The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 12 ป่าสัตตะดารา 2
ในตอนนี้เอง เสียงกีบเท้าม้าดังขึ้น บุรุษในชุดยาวสีขาวกระตุ้นม้าตรงมาที่พวกเขา ชุดของบุรุษผู้นี้ปักลวดลายงดงามและมีตราประทับดอกจื่อยินประดับอยู่ แค่เห็นก็รู้ว่ามีชาติตระกูล เขามองหลินมู่อวี่ แล้วมองไปที่ขวดโอสถ และยิ้มเยาะ “ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่สามารถสกัดแก่นโอสถของต้นเหล็กทมิฬได้อย่างน้อยก็อายุสามสิบห้าปี เด็กนี่พูดจาโอ้อวด มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกต้มตุ๋น ท่านหัวหน้านัยน์ตาเหยี่ยว ท่านจะไปล่าพยัคฆ์กระหายเลือด ยังต้องมีบุคคลสำคัญด้วยไม่ใช่หรือไง ข้าคิดว่าเขาเหมาะสมนัก”
“ ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเตือนความจำข้า!”
นัยน์ตาเหยี่ยวหยิบโอสถทั้งสามสิบขวดด้วยแววตากระหายเลือด หลังจากนั้นเขาพูดกับหลินมู่อวี่ว่า “แม้ว่าโอสถของเจ้าจะเป็นเกรดหนึ่งและเกรดสองทั้งคู่ แต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะมีฤทธิ์เหมือนที่ร่ำลือหรือไม่ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เจ้ามากับข้า ถ้าภารกิจของพวกข้าสำเร็จลุล่วง ข้าจะจ่ายให้เจ้ายี่สิบเหรียญทองตามสัญญา เจ้าว่าไง”
“ ไปกับเจ้า ? ไปไหน”
“ ป่าสัตตะดารา ภารกิจครั้งนี้ก็คือการล่าสัตว์วิญญาณอายุสามพันปี พยัคฆ์กระหายเลือด!”
หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายนั้นมีความน่ากลัวมากเพียงใด แต่ฉู่เหยาถึงกับตะลึงงัน รีบขวางหน้าหลินมู่อวี่ทันทีและพูดว่า “ไม่… อาอวี่ไม่ไปกับเจ้าหรอกย่ะ พวกเจ้าจะไปล่าพยัคฆ์กระหายเลือด พวกเจ้าก็ไปกันเองสิ!”
นัยน์ตาเหยี่ยวแย้มยิ้ม พร้อมเอ่ยว่า “โอ้ แม่นางน้อยคนสวย เจ้าคงไม่อยากเห็นเจ้าหนุ่มน้อยของเจ้าตายล่ะสิ วางใจเถอะ พวกเรากองทหารรับจ้างเหยี่ยวเพลิงไม่ปล่อยให้เขาตายหรอกน่า!”
ฉู่เหยาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยืนกรานหนักแน่น “ไม่ได้! พยัคฆ์กระหายเลือดอายุสามพันปี มีพละกำลังอย่างน้อยเทียบเท่าขั้นเทพเจ้าระดับหกสิบ เจ้า… เจ้าเป็นแค่อาวุโสสงครามระดับที่สี่สิบสอง ห่างกันถึงสองขั้น ถึงจะมีคนมาก ก็ใช่ว่าจะ สังหารพยัคฆ์กระหายเลือดได้!”
นัยน์ตาเหยี่ยวเลิกคิ้ว ชี้ไปที่ด้านหลังของตน พูดว่า “เจ้าอย่าได้ดูถูกพวกข้าเกินไป ไม่เห็นหรือว่าพวกข้านำลูกธนูอาบยาชาและเครื่องยิงธนูขนาดใหญ่มาด้วย พยัคฆ์กระหายเลือดก็แค่สัตว์โง่ๆ ตัวหนึ่ง ใช่คู่ต่อสู้ของกับพวกข้าที่ไหน”
นัยน์ตาเหยี่ยวพูดจบก็ยื่นมือไปคว้าแขนของหลินมู่อวี่ “มาเถอะ เจ้าหนู!”
หลินมู่อวี่ไม่พอใจ ปล่อยหมัดข้างขวาออกไปเต็มแรง เสียง “ปัง” ดังขึ้นที่แขนขวาของตาเหยี่ยว บริเวณโดยรอบเงียบสงบและทุกคนจ้องมองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว ตาเหยี่ยวตกตะลึงและรู้สึกเจ็บปวดที่แขน เขายิ้มเยือกเย็นและกล่าวว่า “ไอ้หนู เจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธเหมือนกันหรือ”
“ ข้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ เจ้าไม่ต้องพาข้าไป…” แน่นอนว่าหลินมู่อวี่ก็กลัวตายเหมือนกัน
“ ถ้าวันนี้ข้าจะพาเจ้าไปให้ได้ล่ะ”
“ ไม่มีทาง!”
