดยหลงเซียนหลินที่อยู่ใต้บัญชาของหูเถี่ยหนิงอีก กล่าวกันว่าม้าของค่ายเขาเหินนั้นเป็นม้าชั้นดีจากทางตะวันตก อาวุธก็ทำมาจากเหล็กนิลชั้นยอดทั้งยังตีด้วยช่างมือฉมังอีก…ทั้งจักรวรรดินี้หาได้มีผู้ใดเทียบไม่?”
หลินมู่อวี่แอบขำ กลุ่มมังกรผงาดของเขาคงพอสู้ได้อยู่กระมัง?
ทว่าหูเถี่ยหนิงผู้นี้ใจถึงยิ่ง ยอมร่วมมือกับสำนักอัศวินเพียงเพื่อขุดแร่จากภูเขาขวานไฟ ความกล้านี้หาได้มีผู้ใดเปรียบ!
หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ข้าชักอยากรู้แล้วสิว่าเราจะได้เหรียญทองเท่าไร คงมากพอจะได้เมียสวยๆ สักคนสิท่า!”
ต้านู๋ยิ้ม “วางใจเถิด แล้วเจ้ามีนามว่ากระไรเล่า?”
“หลินจื้อ”
ต้านู๋ยิ้มพลางแตะบ่าหลินมู่อวี่ “น้องชายหลินจื้อ ท่านราชทูตใหญ่ให้คำมั่นว่าหากทำการเคลื่อนย้ายแร่ทองจากภูเขาขวานไฟสำเร็จ เราจะได้คนละพันเหรียญทองเป็นค่าตอบแทน อ้อ…แล้วเมียดีๆ นั้นไม่แแพงเลย แค่คนลองร้อยเหรียญทองเท่านั้น เจ้ายังหนุ่มยังแน่นซื้อไว้สักห้าคนก็ยังไหว ฮ่าๆ”
หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างขวยเขิน “พี่ต้านู๋พูดเป็นเล่น ข้ายังไม่เคยมีเลยสักคน…”
ต้านู๋ “…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตื่นเต้นมาจากด้านในเหมือง “ได้แล้ว…เราได้มาแล้ว…”
“ได้สิ่งใดหรือ?” หลินมู่อวี่สงสัย
เสียงจากด้านในตอบกลับโดยพลัน เข้าตอบพลางหัวเราะไปด้วย “ท่านทหารเหรียญทอง เราได้แร่เพชรของรับ รีบแจ้งท่านราชทูตใหญ่เร็ว เราได้แร่เพชรมาแล้ว!”
หลินมู่อวี่ไม่เข้าใจ รีบรุดเข้าไปด้านในพร้อมทหารคนอื่นๆ เมื่อใช้แสงจากคบเพลิงสาดเข้าไปก็พบว่ามีกลุ่มคนงานยืนอยู่เป็นกระจุกอยู่ใต้ชั้นเหมือง หินหนาหลายก้อนถูกกะเทาะออกกระทั่งปรากฏบางสิ่งคล้ายคริสทัล เพชรสีขาวในตำนานอย่างนั้นหรือ?
เพชรสีขาว…ต่างจากเพชรทั่วไปอย่างไรกันแน่?
ผู้คนในโลกนี้ไม่ชอบเพชรธรรมดา…ทว่าดูเหมือนจะชอบเพชรสีขาว แล้วผลึกคริสทัลแวววาวนี้มีประโยชน์อะไรกันแน่?
……………………