The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 177 การสนทนาอย่างลับๆ
“อ…อึก…”
เจียงเฟิงลี่จับกระบี่เหลียวหยวนก่อนที่เลือดสดๆ จากหน้าอกจะไหลอาบคมดาบ ทว่าก็ระเหยไปอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินมู่อวี่อย่างไม่เต็มใจพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “น…นี่มันพลังอะไรกัน….เจ้าทำลายดาบวายุคลั่งของข้าได้อย่างง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ?”
หลินมู่อวี่มิได้พูดสิ่งใด เขาหมุนกระบี่อย่างช้าๆ จนทำให้เจียงเฟิงลี่ร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาก่อนจะค่อยๆ หมดลมหายใจ
‘พลั่ก!’
ร่างไร้วิญญาณของเจียงเฟิงลี่ล้มลงกับพื้นอย่างแรงจนฝุ่นตลบ การตายของเขาถือว่าเป็นจุดจบของกลุ่มทหารรับจ้างเทียนจิงบนผืนแผ่นดินนี้
“เจียงเฟิงลี่ตายแล้ว พวกเจ้ายังไม่ยอมจำนนอีกงั้นรึ?!”
หลัวอวี่ควบมาเข้ามาในจัตุรัสก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น ทันใดนั้นเหล่าทหารรับจ้างต่างทิ้งอาวุธและยอมจำนน กระนั้นก็ไม่สามารถนับว่าเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบสำหรับสำนักอัศวิน เนื่องจากทหารเหรียญทองและเหรียญเงินเสียชีวิตไปหลายนาย มันจึงกลายเป็นชัยชนะอันขมขื่น
“โอ้…”
ประตูสีทองอันวิจิตรงดงามถูกเปิดออก หลัวอวี่จับประตูก่อนจะมองไปที่ผู้อยู่ด้านหลังพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลินหยาน ไม่มาดูสมบัติที่เจียงเฟิงลี่รวบรวมมาทั้งชีวิตด้วยกันหรือ?”
“ขอรับ”
หลินมู่อวี่ใจเต้นเร็วผิดจังหวะก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมหลัวอวี่ โดยมีทหารฝึกหัดถือคบเพลิงอยู่ด้านหน้า ถ้ำนี้ลึกมากและมีกลิ่นตะไคร่น้ำ ทว่าเมื่อเปิดประตูบานที่สองด้วยกุญแจจากร่างเจียงเฟิงลี่ แสงสีทองเปล่งประกายพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า จวนทองคำมิได้ใหญ่โตนักซึ่งมีขนาดราวๆ ห้าสิบตารางเมตร ทว่า…กลับมีทองอยู่มากมาย เหรียญทองส่องแสงเรืองรองภายใต้แสงสว่างจากคบเพลิง
หลัวอวี่ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปด้านหน้าและหยิบหีบใบหนึ่งซึ่งบรรจุเหรียญทองเอาไว้เต็ม มีบางส่วนตกลงพื้นขณะที่หลัวอวี่กล่าว “แต่ละหีบคงบรรจุเหรียญทองอย่างน้อยๆ ก็หนึ่งพันเหรียญ! จ…เจียงเฟิงลี่คงลาดตระเวนอย่างหนักมาตลอดหลายปีจนรวบรวมเหรียญทองมาได้ถึงหนึ่งร้อยหีบ!!”
หลินมู่อวี่แอบยิ้ม เหรียญทองหนึ่งร้อยหีบมีค่าเท่ากับหนึ่งแสนเหรียญทอง ทว่าในถุงสรรพสิ่งของเขามีเหรียญทองมากถึงสามแสนแปดหมื่นเหรียญทอง! เมื่อเทียบกันแล้ว…หลินมู่อวี่นั้นร่ำรวยกว่าอีก!
“ท่านราชทูต ดูนั่น!”
ทหารฝึกหัดถือหีบโลหะที่ตกแต่งด้วยสีทองอย่างงดงาม เมื่อเปิดออกก็พบว่ามันเต็มไปด้วยเหรียญเพชรซึ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
“มีเหรียญเพชรอยู่ที่นี่จริงๆ!” หลัวอวี่กล่าวอย่างตื่นตกใจ
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ที่นี่มีเหรียญเพชรอย่างน้อยสองร้อยเหรียญ ดูเหมือนว่าเจียงเฟิงลี่จะขโมยของดีมาทีเดียว”
หลัวอวี่พยักหน้าก่อนจะออกคำสั่ง “ปิดผนึกหีบเหรียญเพชรและนำกลับไปกองบัญชาการ”
“ช้าก่อน”
มุมปากหลินมู่อวี่ยกขึ้นก่อนจะเผยยิ้มชั่วร้าย “หลัวอวี่…ท่านวางแผนจะนำเหรียญเพชรทั้งหมดกลับกองบัญชาการอย่างนั้นรึ? มิใช่ว่าสิ่งนี้จะเป็นการทำให้ราชทูตใหญ่จีหยางเหิมเกริมมากยิ่งขึ้นหรือ?”