“ งั้นหรือ”
นัยน์ตาเหยี่ยวชี้นิ้วแล้วพูด “ มังกรตาเดียว ไปจับนางผู้นั้นไว้ ข้าจะดูซิว่าไอ้หนูนี่จะเต็มใจไปจับพยัคฆ์กระหายเลือดกับพวกเราหรือไม่!”
“ ขอรับ หัวหน้า!”
ทหารรับจ้างตาเดียวรีบเข้าไปจับฉู่เหยาไว้ คิดไม่ถึงว่านางจะก้มตัวลงต่ำทันที กลุ่มพลังบนฝ่ามือแปรเปลี่ยนเป็นรูปใบไม้สี่ใบ เสียงดังเพียะ ฝ่ามือประทับเข้ากลางอกทหารรับจ้างผู้นั้น เพียงฝ่ามือเดียวก็ทำให้ทหารผู้นั้นกระอักเลือด
“ หืม ?”
ตาเหยี่ยวตกตะลึง “แม่นางน้อยผู้นี้มีพลังอยู่ขั้นสิบเก้าระดับแม่ทัพฮ่า ฮ่า…น่าสนใจ!”
ทันใดนั้นตาเหยี่ยวตะโกนออกมา มือข้างนึงคอยจัดการหลินมู่อวี่ อีกมือจับฉู่เหยา พลังนั้นน่าตกตะลึงยิ่งนัก! เปลวเพลิงพิโรธปรากฏขึ้นระหว่างฝ่ามือของเขา เปลวเพลิงห่อหุ้มนิ้วทั้งห้าคล้ายดังกรงเล็บจับฉู่เหยา เมื่อเจอกับพลังเช่นนั้น ไฉนเลยฉู่เหยาจะต่อกรได้ คลื่นลมปราณที่นางผนึกไว้ได้สลายหายไป และนางก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของนัยน์ตาเหยี่ยว
“ มัดพวกมัน แล้วโยนขึ้นหลังม้า พาพวกมันไปกับเราด้วย!”
นัยน์ตาเหยี่ยวตะโกนเสียงดังก้อง สองสามนาทีให้หลังหลินมู่อวี่ถูกมัดมือทั้งสองไว้แล้วโยนขึ้นหลังม้า ฉู่เหยาถูกมัดมือทั้งสองเหมือนกันแต่หลวมกว่าหน่อยและถูกโยนไปอยู่ด้านหลังหลินมู่อวี่ จากนั้นทหารรับจ้างนายหนึ่งจูงม้าพาทั้งสองคนออกนอกเมืองไปทั้งแบบนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมากจนคนแถวนั้นไม่มีใครห้ามได้ทัน
หรือบางทีอาจไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะในเมืองหยินซานนี้ นัยน์ตาเหยี่ยวขึ้นชื่อเรื่องความชั่ว ใครบ้างที่ไม่รู้เรื่องนี้
ในไม่ช้า ทั้งหมดก็ออกห่างจากเมืองใหญ่ และมุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบ
ฉู่เหยาที่ถูกมัดไว้ด้านหลังของหลินมู่อวี่นิ่งเงียบตลอดทาง
“ พี่ฉู่เหยา ข้าขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะข้า…” หลินมู่อวี่ที่อดทนมาพักใหญ่ได้แต่พูดขอโทษ
ฉู่เหยากลับแย้มยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าทหารรับจ้างพวกนี้แน่ใจในประสิทธิภาพของโอสถ พวกมันคงจะปล่อยเราไป…”
“ ง่ายแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ”
หลินมู่อวี่ฝืนยิ้ม ถึงแม้เขาจะอ่อนกว่าฉู่เหยาแค่หนึ่งปี แต่เขาผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาเยอะกว่านางมาก และรู้ถึงความชั่วร้ายของมนุษย์ทหารรับจ้างกลุ่มนี้พาพวกเขามาด้วยต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน ก็ได้แต่หวังว่า คงจะไม่ใช่จุดประสงค์ที่ชั่วร้าย
ฉู่เหยานั่งแนบชิดอยู่ด้านหลังหลินมู่อวี่ เนินเนื้ออวบอิ่มน่าภูมิใจเบียดชิดกับแผ่นหลังของเขา ทว่าในเวลานี้เขาจะมีอารมณ์ไปคิดเรื่องอื่นที่ไหน ในใจได้แต่คิดหาทางหลบหนี
