The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 175 โจมตีภูเขาทางเหนือ
ณ บริเวณลานชุมนุมของกองบัญชาการ ผู้คนตะโกนโหวกเหวกผสมปนเปกับเสียงม้าร้อง กลุ่มทหารและทหารฝึกหัดขี่ม้าเตรียมตัวโจมตีภูเขาทางเหนือ
หลินมู่อวี่คว้ากระบี่เหลียวหยวนก่อนจะจูงม้าศึกฝ่าฝูงชนไปอย่างเงียบงัน
หลงหยานถือขวานสงครามและกล่าวอย่างประหม่า “แม่ง…เราไม่ได้สนิทกับราชทูตใหญ่เลย แต่ดันมอบหมายงานยากอย่างภารกิจจู่โจมภูเขาให้ ราชทูตหลัวอวี่…หรือเราจะแกล้งต่อสู้แล้วยอมแพ้ภายหลังดีขอรับ?”
หลัวอวี่เผยรอยยิ้มจางๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
…
ไม่นานทุกคนก็ขี่ม้าลงจากเขา กองกำลังมีทหารกว่าพันนายซึ่งเป็นจำนวนราวครึ่งหนึ่งของสมาชิกสำนักอัศวิน ท้ายขบวนมีเกวียนขนเสบียงหลายเล่ม เป็นนัยว่าจีหยางไม่อนุญาตให้กลับหากโจมตีภูเขาทางเหนือไม่สำเร็จ
หลินมู่อวี่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปขณะที่กวาดสายตาไปทั่วกลุ่ม มีราชทูตหนึ่งนาย ทหารเหรียญทองสามนาย ทหารเหรียญเงินสิบสองนาย ทหารเหรียญทองแดงยี่สิบสี่นาย ทหารเหรียญโลหะเก้าสิบนาย และทหารชำนาญการหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองนาย สำนักอัศวินส่งกองกำลังออกไปมากกว่าครึ่ง ทว่าหลินมู่อวี่เคยเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างเทียนจิงมาแล้ว ทหารเหล่านั้นอาจมีความสามารถอยู่ในขอบเขตปฐพีสะส่วนใหญ่ ทว่า…พวกเขาก็แค่คนธรรมดา มิได้มีพลังพิเศษอันใด…ซึ่งกองกำลังของจีหยางจะเอาชนะทหารรับจ้างจำนวนมากเหล่านั้นคงเป็นจริงได้ไม่ยาก
‘พรึ่บ!’
หลงหยานเปิดแผนที่ดูอย่างละเอียดก่อนกล่าวว่า “เราควรจะไปถึงภูเขาทางเหนือในช่วงบ่าย จากนั้นบุกโจมตีทันที หรือ…พักผ่อนก่อนและโจมตีในวันถัดไปดีขอรับ?”
หลัวอวี่เผยท่าทางเรียบเฉยและกล่าวว่า “ทหารรับจ้างเทียนจิงขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม และเรามีเหล่ายอดฝีมือมากมายจากสำนักอัศวิน ดังนั้นมิควรลังเลที่จะจัดการให้เร็วที่สุด”
“ขอรับ!”
…
พวกเขาหยุดพักที่หุบเหวในช่วงบ่าย กินอาหารง่ายๆ อย่างพวกเนื้อสัตว์และไวน์เพื่อให้อิ่มท้องไป
หลินมู่อวี่จูงม้าเล็มหญ้าไปตามทาง เนื่องจากหิมะกำลังละลาย จึงมีหญ้าเพียงพอสำหรับม้าศึก ทันใดนั้นทักษะชีพจรวิญญาณก็สัมผัสได้ถึงความผันผวน หลินมู่อวี่พลันขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะสัมผัสได้ว่า…ราวสองกิโลเมตรทางเหนือมีพลังงานหนาแน่นซึ่งมาจากกลุ่มคนขอบเขตปฐพีราวสี่สิบคน
“ท่านราชทูตหลัวอวี่”
หลินมู่อวี่หันมากล่าว “ทางเหนือห่างไปไม่กี่กิโลเมตร มีกลุ่มคนไม่ทราบจำนวนซุ่มโจมตีอยู่ และดูเหมือนว่าจะรู้ตำแหน่งของเราแล้วขอรับ”
“เตรียมตัวปะทะ!”