หลัวอวี่ตกตะลึง “หลินหยาน…เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“เราควรเก็บมันไว้เอง” หลินมู่อวี่พลันหันมองทหารฝึกหัดพร้อมปล่อยจิตสังหาร พวกเขาไม่สามารถให้คนนอกรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้
หลัวอวี่โบกมือปรามพร้อมกล่าวว่า “มิต้องเป็นกังวล เขาเป็นทหารคนสนิทของข้าและจะไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้ ทว่าหลินหยาน…เราจะแอบเก็บเหรียญเพชรเหล่านี้ไปจริงๆ หรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสายตาแน่วแน่ “หากเรามอบสิ่งนี้ให้จีหยาง เขาคงใช้มันทั้งหมดไปกับกองทัพเป็นแน่ และเมื่อสำนักอัศวินทรงพลังมากขึ้น อาจกลายเป็นฝันร้ายสำหรับชาวเมือง ท่านเองก็เห็นมิใช่หรือว่าสำนักอัศวินปฏิบัติต่อชาวเมืองอย่างไร”
หลัวอวี่กัดฟันพูด “เอาล่ะ เราจะแบ่งเหรียญเพชรเหล่านี้กันคนละครึ่ง ตกลงไหม?”
“ตกลง!”
จากนั้นพวกเขาก็ลงมือกันอย่างรวดเร็ว มีเหรียญเพชรทั้งหมดสองร้อยยี่สิบแปดเหรียญ หลัวอวี่นำเหรียญใส่ถุงผ้าแล้วซุกไว้ที่หน้าอก ส่วนหลินมู่อวี่โยนเหรียญเพชรหนึ่งร้อยสิบสี่เหรียญเข้าถุงสรรพสิ่งก่อนจะยัดไว้ที่แขนเสื้อ แม้แต่หลัวอวี่ก็ไม่ทราบว่าเขาซ่อนมันไว้ที่ใด
“ท่านขอรับ ที่นี่มีอาวุธด้วย!” ทหารฝึกหัดร้องเรียกทั้งคู่
ภายใต้แสงของคบเพลิง พวกเขาพบอาวุธอยู่ด้านหลังหีบเหรียญทอง พวกมันมีแสงเปล่งประกายอยู่รอบๆ ขณะที่สัตว์วิญญาณแผดเสียงคำราม หลินมู่อวี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธจึงเดินไปหยิบขึ้นมาตรวจสอบก่อนจะพูดว่า “นี่เป็นอาวุธระดับภูตขั้นสาม ไม่เลวเลย…นอกจากนี้ยังมีทวนระดับนิลขั้นสี่ซึ่งเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในกองนี้”
หลัวอวี่ยิ้มดีใจราวกับเจอขุมสมบัติ “อาวุธระดับต่ำสุดของที่นี่กลับเป็นอาวุธระดับยิ่งยวด ฮ่าๆๆ…เจ้าโง่เจียงเฟิงลี่ไม่ยอมใช้อาวุธที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ ไม่แปลกใจเลยที่ทหารรับจ้างเทียนจิงจึงถูกเราจัดการได้อย่างง่ายดาย”
หลินมู่อวี่กล่าวเสียงแผ่วเบา “บางทีเจียงเฟิงลี่อาจมองอาวุธเหล่านี้เป็นทรัพย์สมบัติ แทนที่จะเป็นสิ่งของในการสังหารผู้คน”
“อืม…แล้วเราควรจัดการพวกมันอย่างไรดี?”