พวกเขาเดินทางกันทั้งวัน พริบตาเดียวฟ้าก็มืดแล้ว แต่ทหารรับจ้างของนัยน์ตาเหยี่ยวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินทาง หลังจากทานเสบียงที่เตรียมมาก็ออกเดินทางเข้าป่าลึกทันที พื้นที่เริ่มรกร้างมากขึ้น ไม่มีวี่แววคนอยู่อาศัย แถมระหว่างทางยังเผชิญกับสัตว์ร้ายอีกด้วย แต่ก็ถูกนัยน์ตาเหยี่ยวฆ่าตายจนหมด
กระทั่งเที่ยงคืน พวกเขาพักเพื่อกินอาหารอีกครั้ง
“ พี่ฉู่เหยา ที่พวกท่านพูดกันว่าขั้นขุนศึกระดับสิบเก้า กับปราชญ์สงครามระดับสี่สิบสองก่อนหน้านี้ มันคืออะไรเหรอ” หลินมู่อวี่ถามขณะกำลังกินอาหารอยู่
ฉู่เหยาถอนหายใจและเริ่มต้นอธิบาย “จักรวรรดิให้ความสำคัญกับพลังการต่อสู้อย่างมาก แทบจะทุกคนต้องร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่มีบางคนประสบความสำเร็จสูง แล้วก็มีบางคนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ฐานพลังของผู้ฝึกยุทธ์ถูกแบ่งเป็นสิบห้าขั้น และขอบเขตใหญ่จะมีห้าระดับ ได้แก่ขอบเขตมนุษย์ ขอบเขตปฐพี ขอบเขตนภา ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ขอบเขตเทพ แต่ละขอบเขตสามารถแบ่งออกได้เป็นสามชั้นก็คือชั้นมนุษย์ ชั้นปฐพี ชั้นนภา ซึ่งจะจัดแบ่งเป็นรูปธรรม ได้แก่ นักรบ แม่ทัพ วิญญาณสงคราม บรรพชนสงคราม ปรมาจารย์สงคราม ปราชญ์สงคราม ปรมาจารย์สวรรค์ ราชันย์สวรรค์ จักรพรรดิสวรรค์ แต่ละชั้นถูกแบ่งออกเป็นสิบระดับ ตัวอย่างเช่น พลังของข้าอยู่ในระดับสิบเก้า ข้าจึงอยู่ในขั้นแม่ทัพ ขอบเขตมนุษย์ ชั้นที่สอง ส่วนตาเหยี่ยว อยู่ระดับที่สี่สิบสอง จึงจัดอยู่ในขั้นปรมาจารย์สงคราม ขอบเขตปฐพี ชั้นที่สอง”
หลินมู่อวี่มึน ลำดับขั้นเยอะเกินไป ตัวเขาเองน่าจะอยู่แค่ระดับแรกแหง ถามมากเกินไปคงไม่ดี จึงพูด “ แล้วพวกเขาจะไปล่าสัตว์วิญญาณอายุสามพันปีเพื่ออะไรหรือ”
“ น่าจะเพื่อวิญญาณของสัตว์ร้ายหรือไม่ก็ศิลาวิญญาณล่ะมั้ง”
“…….” หลินมู่อวี่ไม่เข้าใจอีกแล้ว ท่าทางเหมือนพวกมือใหม่สุดๆ
ในเวลานี้เอง บุรุษหนุ่มที่สวมใส่อาภรณ์หรูหราปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ในมือของเขามีสุราไหหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาพูด “เหยื่อล่ออย่างพวกเจ้าสองคนคุยกันออกรสออกชาติซะจริงนะ ไม่รู้หรือว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามา”
ฉู่เหยาเงยหน้าพูดด้วยอารมณ์โกรธ “เจ้าเป็นใคร”
“ แม้แต่ฮว๋าหวันบุตรชายเจ้าเมืองอย่างข้ายังไม่รู้จัก ยังกล้า…” เขากำลังจะพล่ามต่อ และพบว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้านางนี้ช่างงดงามเสียเหลือเกิน!
เขาก็คือฮว๋าหวันที่ได้เป็นถึงนักปรุงโอสถระดับปรมาจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยผู้นั้นเหรอ
ฉู่เหยาตกใจอยู่เงียบๆ นางมองรอยยิ้มชั่วร้ายบนหน้าของฮว๋าหวันก็รู้สึกขนลุก ถึงกับพูดไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