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นพร้อมชักกระบี่ออกจากเอว เขายิ้มเย็นชาและกล่าวว่า “ทหารรับจ้างเทียนจิงกล้าละทิ้งความได้เปรียบทางยุทศาสตร์เพื่อโจมตีเรา ซึ่งนั่นเป็นการรนหาที่ตาย! พลโล่ไปด้านหน้าและพลธนูเตรียมพร้อม!”
หลินมู่อวี่คว้าคันธนูจากหลังม้าและหยิบลูกธนูออกมา ถึงเวลาต้องแสดงฝีมือการยิงธนูแล้ว!
ไม่นานก็ได้ยินเสียงม้าดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มทหารรับจ้างราวสองพันคนพุ่งตัวเข้ามาอย่างหนาแน่น หลัวอวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับหลินมู่อวี่ว่า “โชคดีที่ท่านหลินหยานสังเกตเห็นพวกเขาตั้งแต่เนิ่นๆ ท่านทำได้อย่างไรกัน?”
หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “มันเป็นศาสตร์ลับที่ข้าบอกไม่ได้น่ะ”
หลัวอวี่พลันหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไรอีก
ขณะเดียวกันทหารรับจ้างเทียนจิงชักกระบี่และทวนยาวออกมาพร้อมควบมาพุ่งตรงมาขณะที่คำรามกึกก้อง “บุกเข้าทำลายพวกมันซะ!”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ใช้พลังง้างสายธนูจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เต็มดวง และเปลี่ยนปราณยุทธ์เป็นแก่นเพลิงมังกรโคจรรอบลูกศร แนวหน้าของศัตรูส่วนใหญ่อยู่ราวระดับที่ยี่สิบห้าซึ่งเป็นขอบเขตมนุษย์ระดับที่สาม ‘ฟิ้ว’ เสียงลูกธนูแหวกอากาศทำลายความเงียบสงบก่อนเปลี่ยนเป็นลำแสง
‘ฉึก…’
ลูกธนูที่อัดแน่นไปด้วยแก่นเพลิงมังกรจากผู้ชำนาญการขอบเขตนภา ไม่มีทางที่ผู้ชำนาญการขอบเขตมนุษย์จะสามารถป้องกันได้ ชายผู้นั้นส่งเสียงร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาพร้อมตกจากหลังม้าและปรากฏรูขนาดใหญ่กลางหน้าอก
“ฝีมือยิงธนูข้าไม่เลวเลย…” หลินมู่อวี่กล่าวอย่างภูมิใจ
หลินมู่อวี่คว้าลูกธนูดอกที่สองออกมาเล็งที่ทหารรับจ้างอีกนาย ‘ฟิ้ว’ มันพุ่งแหวกอากาศก่อนจะกระทบกับก้อนหินดัง ‘เคร้ง’ มีอานุภาพมากพอทว่าขาดความแม่นยำจึงพลาดเป้าไปสองเมตร
หลงหยานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ทักษะการยิงธนูของท่านหลินหยานน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
เมื่อถูกกลั่นแกล้งโดยบุคคลที่มีแต่กล้ามทว่าไม่มีสมอง หลินมู่อวี่พลันเผยยิ้ม และยิงธนูออกไปกว่ายี่สิบดอก ทว่าเขาจัดการศัตรูไปได้เพียงแปดคนเท่านั้น ทันใดนั้นทหารรับจ้างก็บุกมาถึงแนวหน้า ก่อนที่จะแลกกันโจมตีจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
‘เปรี้ยง!’
กระบี่เหลียวหยวนถูกชักออกมาขณะที่หลินมู่อวี่พุ่งตัวพร้อมเปลี่ยนแก่นเพลิงมังกรเป็นปราณยุทธ์กระบี่ ทันใดนั้น! เขาก็ฟาดมันใส่กลุ่มศัตรู ไม่มีใครสามารถหยุดกระบี่เหลียวหยวนได้ก่อนจะสังหารชายแปดคนในพริบตาเดียวอย่างง่ายดาย
ทว่าหลินมู่อวี่ต้องให้ความสำคัญกับสองสิ่งขณะที่ต่อสู้ นั่นคือเขาไม่สามารถใช้ปราณยุทธ์สงครามและวิญญาณยุทธ์ได้ จึงต้องระมัดระวังเวลาสังหารศัตรู ส่วนหลัวอวี่ หลงหยาน และเหล่าทหารขอบเขตปฐพีฝ่าเข้าวงล้อมศัตรูอย่างดุเดือด และวิญญาณยุทธ์ของพวกเขาคำรามกึกก้องราวกับเป็นการสังหารหมู่
‘ชิ้ง!’