“เราจะมอบให้กองบัญชาการ…อาวุธเหล่านี้มิได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น”
“อา…” หลัวอวี่ลังเลเล็กน้อย เขาทราบว่าหลินมู่อวี่เป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธและมิได้สนใจอาวุธเหล่านี้ เพียงแต่หลัวอวี่รู้สึกเสียดายอาวุธตรงหน้า ทว่าก็ไม่มีทางเลือกอื่น…อาวุธเหล่านี้สังเกตเห็นได้ง่ายซึ่งไม่เหมือนเหรียญเพชร หากจีหยางรู้ว่าพวกเขาแอบเก็บบางส่วนไว้…หลัวอวี่แทบไม่อยากนึกถึงผลตามมาเลย
ไม่นานเหล่าทหารและทหารฝึกหัดก็เข้ามาช่วยกันขนเหรียญทองและอาวุธออกไป หลินมู่อวี่และหลัวอวี่เดินออกมาพร้อมกับมองไปที่พื้นอย่างเงียบๆ
แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากมาย ทว่าคนของสำนักอัศวินยังคงร่าเริงเป็นปกติ ราวกับว่าความตายของผู้ที่ต่อสู้เคียงข้างพวกเขามิได้มีความสำคัญอันใด
หลังอาทิตย์อัสดงก็เหลือทหารคอยเฝ้าอยู่ที่ภูเขาทางเหนือเพียงสองร้อยนาย ส่วนที่เหลือกว่าพันนายช่วยกันลำเลียงสิ่งของและเชลยศึกกลับกองบัญชาการ คบเพลิงจำนวนมากย้อมท้องฟ้าสว่างไสว และแม้แต่ร่างไร้วิญญาณของเจียงเฟิงลี่ก็ถูกโยนไว้บนรถม้าเพื่อนำกลับไป ผู้นำทหารรับจ้างเทียนจิงผู้นี้เปลี่ยนตัวเองเป็นโจรปล้นสะดม แม้จะสร้างชื่อไปทั่วหล้า แต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
‘ตึง ตึง ตึง…’
เสียงกลองสงครามดังกึกก้องทั่วกองบัญชาการของสำนักอัศวิน ผู้คนมากมายออกมาต้อนรับ และเมื่อเห็นเกวียนซึ่งเต็มไปเหรียญทองก็ทำให้ทุกคนดวงตาเป็นประกาย
เมื่อเกวียนถูกลำเลียงขึ้นมาบนภูเขา บริเวณลานกว้างของกองบัญชาการก็เต็มไปด้วยผู้คน ทันใดนั้นฝูงชนพลันเคลื่อนตัวและเปิดทางออกจนสามารถเห็นจีหยางและหลี่เฉียนซุนเดินเข้ามา จีหยางหัวเราะร่าก่อนจะกล่าวว่า “ราชทูตหลัวอวี่และทหารเหรียญทองหลินหยาน พวกเจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ และดูเหมือนว่าจะนำหัวเจียงเฟิงลี่กลับมาด้วยใช่หรือไม่?”
“ขอรับ”
หลัวอวี่ประสานมือและกล่าวว่า “ท่านหลินหยานเป็นผู้สังหารเจียงเฟิงลี่ขอรับ ทว่า…ทหารเหรียญทองหลงหยานถูกเจียงเฟิงลี่สังหาร ส่วนทหารเหรียญทองฟางซินถูกสังหารขณะที่เกิดความโกลาหล นอกจากนั้นเรายังสูญเสียทหารเหรียญเงินสามนาย ทหารเหรียญทองแดงสิบเอ็ดนาย ทหารเหรียญโลหะสามสิบสี่นาย และทหารชำนาญการห้าสิบนาย ศึกครานี้ถือเป็นชัยชนะอันขมขื่นขอรับ…”
“หลงหยานและฟางซินตายในสนามรบอย่างนั้นรึ?”
จีหยางเผยสีหน้าไม่พอใจ หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยก็กล่าวขึ้นว่า “ทหารรับจ้างแห่งภูเขาทางเหนือปล้นสะดมไปทั่วทุกสารทิศอย่างโหดเหี้ยม การที่สามารถจัดการทหารรับจ้างเทียนจิงได้ถือว่าเป็นการช่วยชาวบ้านให้รอดพ้นจากภัยอันตราย การตายของทหารเหรียญทองหลงหยานและเฟิงซินมิได้สูญเปล่า พวกเราจะจัดพิธีฝังศพให้พวกเขาในวันรุ่งขึ้น!”
“ขอรับราชทูตใหญ่!”
“นอกเหนือจากนั้น…เจ้านำกลับมาได้เท่าไหร่?” ดวงตาจีหยางเป็นประกายชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า “มีสมบัติอะไรอยู่ที่จวนทองคำ?”
หลัวอวี่ชี้ไปทางด้านหลังและกล่าวว่า “เราได้นำสมบัติทั้งหมดจากจวนทองคำกลับมาแล้วขอรับ เชิญท่านราชทูตใหญ่ตรวจสอบด้วยตัวเองได้เลย”
“ดี! ดี!”