ทันใดนั้น! ลำแสงเยือกเย็นพุ่งตรงมาทางด้านหลังซึ่งมาจากทวนของผู้ชำนาญการขอบเขตปฐพี!
หลินมู่อวี่ขยับหลบไปด้านข้าง ทันใดนั้น! ทวนก็พุ่งผ่านใต้รักแร้อย่างรวดเร็ว ชายผู้นั้นมีรอยบากทั่วใบหน้าพร้อมทั้งสวมตราสัญลักษณ์สีทองกลางหน้าอก เขามีความแข็งแกร่งระดับห้าสิบและคงเป็นหัวหน้ากองทหารกว่าสองพันนายเหล่านี้ มือซ้ายหลินมู่อวี่คว้าด้ามทวนไว้ ก่อนที่ดาบเหลียวหยวนจะถูกปกคลุมไปด้วยแก่นเพลิงมังกรลุกโชน
‘เปรี้ยง’ ทวนในมือหักครึ่งก่อนที่หลินมู่อวี่จะคว้าคอเสื้อของชายผู้นั้นลงจากหลังม้า ทันใดนั้น! เขาพลันม้วนตัวกลางอากาศพร้อมปล่อยลูกเตะใส่หน้าอกหลินมู่อวี่ด้วยมุมที่แปลกประหลาด
หลินมู่อวี่ตกตะลึง ทหารรับจ้างเหล่านี้ป่าเถื่อนยิ่งนัก!
เขายกแขนซ้ายขึ้นป้องกันก่อนที่มือขวาจะปรากฏแสงจางๆ ปลดปล่อยพลังยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของหนึ่งประทีปเข้าสู่ด้ามกระบี่ จากนั้นก็ฟาดลงท้ายทอยของทหารรับจ้างนายนั้นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!
‘เปรี้ยง!’
ผู้ชำนาญการขอบเขตปฐพีส่งเสียงหายใจเฮือกก่อนจะหมดสติ หลินมู่อวี่โยนเขาลงพื้นและออกคำสั่ง “มัดมันไว้!”
ทว่าหลงหยานไม่ได้หยุดแค่นั้น เขาเดินตรงไปพร้อมขวานสงคราม ‘ชัวะ!’ เลือดสาดกระเซ็นทั่วทุกทิศและศีรษะของผู้นำทหารรับจ้างก็หลุดออกจากบ่า หลงหยานพลันชูศีรษะนั้นขึ้นและตะโกนกึกก้อง “เจ้าพวกทหารรับจ้างเทียนจิง ศีรษะผู้นำของเจ้าถูกตัดออกแล้ว วางอาวุธลงซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิต!”
เหล่าทหารรับจ้างตกตะลึงก่อนจะเผยความสิ้นหวัง “ผู้นำลำดับที่สอง…ตะ…ตายแล้วหรือ?”
หลินมู่เองก็ตกตะลึง ชายผู้นี้เป็นผู้นำลำดับที่สองของทหารรับจ้างเทียนจิง ไม่แปลกใจเลยที่มีความแข็งแกร่งถึงระดับห้าสิบ ทว่าเขากลับโดนหลงหยานตัดศีรษะอย่างน่าสังเวช
…
‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง…’
เสียงกระบี่หลายเล่มตกลงพื้นหิน ทหารรับจ้างกว่าพันนายต่างยอมจำนน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่สามารถต่อกรด้วย…ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะสู้ต่อไป
“มัดมือพวกมันทั้งหมด!”
หลัวอวี่เลิกคิ้วกล่าว “ทหารเหรียญเงินหลิวเซียง นำเหล่าพี่น้องของเราร้อยนายมาช่วยกันพานักโทษเหล่านี้กลับไป ผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมสำนักอัศวินก็ปล่อยไว้เสีย ส่วนพวกที่ไม่ต้องการก็ให้ราชทูตใหญ่จัดการ!”
“ขอรับท่านราชทูต!”
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทว่าการเก็บกวาดนั้นเร็วยิ่งกว่า ทหารรับจ้างกว่าพันนายถูกมัดราวกับเกี๊ยวและถูกพากลับสำนักอัศวินด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
หลงหยานถือขวานเปื้อนเลือดตรงเข้ามาหาหลินมู่อวี่และมองด้วยสายตาประหลาดใจ “ท่านหลินหยานมิใช่อยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่สองหรือขอรับ? เหตุใดผู้นำทหารรับจ้างเทียนจิงผู้อยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่สามจึงพ่ายแพ้ต่อท่านภายในสามกระบวนท่า!”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เขาคงพักผ่อนไม่เพียงพอจึงสู้ได้ไม่เต็มที่กระมัง?”
หลงหยานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แต่…ข้าได้ยินมาว่าสามสาวงามจากหมู่บ้านทะเลครามถูกส่งไปให้ท่าน คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอในค่ำคืนนี้น่าจะเป็นท่านนะขอรับ!”
หลินมู่อวี่ยิ้มกระอักกระอ่วนก่อนจะถูจมูก “ข้าเป็นคนซื่อตรง ไม่เหมือนกับเจ้าหรอก”
หลงหยานยกขวานขึ้นพร้อมหัวเราะร่า “ท่านหลินหยานเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ!”
หลัวอวี่กล่าวขึ้น “ไปกันเถิด เราต้องเดินหน้าต่อและใช้ประโยชน์จากแรงกระตุ้นนี้โจมตีภูเขา”
“ขอรับ!”
กองทหารเดินทางมาถึงภูเขาทางเหนือในช่วงบ่ายแก่ เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นภูเขาเขียวชอุ่มซึ่งเป็นยุทศาสตร์ที่ดีมาก มีหน้าผาชันด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก มีเพียงถนนเส้นเดียวทางทิศใต้ มีป้อมปราการหินถูกสร้างขึ้นบนส่วนสูงชัน มันถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา อีกทั้งเป็นทางลาดชันทำมุมสี่สิบห้าองศาทำให้ม้าไม่สามารถบุกขึ้นไปได้
“ทหารเหรียญเงินทุกนายเตรียมตัว แบ่งกองกำลังสองร้อยนายเข้าโจมตีเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา!” หลัวอวี่ออกคำสั่งเสียงดัง
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “นั่นเท่ากับเป็นการส่งพวกเขาไปตาย…”
หลัวอวี่เผยรอยยิ้มจางๆ “วางใจได้ ทหารเหรียญทองอีกสามนายจะติดตามไปกับข้า พวกเราจะปีนหน้าผาทางทิศตะวันออกและโจมตีจากที่นั่น หากเปิดประตูหินได้ รังของพวกทหารรับจ้างเทียนจิงก็จะถูกทำลาย”
ใบหน้าหลินมู่อวี่เปลี่ยนเป็นเย็นชา หลัวอวี่เป็นคนเงียบขรึม ทว่ากลับโหดเหี้ยมมาก แม้ว่าหลัวอวี่มิได้บัญชาการกองทหารอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขารู้วิธีโจมตีจุดอ่อนของศัตรูซึ่งเป็นพรสวรรค์ของแม่ทัพ
ในเวลาเดียวกันเหล่าทหารเหรียญเงินพุ่งออกไปโจมตีพร้อมโล่ ทหารหลายนายปลดปล่อยปราณยุทธ์เพื่อป้องกันตัวเอง
พวกเขาพุ่งตัวฝ่าลูกธนูที่ตกลงมาราวกับห่าฝนบนโล่และเกราะปราณยุทธ์ นั่นเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดของจอมยุทธ์ระดับสูง เนื่องจากลูกธนูไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่พวกเขาได้
“ใช้ก้อนหิน!” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวขึ้นจากป้อมปราการ
สิ้นเสียงก้อนหินขนาดยักษ์มากมายก็กลิ้งตกลงมาจากหน้าผา เหล่าทหารเหรียญเงินต่างชักอาวุธออกมาฟันก้อนหินอย่างรวดเร็ว ทว่าทหารเหรียญเงินนายหนึ่งไม่มีพลังมากพอที่จะผ่าก้อนหินได้ ทันใดนั้น! ก้อนหินกลิ้งทับร่างเขาจนแบนติดพื้น ทหารนายนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวังเทียนเซี้ย!
หลินมู่อวี่ถอนหายใจ หวังเทียนเซี้ยขโมยจิ้งจอกเงินอายุหนึ่งพันหนึ่งร้อยปีของเขาไปก่อนจะได้เลื่อนขั้นเป็นทหารเหรียญเงิน กระนั้นหวังเทียนเซี้ยก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากพอจนต้องจบชีวิตในที่สุด
“ไปกันเถิด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราแล้วตอนนี้”
หลัวอวี่พลันตบไหล่หลินมู่อวี่ เหล่าทหารเหรียญทองลงจากหลังม้าก่อนจะปีนหน้าผาทางทิศตะวันออกพร้อมอาวุธคู่กาย!
………………..………………..