เมื่อเห็นเกวียนที่เต็มไปด้วยเหรียญทอง จีหยางพลันกล่าวคำว่า’ดี’ออกมาถึงสองครั้ง และเมื่อเห็นเกวียนที่บรรทุกอาวุธวิญญาณมา เขาก็หัวเราะร่า “สำนักอัศวินขาดแคลนอาวุธวิญญาณให้แก่ทหารเหรียญเงินและเหรียญทองแดง ทว่าตอนนี้มีเพียงพอแล้ว ฮ่าๆๆ”
หลี่เฉียนซุนประสานมือและกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านราชทูตใหญ่ขอรับ ในที่สุดความตายของเจียงเฟิงลี่ก็สามารถขจัดปัญหาหนักอกของท่านได้ นับจากนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับสำนักอัศวินในป่าล่ามังกรได้อีก”
จีหยางเปี่ยมไปด้วยความสุขขณะที่มองหลินมู่อวี่และกล่าวว่า “น้องชายหลินหยาน เจ้าได้สังหารเจียงเฟิงลี่เพื่อสำนักอัศวินของเราและทำคุณงามความดีเสมอ ข้าจักส่งสารไปกองบัญชาการหลิงหนานเพื่อขอเลื่อนขั้นให้เจ้าเป็นราชทูต รวมทั้งได้รับค่าใช้จ่ายและสวัสดิการเยี่ยงราชทูต”
หลัวอวี่ หลี่เฉียนซุน และคนอื่นๆ ต่างประสานมือแสดงความยินดีกับหลินมู่อวี่
หลินมู่อวี่พลันยิ้มรับพวกเขา
จากนั้นเหล่าทหารฝึกหัดได้ก่อกองไฟในที่โล่งก่อนจะเฉือดลูกแกะหลายตัวเพื่อเอามาทำอาหาร จีหยางออกคำสั่งให้นำเกวียนเหรียญทองเข้าไปเก็บในกองบัญชาการ หลัวอวี่และหลินมู่อวี่ต่างถูกเรียกเข้าไปในฐานะราชทูต
เสียงอึกทึกภายนอกมิได้รบกวนความเงียบสงบภายในกองบัญชาการ จีหยางนั่งอยู่บนบัลลังก์และวางมือบนที่พักแขน ดวงตาของขาเปล่งประกายขณะที่กล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าร้านค้าแห่งจักรวรรดิพึ่งขายอาวุธดีๆ เมื่อไม่นานมานี้ และในเมื่อท่านหลินหยานเป็นผู้ที่คุณหนูจินเสี่ยวถังแนะนำให้แก่สำนักอัศวิน…เกรงว่าเราอาจต้องซื้ออาวุธและม้าเพิ่มจากร้านค้าแห่งจักรวรรดิ”
หลัวอวี่พึมพำ “ท่านราชทูตใหญ่ต้องการขยายกองกำลังเพิ่มอีกหรือขอรับ?”
จีหยางพยักหน้ารับก่อนกล่าวว่า “ถูกต้อง…แม้สำนักอัศวินจะเป็นเจ้าแห่งป่าล่ามังกรซึ่งไม่มีผู้ใดต่อกรได้ ทว่าข้าพึ่งได้รับสารว่าผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงแห่งองครักษ์อวี้หลินกำลังจับตาดูเราอยู่ หากเขานำทหารม้ากว่าหมื่นนายบุกโจมตี ข้าเกรงว่าสำนักอัศวินอาจล่มสลายหายไปจากเมืองหลวงทันที”
จากนั้นจีหยางพลันทุบกำปั้นลงบนโต๊ะและกล่าวต่อว่า “เราจำเป็นต้องตุนเสบียงอาหารและรศาสตราวุธให้มากขึ้น มิเช่นนั้นเราจะถูกเหล่าองครักษ์อวี้หลินกำจัดจนหมดสิ้น!”
หลินมู่อวี่ตกตะลึงเมื่อได้ยิน…มันเป็นความจริงที่ว่าสำนักอัศวินตั้งตนเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ ทว่าความแข็งแกร่งของกองกำลังสำนักอัศวินมิสามารถเทียบได้เลย เฟิงจี้สิงมีกองกำลังกว่าหมื่นนายซึ่งสามารถถล่มทั้งภูเขาให้ราบเป็นหน้ากลองได้อย่างง่ายดาย
หลินมู่อวี่ไม่ได้เก็บมาคิดมากนัก เขากลับห้องทันทีหลังจากการสนทนาจบลง
เมื่อมาถึงลานกว้างส่วนตัว หลินมู่อวี่พลันได้ยินเสียงเด็กสาวกรีดร้องพร้อมสาปแช่งต่างๆ นานา และกลิ่นสุราโชยตลบอบอวลในอากาศ
นี่มัน…มีบางอย่างเกิดขึ้น!
เขารีบเตะประตูห้องก่อนจะพบว่าทหารรักษาการณ์ทั้งสองนายนอนหมดสติอยู่ มีแสงไฟจางๆ รอดออกมาจากห้อง ทหารนายหนึ่งผู้มีเหรียญตราสีทองบนไหล่ได้ผลักเด็กสาวนามว่าหงอวี่ลงเตียง ทว่าหงอวี่ขัดขืนด้วยการเตะออกไปจนทำให้ทหารเหรียญทองผู้นั้นเกิดโทสะ ทันใดนั้น! เขาพลันยกมือและตบลงอย่างแรงพร้อมตะโกนด้วยความโกรธ “ในเมื่อหลินหยานไม่ต้องการ ก็ปล่อยให้ข้าผู้นี้จัดการเอง ผิดนักรึไง?”
………………………………….